3/8

 

Ep.1013

 

เห็นหลงหยูไม่ยอมตัดใจ สีหน้าของซางอวิ๋นกระชับขึ้นเล็กน้อย หันไปกระซิบกับซูเฉิน “ซูเฉิน ข้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่สามารถใช้หยุดพวกเขาได้ ในจังหวะที่ข้าใช้งานมัน ขอให้เจ้ารีบหนีออกจากที่นี่ทันที”

 

กำลังรบทางฝั่งหลงหยูแข็งแกร่งเกินไป หากให้สู้ตายกับพวกเขา เกรงว่าคงได้ตายจริงๆ

 

ดังนั้นแผนในตอนนี้ มีเพียงแต่ต้องหนีเท่านั้นจึงจะรอดชีวิต

 

“ไม่จำเป็น”

 

ซูเฉินปฏิเสธอย่างเฉยชา เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ “ก็แค่มดปลวกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น กุดหัวพวกมันให้หมดก็สิ้นเรื่อง”

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซางอวิ๋นแข็งค้างไป เหม่อมองซูเฉินอย่างตะลึงลาน ในสมองเกิดความสับสน

 

ในบรรดาพวกหลงหยู มีระดับเทวะขั้น 4 อยู่หลายคน! แต่ซูเฉินกลับบอกว่าทั้งหมดเป็นแค่มดปลวก? ทั้งยังเอ่ยปากว่าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดอีก อย่าบอกนะว่าเขาบ้าไปแล้ว?

 

ซางเฟยที่อยู้ข้างๆกลืนน้ำลายลงคอ ยื่นมือจับแขนฉีมู่เฟิง กล่าวเสียงกระซิบ “เฮียฉี รีบเกลี้ยกล่อมซูเฉินเถอะ”

 

ตัวเขาเองก็คิดว่าซูเฉินกำลังใช้วาจาใหญ่โต อาศัยเพียงหุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 4 และสัตว์เลี้ยงวิญญาณไม่กี่ตัว จะสามารถรับมือกับพวกหลงหยูได้อย่างไร?

 

ต่อให้ตอนนี้เพิ่มพวกเขาพ่อลูกเข้าไปด้วยก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะในบรรดาฝั่งนี้ เกรงว่าผู้ฝึกตนที่มีระดับสูงสุดจะเป็น ซางอวิ๋นซึ่งมีฐานฝึกตนอยู่แค่เทวะขั้น 3 เท่านั้น

 

ส่วนฐานฝึกตนของซูเฉิน ตัดทิ้งไปได้เลย เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะซูเฉินยังเด็กเกินไป ไหนจะเป็นแค่เผ่ามนุษย์ที่อ่อนแออีก ต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหน อย่างมากอยู่แค่ระดับเทวะขั้น 1 เท่านั้น

 

รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายผุดขึ้นบนมุมปากฉีมู่เฟิง “พี่ซางไม่ต้องเป็นห่วง คนพวกนี้ต่อให้มัดรวมกันก็ยังไม่พอที่จะสู้กับซูเฉินเพียงลำพังได้”

 

“ … ”

 

ซางเฟยอ้าปากค้าง ต้องรู้นะว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกหลงหยูนั้นเหนือกว่าในลำดับชั้นเดียวกันมาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 5 หากคิดเผชิญหน้ากับคนกลุ่มนี้ ยังต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

 

แล้วซูเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทวะได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!

 

แล้วทำไมฉีมู่เฟิงถึงมั่นใจในตัวซูเฉินนัก?

 

ขณะที่ซางเฟยกำลังสับสน หลงหยูได้เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

 

“เจ้าหนู ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง มอบแร่ทั้งหมดมา แล้วข้าจะปล่อยศพเจ้าในสภาพครบสามสิบสอง มิเช่นนั้นต่อให้เป็นกระดูก ข้าก็จะป่นมันไม่เหลือให้เห็น!”

 

“เกรงว่าแกคงไม่มีคุณสมบัติพอจะทำแบบนั้น”

 

ซูเฉินเบ้ปาก ค่อยๆก้าวเข้าหาหลงหยู

 

มองไปยังสีหน้าเรียบเฉยของซูเฉิน เผยให้เห็นกระทั่งท่าทีดูแคลนอยู่หลายส่วน หลงหยูระเบิดสีหน้าดุร้ายออกมา ฉีกยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าก็ยินดีเติมเต็มความปรารถนา!”

 

สิ้นเสียง เขายื่นกรงเล็บออกไป ตะปบลงเบื้องหน้าซูเฉิน

 

“มันจบแล้ว!”

 

ซางอวิ๋นถอนหายใจ หลงหยูคือยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง แต่ซูเฉินดันเลือกงัดเหล็กแข็งกับเขา เกรงว่าคงถูกกุดหัวในพริบตา

 

“ไอ้โง่เอ๊ย” ซูเฉินยิ้มดูแคลน ระเบิดพลังจิตออกมา ขณะที่กรงเล็บกำลังจะสัมผัสโดน พริบตานั้นถูกพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นกวาดเข้ามา ทุกการเคลื่อนไหวกลายเป็นเชื่องช้าซบเซา

 

“พลังจิต!” หลงหยูตกใจมาก ขณะที่กำลังจะสลัดหลุด จิตวิญญาณของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นตกอยู่ในความมึนงงสับสน

 

ซูเฉินชกออกด้วย [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] จากนั้นฉกเข้าคว้าคอหลงหยู ออกแรงเพียงเล็กน้อย

 

ได้ยินเพียงเสียงดังกร๊อบ ศีรษะหลงหยูเอียงผิดรูป กลิ่นอายแห่งชีวิตมลายหายไปทันที

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

 

หลายคนยังเผลอคิดว่าตาฝาดไปใช่หรือไม่

 

หลงหยูตายแล้ว?

 

ตายทั้งๆที่ยังไม่มีโอกาสแม้จะได้ต่อต้าน?

 

ผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 4 ยามอยู่ในมือของซูเฉิน กลับถูกบีบคอตายเหมือนบี้ลูกเจี๊ยบ? นี่มันจะไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอ?

 

แม้ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อมาก

 

“ซูเฉินแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ”

 

ใช้เวลาสักเลย กว่าซางอวิ๋นจะได้สติกลับมา แต่ใบหน้าของเขายังคงได้ซึ่งความตกใจ

 

ตอนแรกที่ซูเฉินบอกว่าจะสังหารหลงหยู เขาคิดว่าซูเฉินคงเสียสติไปแล้ว ไม่นึกฝันเลย ว่าอีกฝ่ายจะทำมันได้จริงๆ ทั้งยังดูผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง

 

นี่แสดงให้เห็นว่า ซูเฉินไม่ได้โม้เลยสักนิด ที่พูดไป เป็นเพราะเขามีคุณสมบัติพอที่จะทำมันได้จริงๆ

 

4/8

 

Ep.1014

 

“พี่ฉี ซูเฉินเป็นเทวะขั้นไหน?”

 

ซางเฟยกลืนน้ำลาย ลองถามหยั่งเชิงเสียงเบา

 

“ระดับเทวะขั้น 3 ” ฉีมู่เฟิงเฉลยตามตรง

 

แต่ที่เขายังไม่บอกก็คือ แม้ซูเฉินจะอยู่เพียงเทวะขั้น 3 แต่ด้วยวิชาแปลงร่างที่มี จะสามารถยกระดับฐานฝึกตนสู่ขั้น 4 ได้ในทันที อีกทั้งความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของซูเฉิน มันบดขยี้เทวะขั้น 5 ได้อย่างง่ายดาย

 

“เทวะขั้น 3 สามารถฆ่าเทวะขั้น 4 ได้ง่ายดายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

ซางเฟยตกใจถึงขีดสุด

 

เขาเคยได้ยินเรื่องผู้แข็งแกร่งสังหารศัตรูข้ามขั้นมาก่อน แต่การสังหารโดยใช้กลวิธีเหนือชั้นเช่นซูเฉิน เป็นอะไรที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!

 

ในเวลาเดียวกัน ชาวต่างเผ่าที่เหลือต่างเกิดความหวาดกลัว

 

ซูเฉินสามารถสังหารหลงหยูได้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่นึกฝันมาก่อน

 

ณ ตอนนี้ ในหัวใจของทั้งหมดเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ หากพวกเขารู้ว่าซูเฉินมีพลังมากขนาดนี้ คงไม่คิดยั่วยุ

 

แต่บางเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว หากคิดแก้ไขคงไม่ทัน ได้แต่อ้อนวอนขอซูเฉินให้อภัย

 

ส่วนเรื่องการผนึกกำลังสังหารซูเฉิน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะขนาดหลงหยูแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ก็ยังไม่สามารถดิ้นรนภายใต้ฝ่ามือของซูเฉิน แล้วพวกเขานับเป็นตัวผายลมอันใด!

 

หากพวกเขากล้าลงมือกับซูเฉิน เกรงว่าคงถูกเชือดทิ้งไปพริบตาเดียว

 

“ผู้อาวุโส พวกเราสำนึกผิดแล้ว ล้วนเป็นหลงหยูที่ยุยง ได้โปรดให้โอกาสพวกเรา”

 

ชาวต่างเผ่าระดับเทวะขั้น 4 คนหนึ่งคุกเข่าแทบเท้าซูเฉิน กราบกรานขอความเมตตาเสียงดัง

 

ชาวต่างเผ่าที่เหลือก็ทยอยกันคุกเข่าลง บางคนขลาดเขลาถึงขั้นโขกศีรษะ

 

ซูเฉินเหลือบสายตามอง กล่าวเสียงเย็นว่า “ฉันเคยให้โอกาสพวกแกแล้ว”

 

สิ้นเสียง ดาบสงครามสีดำสนิทเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา เล็งไปทางชาวต่างเผ่าและกวัดแกว่งออกไป

 

ในพริบตา กระแสสีฟ้าที่ปลดปล่อยคลื่นอสนีบาตอันน่าสยดสยองแผ่ออกมาจากมัน

 

ชาวต่างเผ่าเหล่านั้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกกลืนหายไปในกระแสสีฟ้า ชั่วพริบตาทั้งร่างถูกย่างเปลี่ยนเป็นไหม้เกรียม ล่วงลับทั้งๆในสภาพอย่างนั้น

 

“ช่างเป็นเวทย์ธาตุสายฟ้าอันทรงพลัง!”

 

ซางอวิ๋นต้องตกใจอีกครั้ง สามารถสังหารระดับเทวะนับ 10 ได้ในดาบเดียว อีกทั้งในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีเทวะขั้น 4 อยู่หลายคน

 

กระบวนท่าโจมตีอันน่าสยดสยองเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอ ในหัวใจไม่อาจสงบได้เป็นเวลานาน

 

“เผ่ามนุษย์ถึงกับปรากฏสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้นมา การได้ก้าวสู่ชั้นแนวหน้าของหมื่นเผ่าพันธุ์คงอยู่ไม่ไกลแล้ว!” ซางเฟยถอนหายใจด้วยอารมณ์ลึกล้ำ

 

ฉีมู่เฟิงกับฉีมู่เล่ยค่อนข้างสงบมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของซูเฉินมาก่อน ในหัวใจจึงพอมีภูมิต้านทานอยู่บ้าง เมื่อเห็นก็ไม่ตกใจจนเกินไป

 

ซูเฉินรวบรวมชิ้นส่วนที่ดรอป เรียกทุกคนขึ้นรถ

 

“เสี่ยวจือ ย้อนกลับทางเดิม”

 

เพียงก้าวแรกที่เหยียบขึ้นมา ซูเฉินออกคำสั่งทันที

 

เขาเสียเวลาอยู่ที่นี่มานานเกือบ 20 วันแล้ว จำเป็นต้องกลับไปยังป้อมปราการมิติโดยเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พลาดเปิดงานประลองระดับดวงดาว

 

ระหว่างทาง สองพ่อลูกซางอวิ๋นพูดคุยกับซูเฉินไม่หยุด ทุกคำที่เปล่งออกมา ล้วนกระตือรือร้น พยายามตีสนิท

 

เพราะซูเฉินไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ แต่ยังครอบครองพรสวรรค์และกำลังรบชั้นยอด พวกเขาพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตาตัวเองมาแล้ว

 

ดังนั้น คนแบบนี้ พวกเขาจะพลาดโอกาสที่จะคบหาเป็นสหายได้อย่างไร?

 

 

หนึ่งวันต่อมา ระหว่างล่องลอยอยู่ท่ามกลางอวกาศ [รถศึกอัจฉริยะ] แจ้งเตือนขึ้นทันที “เจ้านาย ข้างหน้าพวกเรา มีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะกำลังต่อสู้กันอยู่ จะให้อ้อมไปดีหรือไม่?”

 

ในมิติภายนอก มีอันตรายมากกว่าแผ่นดินใหญ่ เป็นเรื่องปกติที่ระดับเทวะจะฆ่าฟันกันเอง

 

“เสี่ยวจือ ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันเองเป็นฝั่งผู้ฝึกตนหมื่นเผ่าพันธุ์หรือสัตว์ร้ายมิติ?” ซูเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เจ้านาย เป็นผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์สองคนกำลังถูกไล่ล่าโดยสัตว์ร้ายมิติ หนึ่งในฝ่ายถูกล่า เป็นคนที่คุณรู้จักดี เขาคือ ผู้ทรงเกียรติหวูโหยวแห่งเผ่าวิญญาณ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] รายงานกลับไป