2/15

Ep.1027

“ฟ่านเสียน! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ซางฉุยซานถามเสียงเย็น

ซูเฉินคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ตระกูลซางคว้าโควต้าเอาไว้ได้ จึงเป็นธรรมดาที่เวลานี้เขาจะยืนอยู่ฝ่ายซูเฉิน

“ตระกูลซางของเจ้าคิดออกหน้าแทนซูเฉินงั้นหรือ?”

ฟ่านเสียนใบหน้าบึ้งตึง กระชากเสียงเบาๆ

“ก็แล้วถ้าใช่เจ้าจะทำไม?” ซางฉุยซานไม่ถอยหนี เขาเองก็เป็นระดับเทวะขั้น 6 เหมือนกัน ดังนั้นไม่หวาดกลัวเลย

เมื่อเห็นว่าซางฉุยซานดื้อดึงถึงเพียงนี้ ฟ่านเสียนก็ไม่ใช้ชวนทะเลาะอีก หันไปพูดกับซูเฉินว่า “ครั้งนี้มีรุ่นเยาว์ตระกูลฟ่านของข้าเข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวอยู่ไม่น้อย และพวกเขาต้องไม่เป็นอะไรเด็ดขาด เจ้าเข้าใจไหมว่าข้าหมายถึงอะไร?”

ซูเฉินมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในด้านความโหดเหี้ยม เขากังวลว่าซูเฉินจะลงมือกับเหล่าสมาชิกตระกูลฟ่าน

จุดประสงค์ที่แวะมาหาซูเฉินก็ง่ายมาก นั่นคือการเตือน

“นี่แกกำลังขู่ฉัน?”

ซูเฉินหรี่ตาลง น้ำเสียงเย็นยะเยือก

หากฟ่านเสียนคิดว่าเพราะตัวเองเป็นระดับเทวะขั้น 6 แล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้ต่อหน้าซูเฉิน เขาจะต้องจ่ายด้วยราคาอันน่าเจ็บปวด!

ซูเฉินยังเหลือแต้มพลังงานสำรองอยู่ เขาสามารถก้าวสู่ ระดับเทวะขั้น 6 ได้ตลอดเวลา บวกกับเปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] จะทำให้ขั้นของเขาต่ำกว่าฟ่านเสียนเพียงหนึ่งขั้น ถึงเวลานั้น การสังหารศัตรูข้ามขั้นก็ง่ายดายไม่ต่างจากการยกน้ำขึ้นดื่ม

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม แม้ฟ่านเสียนจะดูทรงพลัง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่นับเป็นสิ่งใดในสายตาซูเฉิน

“เจ้าจะคิดว่าเป็นคำขู่ก็ได้” ฟ่านเสียนกล่าวด้วยความรังเกียจ จากนั้นเตือนว่า “หากเจ้ากล้าทำร้ายคนใดคนหนึ่งในตระกูลฟ่านของข้า ก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย!”

ซูเฉินได้ยินพลันเบ้ปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมายว่า “สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดในชีวิตคือการถูกคนอื่นข่มขู่ ฉันรับประกันได้เลย ว่าอีกเดี๋ยวจะดูแลลูกหลานตระกูลฟ่านของแกเป็นอย่างดี!”

ได้ยินแบบนั้น เปลือกตาของฟ่านเสียนกระตุก

เข้าย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของซูเฉิน นั่นคือพร้อมจะมุ่งเป้ามายังลูกหลานตระกูลฟ่าน ซึ่งหากซูเฉินทำจริงๆ ไม่มีใครในรุ่นเยาว์ตระกูลฟ่านสามารถรับมือได้

โควต้าของงานประลองระดับดวงดาว มันเกี่ยวข้องกับเรื่องการเข้าสู่เขตแดนลับมิติ ไม่อาจพลาดได้! ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด!

เพื่อให้ซูเฉินล้มเลิกความคิดเมื่อครู่ออกไป ฟ่านเสียนขู่อีกครั้งว่า “ซูเฉิน! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนของตระกูลฟ่าน ข้าจะฟาดเจ้าจนกว่ากระดูกเจ้าจะเป็นผุยผง! แม้แต่ตระกูลซางกับตระกูลฉีก็อย่าหวังว่าจะปกป้องเจ้าได้!”

“ฟ่านเสียนช่างสิ้นคิดจริงๆ” ฉีชิงเฉวียนลอบถอนหายใจ

แม้ซูเฉินจะอยู่เพียงระดับเทวะขั้น 3 แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงเทียบได้กับระดับเทวะขั้น 6 แล้วแบบนี้ เขายังต้องการให้คนอื่นมาปกป้องอีกหรือ?

และดูจากท่าทีสงบของซูเฉินแล้ว เขายังรู้สึกว่า การที่ฟ่านเสียนพูดแบบนี้กับซูเฉิน สุดท้ายคนที่ตายคงไม่พ้นเป็นฟ่านเสียนเอง

“ฟ่านเสียน เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกกันเช่นนี้ หากเจ้าต้องการประมือกับเราผู้เฒ่า งั้นเริ่มกันตอนนี้เลยดีหรือไม่?” ซางฉุยซานแค่นเสียงเย็นชา

ฟ่านเสียนอวดดี ทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก

ซูเฉินไม่ได้โกรธ กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แล้วฉันจะตั้งตารอ หวังว่าถึงเวลานั้นแกจะไม่กลายเป็นเต่าหัวหด!”

เวลานี้ ชื่อของฟ่านเสียนได้ถูกเขียนลงในรายชื่อสังหารของซูเฉินแล้ว แต่เรื่องลงมือคงต้องรอให้จบงานประลองระดับดวงดาวซะก่อน

เหตุการณ์ที่ซูเฉินกับฟ่านเสียนฮึดฮัดใส่กัน ได้ดึงดูความสนใจจากขุมกำลังอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างรวดเร็ว พวกเขาก้าวเข้ามามุงดู เริ่มวิพากษ์วิจารณ์

“เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน? เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม? ไม่ไว้หน้าฟ่านเสียนเลยสักนิด ไม่กลัวถูกฆ่าตายหรอ?”

“เขาคือซูเฉินจากเผ่ามนุษย์ เจ้าคิดหรือว่าเขาจะกลัวฟ่านเสียน?”

“อะไรนะ? เขาคือซูเฉิน??”

เมื่อได้ทราบถึงสถานะของซูเฉิน สีหน้าของผู้ชมรอบๆสั่นสะท้าน เหม่อมองไปทางซูเฉินเป็นสายตาเดียว

ชื่อเสียงของซูเฉินเมื่อไม่นานมานี้ สามารถอธิบายได้เพียงคำว่า ‘ดังสนั่น’

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องสังหารระดับเทวะไปหลายคน กระทั่งเมืองมู่กวงก็ยังถูกเขาทำลายอย่างไร้ปราณี และไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้

หากฟ่านเสียนต้องการใช้สถานะของเขาเพื่อข่มซูเฉิน ไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ

เพราะหากซูเฉินยอมประนีประนอม เช่นนั้นเขาคงไม่ได้รับสมญาเทพสังหารเช่นทุกวันนี้

3/15

 

Ep.1028

 

เมื่อเห็นว่าซูเฉินและคนอื่นๆต่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา มุมปากของฟ่านเสียนกระตุกด้วยความโกรธ

 

ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากพูดอีกครั้ง ไม่ไกลออกไป ในพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ จู่ๆก็มีคลื่นพลังงานมหาศาลถูกปล่อยออกมา ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากรอบด้าน

 

“สนามประลองดวงดาวเปิดแล้ว! รีบเข้าไปเร็ว!”

 

พื้นที่เปิดโล่งตรงหน้าพวกเขาคือสถานที่จัดงานประลองระดับดวงดาว เมื่อมันเปิดออก ชั้นม่านพลังงานจะแผ่ขึ้นปกคลุมรอบๆ

 

เมื่อม่านป้องกันประสานกันแล้ว จะไม่สามารถเข้าจากภายนอกได้

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ผู้เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาว ต้องเข้าไปก่อนม่านพลังสมานกัน

 

พริบตานั้นเอง ผู้คนจำนวนมากแห่กันเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่งเบื้องหน้า

 

“ซูเฉิน พวกเราก็รีบเข้าไปกันเถอะ” ฉีมู่เฟิงเตือน

 

“ไปเถอะ” ซูเฉินไม่ลังเลเลยสักนิด ก้าวตรงเข้าไปข้างหน้า โดยมีพวกฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆตามหลังไปติดๆ

 

ฟ่านเสียนเฝ้ามองซูเฉินจากไป ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ไม่กล้าลงมือในช่วงเวลานี้

 

เพราะในระหว่างขั้นตอนการสร้างม่านพลัง จะมีพลังงานของวิถีสวรรค์อยู่ หากผู้ใดกล้าลงมือ จักถูกฆ่าตายในพริบตา

 

ต่อให้เป็น ระดับเทวะขั้น 6 เมื่ออยู่ต่อหน้าวิถีสวรรค์ ก็ไม่ต่างจากมดปลวก

 

ไม่นาน ซูเฉินและคนอื่นๆก็เข้าไปในพื้นที่ว่างเปล่า ม่านพลังงานรอบๆเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์

 

 

งานประลองระดับดวงดาวมีโควต้าอยู่แค่ 100 ที่นั่งเท่านั้น เมื่อเหลือคนในสนามประลองครบ 100 คน ก็จะได้รับโควต้าโดยอัตโนมัติ และถือว่างานประลองจบลงเช่นกัน

 

และหากอยากให้จำนวนคนลดลงเหลือ 100 มีเพียงสองวิธีเท่านั้น

 

วิธีแรก ให้คนที่เกินออกไป ม่านพลังใช้ป้องกันคนภายนอกเท่านั้น แต่ไม่ได้ป้องกันคนข้างใน หากคุณอยากออกไป สามารถทำได้ตลอดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ต่างก็ต้องการแย่งชิงโควต้า ไม่มีใครยอมแพ้ง่ายๆ ดังนั้นจึงเหลือแค่วิธีที่สอง –ฆ่ากันเอง!

 

ขอแค่ฆ่ากันจนเหลือรอดครบ 100 คนก็พอแล้ว

 

ผู้ที่เข้าร่วมงานประลองระดับดวงดาวในครั้งนี้ แม้จำนวนจะเทียบไม่ได้กับผู้เข้าร่วมประลองในมิติท้ารบ แต่ก็ยังมีจำนวนเกือบ 300 คน

 

จำเป็นต้องกำจัดสองในสาม อัตราส่วนนี้ถือว่าไม่น้อย

 

“ซูเฉิน พวกเราจะจัดการใครก่อน?” ฉีมู่เฟิงถาม

 

ซูเฉินหรี่ตาลงและกวาดมอง กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ละเลงเลือดตระกูลฟ่านเป็นดาบแรก!”

 

ก่อนหน้านี้ ฟ่านเสียนเข้ามาข่มขู่เขา ถือเป็นการแตะเกล็ดย้อนของซูเฉิน ดังนั้นกลุ่มแรกที่เขาจะกำจัดก็คือตระกูลฟ่าน

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฉีมู่เฟิงและคนอื่นๆดูไม่สู้ดีนัก

 

ตระกูลฟ่านคือขุมกำลังอันดับสองจากสิบตระกูลซ่อนเร้น ฝ่ายนั้นไม่ได้มีแค่ฟ่านเสียนซึ่งเป็น ระดับเทวะขั้น 6 เท่านั้น แต่ยังมีบรรพชนในระดับเทวะขั้น 6 คอยปกป้องอยู่อีกคนหนึ่ง

 

หากลูกหลานตระกูลฟ่านถูกกำจัดออกไป นี่เท่ากับเป็นการเพาะสร้างความบาดหมางกับตระกูลฟ่าน และจะต้องถูกพวกเขาล้างแค้นอย่างนอน

 

ต่อให้ซูเฉินแข็งแกร่งแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาเป็นแค่ระดับเทวะขั้น 3 แล้วจะรับมือการล้างแค้นของตระกูลฟ่านได้อย่างไร?

 

“ซูเฉิน เปลี่ยนเป้าหมายเป็นตระกูลอื่นดีกว่า” ฉีมู่เล่ยเกลี้ยกล่อม ในความคิดของเขา ต่อให้ปล่อยคนของตระกูลฟ่านไป ก็ยังเหลือตำแหน่งโควต้ามากเกินพอ ไม่จำเป็นต้องสู้กับตระกูลฟ่านเลย

 

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าตระกูลฟ่านไม่รู้จักชั่วดี ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะกวาดล้างพวกมันทั้งหมดให้หายไป” ซูเฉินกล่าวเสียงเย็น

 

“ … ”

 

ฉีมู่เล่ยและคนอื่นๆตะลึงงัน –นี่ซูเฉินกำลังบอกว่าจะล้างบางตระกูลฟ่านงั้นหรือ?

 

ใช่วาจาใหญ่โตไปหน่อยกระมัง?

 

ตระกูลฟ่านมี ระดับเทวะขั้น 6 อยู่ถึง 2 คน! แล้วซูเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?

 

กระนั้น ด้วยความเข้าใจที่พวกเขารู้เกี่ยวกับซูเฉิน ซูเฉินไม่เคยเอ่ยคำพูดเพ้อเจ้อ เป็นไปได้ไหมว่าเขามีวิธีกำจัดตระกูลฟ่านจริงๆ?

 

ฉีมู่เฟิงนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “ทำตามที่ซูเฉินบอกเถอะ”

 

เขาอยู่กับซูเฉินมานานที่สุด ดังนั้นเข้าใจนิสัยของซูเฉินเป็นอย่างดี เมื่ออีกฝ่ายตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ไม่มีใครหยุดได้