โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.83 – ไปยังแนวหน้า

 

ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ถึงจะสามารถสลัดหลุดคนเหล่านั้นได้

 

ทั้งสองปฏิเสธ ไม่คิดจะเข้าร่วมกับองค์กรใดๆ

 

กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 10 โมงเช้าแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้ ยังไงโจวฮ่าวก็ไปเรียนสาย

 

เมื่อฉินเฟิงมาถึงโรงเรียน คลาสของเขาก็เริ่มเรียนวิชาที่สองไปแล้ว ฉินเฟิงเคาะประตู เฉิงเฉาเมื่อเห็นอีกฝ่ายก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

 

“ไปยืนหลังห้อง แล้วตั้งใจฟังบทเรียนให้ดี!”

 

เฉิงเฉากล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา

 

“ครับอาจารย์!”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า เขาไปยืนหลังห้องจริงๆ แม้จะถูกลงโทษโดยการไม่ให้นั่ง เจ้าตัวก็ไม่บ่นอะไร

 

ในขณะที่คนอื่นๆในคลาสต่างก็มองไปทางฉินเฟิงด้วยแววตาที่แตกต่างกันออกไป บ้างชื่นชม , บ้างดูถูก และบางคนก็แสดงออกถึงความเป็นห่วง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงได้แสดงถึงความร้ายกาจในวิชาปืน ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์ที่สอนเลย แต่ยังไงซะ พวกเขาก็เป็นนักเรียนคลาสอบิลิตี้ และสิ่งที่พวกเขาต้องเชี่ยวชาญจริงๆก็คือ ‘การใช้พลังพิเศษ’

 

ทุกคนในชั้นเรียนต่างรู้เกี่ยวกับระดับอบิลิตี้ของกันและกัน มีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่พวกเขายังไม่ทราบ

 

คนในคลาสส่วนใหญ่คาดเดาว่าในด้านการใช้อบิลิตี้ของฉินเฟิงคงไม่ดีนัก และเขาอาจจะต้องสลับอาชีพไปเป็นมือปืนในอนาคต

 

และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินเฟิงไม่สามารถเข้ากับคนอื่นๆในคลาสได้!

 

โชคยังดี ที่อาจารย์เริ่มสอนต่ออย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนในคลาสเลยเลิกสนใจฉินเฟิง หันมาเพ่งสมาธิไปกับการเรียนดังเดิม

 

หลังจากผ่านพ้นบทเรียนไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว เสียงประกาศบอกเวลาก็ดังขึ้น ฉินเฟิงเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของเฉิงเฉา

 

สีหน้าของเฉิงเฉาดูเคร่งเครียด เขาดุฉินเฟิงโดยไม่สนใจว่ามีนักเรียนคนอื่นอยู่รอบๆ “ฉินเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน? คราวนี้เธอเริ่มไม่สนใจที่จะเรียนในวิชาของฉันเหมือนของอาจารย์หยางแล้วหรอ?”

 

“อาจารย์ครับ ผมมีอะไรบางอย่างจะบอกอาจารย์”

 

ฉินเฟิงเลี่ยงประเด็นของเฉิงเฉา เขาจะไม่สนใจเรียนวิชานี้ได้อย่างไร? หากไม่มีวิชาของเฉิงเฉา ฉินเฟิงอาจไม่มาโรงเรียนแล้วก็ได้

 

“มันคืออะไร? คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มาสายในวันนี้สินะ? ตั้งใจเล่ามาให้ดี ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะไม่ฟังคำแก้ตัวอะไรของเธออีก!”

 

อารมณ์ของเฉิงเฉาบูดบึ้ง แต่ฉินเฟิงก็ไม่ชักสีหน้าใดๆตอบโต้กลับไป

 

ใบหน้าของเขายังคงเยือกเย็นดังเดิม

 

สงบนิ่ง ไม่หวาดกลัว หรือหวั่นเกรง

 

เฉิงเฉาไม่เคยเห็นนักเรียนแบบนี้มาหลายปีแล้ว

 

ฉินเฟิงพยักหน้า พลางหยิบตราสัญลักษณ์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา มันเผยถึงตัวอักษร G ที่ใช้กันโดยทั่วไปในพันธมิตรมนุษยชาติ

 

“อาจารย์ครับ ตอนนี้ผมน่าจะสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามกองทัพซากศพได้แล้วใช่ไหมครับ”

 

มองไปยังตราสัญลักษณ์ตรงหน้า ปากของเฉิงเฉาอ้ากว้างเป็นรูปตัว ‘O’

 

ในชั้นเรียน นักเรียนที่ยังไม่ได้ออกจากห้อง เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง

 

“นั่นมันตราสัญลักษณ์ของผู้ใช้พลัง! ฉินเฟิง นายผ่านการรับรองแล้วอย่างงั้นหรอ?”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“ไหนๆ ขอฉันดูหน่อย”

 

ในพริบตา นักเรียนเกือบทั้งชั้นก็พุ่งเข้ามา มุงดูตราสัญลักษณ์ของฉินเฟิง

 

“มันจะใช่ของจริงเร้อ” หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ ในหัวใจรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงเป็นแค่นักเรียนใหม่ แถมยังเป็นนักเรียนที่ไม่ตั้งใจเรียนอีกด้วย!

 

เวลานี้ ในหัวใจของเฉิงเฉาก็สับสนเช่นกัน ตอนแรก เขาเองก็สงสัยว่าตราสัญลักษณ์นี้เป็นของปลอมหรือไม่ แต่ด้วยประสบการณ์หลายปีของตนเอง เจ้าตัวรู้สึกว่าตรานี่ไม่เหมือนกับของปลอมเลย

 

“มันจะเป็นของจริงหรือปลอม ลองตรวจสอบดูก็จะรู้เอง!” ฉินเฟิงส่งตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังให้กับเฉิงเฉา

 

เฉิงเฉารับตราสัญลักษณ์มา เปิดอุปกรณ์สื่อสารด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเริ่มสแกนรหัสส่วนบุคคลด้านล่าง ที่ไม่มีใครสามารถปลอมแปลงมันได้

 

ไม่นานนัก ข้อมูลของฉินเฟิงก็ปรากฏขึ้น และเวลาข้างต้นในการรับรองก็เป็นเมื่อราวๆ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

 

เฉิงเฉาในเวลานี้ถึงขั้นสูดหายใจลึก

 

ในความเป็นจริง คนที่เพิ่งตื่นขึ้น แล้วมีความแข็งแกร่งไปถึงเลเวล G เลย มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ยกตัวอย่างเช่น เฉิงเฉาได้รู้มาว่า ในคลาสผู้ใช้วรยุทธโบราณ มีอัจฉริยะที่เรียกกันว่าโจวฮ่าวอยู่ เด็กคนนี้ยังไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆจากทางสถาบัน แต่เขากลับสามารถทำการทดสอบพลังโจมตีได้มากกว่า 500 แต้ม หรือกล่าวได้ว่ามีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล G1 ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

 

แต่การมีความแข็งแกร่งข้างต้น กับการได้ครอบครองตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลัง ทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันจำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ร้ายกว่า 200 ตัว ในระยะเวลา 3 วัน อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ ฉินเฟิงยังมาเข้าเรียนอยู่เลย

 

“นี่ … เธอไปเข้ารับการทดสอบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เฉิงเฉาพูดติดๆขัดๆเล็กน้อย

 

ฉินเฟิงยังคงมีท่าทีสงบ เขาตอบกลับไป “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมเคยถามอาจารย์แล้วหรอครับ ว่าตราบใดที่ผ่านการรับรองว่าเป็นผู้ใช้พลังเลเวล G อาจารย์ก็จะอนุญาตให้ผมไปที่แนวหน้า เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามกองทัพซากศพตามที่สัญญากันไว้”

 

เฉิงเฉาอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่ได้สัญญาเอาไว้ซักหน่อย เพียงแต่บอกว่าถ้าฉินเฟิงครอบครองตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังเลเวล G ก็ถือว่ามีคุณสมบัติที่จะได้ไป

 

“เพราะแบบนั้น เธอเลยตัดสินใจไปขอรับการทดสอบในอีกสองวันต่อมา ว่าแต่เธอเอาเวลาที่ไหนไปฆ่าสัตว์ร้าย?” เฉิงเฉาเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้

 

“ในช่วงหลังเลิกเรียนตอนเย็นครับ”

 

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หากแต่เสียงนี้ สำหรับคนอื่นๆ มันสะท้อนอยู่ในหูราวกับเสียงฟ้าผ่า!

 

หลังจากช่วงเย็นในทุ่งล่า ทั้งหมดต่างทราบกันดีจากคำสอนและคำบอกเล่า ว่ามันอันตรายเพียงใด มันคือเวลาที่สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนต่างออกหากิน แต่ตอนนี้ฉินเฟิงไม่เพียงออกไปล่าในช่วงกลางคืน แต่ยังสามารถสังหารพวกสัตว์ร้ายกว่า 200 ตัวลงได้อีกด้วย

 

“เธอมันบ้าไปแล้ว!” เฉิงเฉาตกใจจนน้ำเสียงสั่นไหว แต่ไม่นาน เขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้ เจ้าตัวกระแอมไอสองสามครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจ “ฉินเฟิง ในเมื่อเธอครอบครองตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังเลเวล G แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะสามารถไปสู้ในแนวหน้าได้ แต่ผู้อำนวยการเติ้งได้ออกเดินทางไปก่อนแล้วนะ ฉันกลัวว่าเธออาจจะติดตามทีมของเขาไปไม่ทัน!”

 

ฉินเฟิงรับตราสัญลักษณ์กลับคืน เขาพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ

 

“เรื่องนั้นอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะผมมีรถศึกเป็นของตัวเอง ”

 

เฉิงเฉาบ่นในใจว่าฉันจะไม่เป็นห่วงเธอได้ยังไง? แต่ก็ทราบดีว่าเขาไม่สามารถหยุดฉินเฟิงได้

 

“เฮ้อ … ก็ได้ ฉันอนุมัติวันหยุดให้เธอ แต่เธอจะต้องกลับมาภายในหนึ่งเดือน และเธอห้ามพลาดการเข้าร่วมในสวนล่าใบไม้ผลิเด็ดขาด!”

 

หนึ่งเดือนต่อจากนี้ คือประเพณีร่วมทดสอบของทั้งห้าเขต เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ที่จะสำแดงออกไปต่อหน้าทุกคน เฉิงเฉาก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น

 

ไอ้เด็กตรงหน้าเขา มันบ้าก็จริง แต่ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะเช่นกัน!

 

เพียงเริ่มการเรียนการสอนไปได้แค่ไม่กี่วัน ก็สามารถทะยานขึ้นไปอยู่ในเลเวล G ได้แล้ว ไหนจะผ่านการรับรองผู้ใช้พลังอีก แบบนี้ ถ้าฉินเฟิงไปยังสวนล่าใบไม้ผลิ เขาจะไม่ระเบิดพลังไล่ฆ่าทั้งสี่ทิศ และบดขยี้สถาบันอื่นๆจนราบคาบเลยหรอกหรือ?

 

ในปีนี้แหละ เขตเฉิงเป่ยจะต้องทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างมิอาจมีผู้ใดต้านทาน!

 

“เข้าใจแล้วครับอาจารย์!”

 

ต่อมา ฉินเฟิงก็ออกจากห้องเรียนไป แต่นักเรียนคนอื่นๆยังทึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ สักพัก ข่าวที่ว่าก็แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ว่ามีนักเรียนชั้นปีที่ 1 สามารถผ่านการรับรองผู้ใช้พลัง และได้รับการอนุญาติให้เดินทางไปยังแนวหน้า

 

แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็พบว่าไม่ใช่ฉินเฟิงคนเดียวที่สามารถทำเช่นนี้ได้

 

มันยังมีอีกคนหนึ่ง -เป็นโจวฮ่าวจากคลาสผู้ใช้วรยุทธโบราณ!

 

และบางคนยังกล่าวว่า โจวฮ่าวกับฉินเฟิงน่ะเป็นเพื่อนกัน!

 

แต่นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะอัจฉริยะก็ต้องมีเพื่อนเป็นอัจฉริยะสิ!

 

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ดังนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจพักผ่อนจนเต็มอิ่ม ก่อนจะเริ่มมุ่งหน้าสู่ทุ่งล่า

 

เนื่องจากภารกิจปราบปรามกองทัพซากศพที่กำลังก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสถานที่ชุมชนได้ประกาศออกไปตั้งแต่เมื่อสองวันที่แล้ว

 

ดังนั้นในสถานที่ชุมชน เลยเต็มไปด้วยโฆษณาชวนเชื่อ เขียนตัวอักษรใหญ่ๆว่ากำลังสรรหาผู้ใช้พลังเพื่อออกไปต่อสู้ในทุ่งล่า และมีรางวัลตอบแทนก้อนใหญ่ให้

 

ช่วงเวลาหกโมงเย็น รถของฉินเฟิงกับโจวฮ่าวก็เริ่มขับไปตามถนน รถคันอื่นๆต่างหลีกทางให้พวกเขา เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่สู้รบในแนวหน้า

 

เมื่อได้มาพบเจอกับสถานที่ซึ่งศิลานรกเคยร่วงตกลงมาอีกครั้ง ฉินเฟิงก็แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง!