โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.74 – อาจารย์วิชาปืนช่างหยาบคาย

 

พอถึงช่วงเที่ยง ฉินเฟิงหยิบเนื้อตากแห้งที่เก็บไว้ในพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ขึ้นมากินโดยไม่ไปโรงอาหาร เขาตรวจสอบข้อมูลต่อไป แต่คราวนี้ข้อมูลที่เขากำลังตรวจสอบเป็นรูนของธาตุอื่นๆ

 

โดยมุ่งเน้นธาตุไฟเป็นเฉพาะ เพราะอย่างไรเสีย ฉินเฟิงเองก็เป็นผู้ที่สามารถใช้รูนไฟกลายพันธ์ได้เช่นกัน

 

ระหว่างที่เขากำลังค้นข้อมูลอยู่ จู่ๆอุปกรณ์สื่อสารก็เริ่มสั่นไหว

 

พอฉินเฟิงยกขึ้นดู ปรากฏว่ามันเป็นจ้าวหยู ที่เพิ่งจะขอเบอร์เขาเมื่อเช้านี้เอง

 

“หัวหน้าห้อง มีอะไรงั้นหรอ?” ฉินเฟิงถามอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ฉินเฟิง นายโดดเรียนอีกแล้วนะ อาจารย์วิชาอาวุธปืนเขาเช็คชื่อ และพบว่านายไม่มา 2 ครั้งแล้ว ตอนนี้เขาเลยหมดอารมณ์จะสอนคนทั้งชั้น ถ้านายยังอยู่ในโรงเรียน ขอเหอะ รีบมาเข้าเรียนด้วย!” จ้าวหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนระคนหวาดกลัว

 

ฉินเฟิงเงียบไปพักหนึ่ง คล้ายกำลังนึกถึงภาพสถานการณ์ของหัวหน้าห้องที่ถูกดุในฐานะตัวแทนนักเรียนประจำชั้น

 

อาจารย์วิชาปืนกำลังโกรธ เขาเลยเลือกที่จะไม่สอนทุกคน!

“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

 

“โล่งอกไปที! รีบมาเลยนะ พวกเราอยู่ในสนามยิงปืน!”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

สนามยิงปืนของสถาบันระดับสูงในชุมชนทางตอนเหนือ ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโถงกีฬา ถึงจะกล่าวกันว่าโถงกีฬา แต่ในความเป็นจริงแล้วรอบๆสถานที่แห่งนี้มีสภาพคล้ายกับเมืองขนาดย่อม เนื่องจากมันเป็นจุดรวมพลเก่า

 

ห้องโถงกีฬามีเพียง 8 ชั้น แต่กว่าที่ฉินเฟิงจะขึ้นลิฟต์ไปยังสถานที่เรียกวิชาปืน เวลาก็ล่วงเลยไปกว่า 20 นาทีแล้ว

 

เมื่อฉินเฟิงมาถึง นักเรียนทุกคนที่อยู่รอบๆก็มองเขาเป็นสายตาเดียว แน่นอน ว่าอาจารย์เองก็เช่นกัน

 

“เธอเป็นนักเรียนคลาสอะไร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? มีเรียนกับเขาด้วยหรือ?”

 

อาจารย์วิชาปืนกล่าวประชดแดกดัน

 

จ้าวหยูกลัวว่าฉินเฟิงจะถูกไล่กลับไป เพราะอาจารย์กำลังอารมณ์เสีย เลยเร่งอธิบายว่า “อาจารย์หยาง เขาคือนักเรียนคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ของพวกเรา มาเพื่อเรียนวิชานี้”

 

“คลาสผู้ใช้อบิลิตี้มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมดแล้ว!!”

 

จู่ๆอาจารย์หยางก็ขึ้นเสียง ตะโกนเสียงดังจนหูแทบแตก

 

“อย่าคิดนะว่าแค่ปลุกอบิลิตี้ให้ตื่นขึ้นมาได้ แล้วตัวเองจะกลายเป็นคนเก่งจนไม่ต้องไว้หน้าใคร ความแข็งแกร่งของพวกเธอในตอนนี้มันก็ไม่แตกต่างจากคนธรรมดาเท่าไหร่นักหรอก ใช้พลังทำอะไรได้บ้างล่ะตอนนี้? จุดบุหรี่? เรียกน้ำมาดื่มดับกระหาย? ปลูกต้นข้าวสาลี? เหอะ! พวกนั้นมันไม่ช่วยอะไรเลย สิ่งที่ช่วยให้พวกเธอสามารถรอดชีวิตไปได้ในช่วงแรก มันคือวิชาปืนต่างหาก! แต่ในเมื่อมีคนไม่ต้องการจะเรียน ก็ไสหัวไปซะ!”

 

อาจารย์หยางกล่าวอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำเสียงเสียดแทง ทว่าหากสังเกตดีๆ จะค้นพบถึงร่องรอยของความอิจฉาในแววตาของเขา

 

อาจารย์หยางเป็นคนจ้าวอารมณ์และเอาแต่ใจมากๆ ชนิดที่ว่าในชั้นเรียนเมื่อวันก่อน เขาถึงขั้นสั่งให้ทั้งชั้นเรียนทดลองยิงปืนพกแบบเก่า โดยไม่บอกล่วงหน้าว่าต้องนำที่อุดหูมาด้วย ผลลัพธ์เลยกลายเป็นว่า หูของคนกว่าครึ่งชั้นอื้ออึงไปตลอดทั้งวัน

 

ด้วยเหตุนี้เอง นักเรียนจึงจดจำอาจารย์คนนี้ได้เป็นอย่างดี แถมยังรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่หน่อยๆ

 

จังหวะนั้นเอง ฉินเฟิงค่อยๆก้าวเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน และมองไปยังโต๊ะปฏิบัติการซึ่งเต็มไปด้วยอาวุธปืน

 

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถึงแม้ว่าที่อาจารย์พูดมันจะฟังดูดี แต่อาวุธที่อาจารย์บอกว่าสามารถใช้ช่วยชีวิตได้พวกนี้มันล้วนเป็นอาวุธระดับต่ำ ผมได้ยินมาว่าในสถาบันระดับสูงมีอิสระในการเรียน และผมคิดว่าวิชานี้ไม่มีประโยชน์ มันไม่ได้ช่วยอะไร ผมก็เลยไม่มา”

 

“ไม่มีประโยชน์อย่างงั้นหรอ?” แววตาของอาจารย์หยางสาดประกายด้วยความโกรธ “เธอหมายความว่ายังไงไอ้ที่บอกว่าไร้ประโยชน์? เธอมันบ้าไปแล้ว คิดว่าตัวเองครอบครองตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังเลเวล G แล้วรึไง? ใช้คำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ตอนนี้ แค่ฉันประชิดตัวแล้วกดมือลงบนไหล่เธอ เธอก็ไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้แล้ว นั่นหมายความว่าอะไรรู้ไหม? มันหมายความว่าหากปราศจากอาวุธปืนไว้ช่วยชีวิต พวกผู้ใช้อบิลิตี้อย่างเธอมันก็แค่ตัวไร้ประโยชน์! ขนาดไปในทุ่งล่า เจอสัตว์ร้ายทีไร พวกผู้ใช้อบิลิตี้แบบเธอยังต้องอยู่ในแนวหลังเลย!”

 

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา นักเรียนทั้งชั้นก็แสดงออกถึงแววตาไม่พอใจอย่างชัดเจน

 

นั่นเพราะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าผู้ใช้อบิลิตี้นั้นแข็งแกร่งที่สุดในสายอาชีพต่อสู้ แต่คำพูดของอาจารย์หยางกลับดูถูกพวกเขาเป็นอย่างมาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น นักเรียนทั้งคลาสนี้ล้วนเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์หยางกำลังดูถูกพวกเขาอยู่หรือ?

 

ต้องทราบนะว่าคนที่สามารถปลุกอบิลิตี้ให้ตื่นขึ้นมาได้ ล้วนมีความภาคภูมิใจในวาสนาของตนเอง!

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น กล่าวประชดประชันสวนกลับไป

 

“อาจารย์ครับ ผมไม่ได้บอกว่าอาวุธปืนไม่ดี แต่ผมแค่บอกว่าไอ้เรื่องที่คุณจะสอนน่ะ มันไม่จำเป็นต้องเรียนรู้!”

 

“ว่ายังไงนะ!?” อาจารย์หยางเดือดขึ้นมาอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วหนอ? ที่ไม่มีใครกล้ามาเอ่ยปากก่นด่าวาจาทิ่มแทงแบบนี้ใส่เขา?

 

ไอ้เด็กนี่ คงจะเป็นเพราะเมื่อวานมันโดดเรียน เลยยังไม่เห็นถึงความโหดร้ายของฉันใช่ไหม?

 

“ไอ้เด็กเหลือขอ เชื่อไหมว่าฉันสามารถขัดขวางไม่ให้แกเรียนจบวิชาอาวุธปืนได้ วิชาที่สำคัญเป็นอันดับสองในชั้นเรียนผู้ใช้อบิลิตี้ ตอนนี้แกยังกล้าพูดว่าแกไม่จำเป็นต้องเรียนในสิ่งที่ฉันสอนอีกรึเปล่า?”

 

“โห? ขัดขวางไม่ให้เรียนจบสินะ” ฉินเฟิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าอาจารย์หยางน่ะเหมือนกับหมาบ้า สุดท้ายก็เอ่ยปากข่มขู่เขา “งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง ขอให้อาจารย์ทำการทดสอบปลายภาคแก่ผมตั้งแต่ตอนนี้เลย ถ้าผมชนะหรือผ่านการประเมิน ต่อไปผมก็ไม่จำเป็นต้องมาเข้าชั้นเรียน และอาจารย์ก็ต้องใส่คะแนนเต็มให้ผมด้วย คิดว่าอย่างไรครับ? ”

อาจารย์หยางฉีกรอยยิ้มน่าหวาดหวั่นด้วยความโกรธ

 

“เห? ได้เลย เธอกล้าหาญมาก ฉันไม่เคยพบเจอไอ้บ้าแบบนี้มาก่อนเลย ชื่อฉินเฟิงใช่ไหม? งั้นพวกเราจะมาทดสอบกัน ถ้าเธอผ่านเธอก็จะจบหลักสูตรนี้ได้ทันที แต่ถ้าเธอล้มเหลว เธอก็จะต้องออกจากสถาบันระดับสูงแห่งนี้ไปทันทีเหมือนกัน!”

 

บังเกิดเสียงร้องอุทานจากนักเรียนรอบข้าง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าอาจารย์หยางจะพูดแบบนั้นออกมา

 

“อาจารย์หยาง แบบนั้นไม่ได้นะคะ อาจารย์ลงโทษเขาแรงเกินไปแล้ว พอเถอะค่ะ หลังจากนี้ไปหนูจะตามตัวฉินเฟิงมาเข้าเรียนวิชาปืนทุกวันให้เอง!”

 

จ้าวหยูเอ่ยปากออกไป ในขณะที่นักเรียนคนอื่นแม้จะขุ่นเคืองแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าอาจารย์หยางทำเกินไป

 

“หุบปาก! ตกลงว่าฉันเป็นอาจารย์ หรือเธอเป็นกันแน่? ในเมื่อนักเรียนมันดื้อด้าน ฉันก็จะไม่เอามันไว้!”

 

จ้าวหยูคอตก ก้มหน้าลง ดวงตาของเธอเริ่มแดงเรื่อ

 

ในเวลานี้ ใบหน้าของฉินเฟิงเลยกลายเป็นเย็นเยียบ

 

อาจารย์หยางคนนี้หยาบคายเกินไปแล้วจริงๆ!

 

หากดุด่าเพียงตนมันก็ไม่เป็นไร แต่นี่ไปลงกับคนอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฉินเฟิงจะทันได้เอ่ยปากออกไป อาจารย์หยางก็หยิบปืนออกมาจากกองจักรกลกระบอกหนึ่ง และเริ่มแยกส่วนมัน

 

นี่คือปืนพกที่ใช้สอนพวกผู้ใช้อบิลิตี้ เป็นปืนที่พกได้ไปไหนได้สะดวก

 

แต่เห็นได้ชัด ว่าปืนพกกระบอกนี้มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่าปืนอื่นๆมากนัก และยังดูมีแรงดีด ต่อการยิงที่มากกว่าเช่นกัน

“ประกอบปืนนี้ให้ได้ภายใน 30 วินาที จากนั้นก็เล็งยิงไปที่ใจกลางเป้าสิบนัด โดยคะแนนเฉลี่ยทั้งหมดต้องมากกว่า 8 แล้วจะถือว่าผ่านการทดสอบ!”

 

ทั่วบริเวณพลันเงียบงัน ทั้งหมดไปคาดคิดเลย ว่าการทดสอบจะยากเย็นถึงขนาดนี้!

 

ต้องทราบนะว่าในสถาบันระดับกลาง พวกเขาได้เรียนรู้วิชาต่อสู้มาก็จริง แต่ไม่มีใครเลย ที่เคยเรียนวิชาอาวุธปืนมาก่อน

 

สำหรับอาวุธปืน พวกเขาเพิ่งเคยได้จับมันเมื่อวานนี้เอง นับว่าเป็นมือใหม่ของมือใหม่อย่างแท้จริง

 

ปัจจุบัน ปืนพกที่ให้ประกอบมันซับซ้อนเกินไป จนไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน หลังจากที่ถูกแยกออกจากกัน

 

สีหน้าของฉินเฟิงยังคงสงบนิ่ง

 

“อาจารย์หยาง ทำไมอาจารย์ไม่ร่วมทดสอบกับผมล่ะ? ถ้าอาจารย์ล้มเหลว อาจารย์ก็จะได้รวดออกจากสถาบันระดับสูงทางตอนเหนือไปด้วยเลยไง?”

 

“ไอ้เด็กปากปีจอ ถ้าไม่เห็นความตายตรงหน้า แกก็จะไม่ยอมหยุดใช่ไหม!?” อาจารย์หยางหัวเราะเย้ยหยัน แต่ฉินเฟิงทราบดีว่าอีกฝ่ายยอมตกลงแล้ว

 

อาจารย์หยางแน่นอนว่าย่อมไม่ตระหนักถึงแผนการของฉินเฟิง ว่าในตอนนี้เขากำลังล่อลวงอาจารย์ให้เข้าร่วมทดสอบ สองตาคอยจ้องมองสองมือของอาจารย์ ระหว่างที่อาจารย์หยางประกอบปืน มือของเขาก็จะวูบไหวประกอบปืนตาม และหลังจากที่คาดเดาชิ้นส่วนต่างๆได้คร่าวๆแล้ว ก็จะเร่งสปีดกลางคัน แล้วชิงประกอบปืนจนสมบูรณ์ตัดหน้า สาดกระสุนยิงเข้าใส่ใจกลางเป้าก่อน —เท่านี้ฉินเฟิงก็จะชนะ!

 

และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ อาจารย์หยางไม่คิดปฏิเสธแต่อย่างใด

 

“ก็เอาสิ ฉันจะแสดงให้เห็นเอง ว่ามือปืนที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร!”

 

อาจารย์หยางเพียงสะบัดนิ้ว หยิบปืนรุ่นเดียวกันออกมา บังเกิดเสียงดังแกร๊งกรั๊ง แยกประกอบออกมาเป็นชิ้นส่วนจักรกล

 

ดวงตาของจ้าวหยูเป็นสีแดงเรื่อ ปัจจุบันเธอกลายเป็นผู้ตัดสิน และคนจับเวลา

 

“เตรียมพร้อม — เริ่มได้!”

 

ภายใต้คำประกาศ สองคนสี่มือก็วูบไหวในเวลาเดียวกัน