โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.71 – เสี่ยวไป๋ลงมือ

 

พรึบ!

 

เสียงนี้ มิใช่เสียงหนักทึบระหว่างหมัดปะทะกับร่างกายดังเช่นคราวก่อนๆ แต่ฟังดูเหมือนเป็นเสียงของเปลวไฟที่แผดเผาเสื้อผ้าซะมากกว่า

 

และไม่นาน เพลิงโลกันต์ก็ทะลุผ่านชั้นผิวหนัง เจาะเข้าสู่ชั้นเนื้อภายใน ผลาญทุกสิ่งที่กีดขวางและบริเวณโดยรอบกำปั้นของฉินเฟิง!

 

“อ๊อก … ”เทพเถื่อนกระอักเลือดคำโตอย่างมิอาจฝืนกลั้น ในแววตาเริ่มมืดมน สูญสิ้นชีวิตชีวา

 

ฉินเฟิงกระชากมือออก เมื่อไร้สิ่งใดรองรับ ร่างของเทพเถื่อนก็ร่วงหงายลงไปข้างหลังทันที

 

โครม!

 

ร่างมหึมาของเทพเถื่อนล้มลงกับพื้น ฝุ่นผงที่เกิดจากความเสียหายก่อนหน้าฟุ้งกระจาย

 

หลังจากเทพเถื่อนล้มลงกับพื้นจนแน่นิ่งไปแล้ว ผู้คนจึงค่อยเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าปรากฏหลุมขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาในหน้าอกของเทพเถื่อน เนื้อหนังรอบๆกลายเป็นสีดำไหม้เกรียม หัวใจที่คอยสูบฉีดเลือดถูกแผดเผา สลายไปไม่เหลือแม้ร่องรอย!

เทพเถื่อนจบชีวิตลงแล้ว!

 

บังเกิดความเงียบในในฝูงชน

 

แต่ในวินาทีต่อมา เฮฮฮฮ!! -เสียงโห่ร้องดั่งพายุกระหน่ำก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

 

จิ้งจอกคลั่งชนะแล้ว!

 

เดิมที หลังจากที่ได้เห็นกระบวนท่าวรยุทธ ในมุมมองของทั้งหมด ต่างก็คิดกันว่าเทพเถื่อนน่ะทรงพลังเกินไป คงมิอาจโค่นล้ม แต่ในที่สุด เขาก็พ่ายแพ้!

 

ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องกังวาน

 

“ชนะสิบครั้ง! ชนะสิบครั้งติดต่อกัน!”

 

“โคตรมันส์เลย!”

 

“จิ้งจอกคลั่งแข็งแกร่งต่อต้านฟ้าดินเกินไปแล้ว!”

 

ฝูงชนคำรามสุดเสียง ตรงกันข้ามกับผู้ตัดสินและพิธีกร ที่ทั้งคนทั้งร่างกลายเป็นแข็งทื่อ

 

ฉากนี้ มันเหมือนกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่มีผิดเพี้ยนเลย!

 

ผู้ตัดสินยังไม่ได้ประกาศชัยชนะ โล่พลังงานก็ยังไม่ถูกปิด ทว่าฉินเฟิงได้หายตัวไปแล้วจากในบนเวที

 

ซ่อนเงา!

 

ฉินเฟิงตัดสินใจออกจากเวทีโดยไม่สนใจคำตัดสินของกรรมการ แน่นอนว่าถ้าทำแบบนี้ เรื่องรางวัลคงไม่ต้องกล่าวถึง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาได้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนเองเป็นที่เรียบร้อย

 

กำลังภายในอันยิ่งใหญ่อันแน่นอยู่ภายในร่างกายของฉินเฟิง ตันเถียนของเขาจุกจนแทบจะระเบิดออก ดังนั้นในตอนนี้ ตนต้องรีบทำการยกระดับ หรือไม่ก็ใช้พลังพิเศษดูดกลืนโดยเร็ว!

 

เมื่อฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ข้างกายของไป๋หลีแล้ว

 

บรรดาคนของเจียงเส้าหยางที่ขวางอยู่รอบๆ ไม่รู้ว่าฉินเฟิงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร แต่ทั้งหมดต่างรับรู้ได้ว่าฉินเฟิงคิดจะพาไป๋หลีไป!

 

“จงฆ่ามันให้ฉัน!”

 

เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของเจียงเส้าหยาง ระเบิดผ่านหูฟัง

 

ทั้งๆที่กุมตั๋วแห่งชัยชนะอยู่ในมือ แต่สถานการณ์ดังกล่าวกลับถูกฉินเฟิงสลายมันไปอีกครั้ง ในหัวใจของเจียงเส้าหยางทั้งเจ็บทั้งแค้นอย่างถึงที่สุด

 

และในครั้งนี้ เขาไม่คิดละเล่นกับฉินเฟิงอีกต่อไป –ตนจะเป็นคนออกหน้าลงมือสังหารฉินเฟิงด้วยตัวเอง!

 

อันธพาลจากคลับอินทรีก้าวมาข้างหน้า เพื่อหยุดฉินเฟิง

 

ใช่แล้วท่านอ่านไม่ผิด พวกเขาก้าวมาเพื่อหยุดฉินเฟิงเท่านั้น เพราะทั้งหมดต่างตระหนักดี ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารอีกฝ่ายลง เพราะขนาดเทพเถื่อนยังทำไม่ได้ แล้วพวกเขาจะเหลือหรือ?

 

ขนาดเป็นคู่ต่อสู้ให้ฉินเฟิง ยังไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ!

 

“หลีกไปซะ!”

 

ในเวลานี้ กำลังภายในของฉินเฟิงกำลังเดือดพล่าน ยามเมื่อเขาลงมือมันจึงโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีกว่าปกติ เพียงใช้ออกด้วยทักษะลับกลืนดารา เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล G8 G9 พลันปลิวว่อนไปคนละทิศทาง

 

โครม!

 

ฉินเฟิงราวกับระเบิดเวลา ทุกที่ๆเขาไปจะเกิดการระเบิดของพลัง ก่อความเสียหายร้ายแรงขึ้น

 

เขาคว้ามือไป๋หลี และวิ่งไปยังทางออกฉุกเฉินด้วยกัน

 

เพียงไม่กี่ก้าว ฉินเฟิงก็มาถึงชั้นหนึ่ง และพุ่งออกไปภายนอก

 

ขณะเดียวกัน คนกลุ่มหนึ่งก็เร่งวิ่งไล่ตามเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

ทั้งกลุ่มกระจายแยกย้ายกันออกไป อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่ราวกับปีศาจร้าย พุ่งทะยานไปที่ใด ก็เกิดแรงอัดอากาศปะทะว่อน ก่อความโกลาหลไปทั่ว

 

ฉินเฟิงพรวดเข้าไปในตรอกมืด เมื่อเขาหลุดจากสายตาของคนเหล่านั้นชั่วคราว เจ้าตัวก็สั่งให้ไป๋หลีใช้พลังมิติ เพื่อหลบหนีจากวงล้อมไป

 

ทว่าวินาทีต่อมา มนุษย์คนหนึ่งกลับปรากฏกายขึ้นในมุมถนน

 

เขาคนนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทั้งคนทั้งร่างวูบไหวราวกับภูติปีศาจ ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังอย่างหาที่ใดเปรียบโดยไม่คิดปิดบังใดๆ

 

เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณในเลเวล F7 !

 

ด้วยเลเวลนี้ กล่าวได้เลยว่า นี่คือศัตรูที่ฉินเฟิงมิอาจต่อกร

 

“จงตายให้แก่บิดา!” เจียงเส้าหยางคำราม ดาบยาวในมือส่งเสียงหึ่งๆ สั่นไหวเป็นเงาหลอนราวกับภาพลวงตา

 

เงาดาบโถมทับเข้าใส่ฉินเฟิง สื่อสารชัดแจ้งว่าปรารถนาที่จะตัดเฉือนเขาเป็นชิ้นๆ

 

-นี่คืออีกหนึ่งกระบวนท่าวรยุทธที่ทรงพลัง!

 

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่อาจก่ออันตรายถึงชีวิต

 

“เสี่ยวไป๋!”

 

ฉินเฟิงร้องตะโกนโดยไม่รู้ตัว เขาต้องการให้เสี่ยวไป๋ใช้พลังเทเลพอร์ตเพื่อหลบเลี่ยง จากนั้นก็นำฉิงเฟิงไปอีกตำแหน่งหนึ่ง แล้วฉวยโอกาสนั้นลอบสังหารศัตรู

 

ในพริบตา ทั้งร่างของเสี่ยวไป๋ก็พลันสาดประกายรังสีแสงสีเงิน

 

ชุดของไป๋หลีพัดกระพือ ผมยาวของเธอปลิวไสว ร่ายระบำไปตามสายลม แสงจันทร์ที่ส่องกระทบเข้ามาจากที่ไหนสักแห่งในตรอก ส่งผลให้เห็นฉากที่ราวกับว่ามีชั้นอากาศจางๆที่มองไม่เห็น ว่ายวนอยู่รอบตัวไป๋หลี

 

ยังไงก็ตาม เสี่ยวไป๋มิได้ใช้ออกด้วยเทเลพอร์ตแต่อย่างใด

 

วินาทีต่อมา ริ้วรังสีแสงสีเงินกว่า 4 เส้นพลันก็ปรากฏขึ้น

 

แสงนี้ช่างดูคุ้นเคย มิใช่ใดอื่น มันคืออบิลิตี้ที่ก่อตัวขึ้นจากรูนมิติ!

 

“ใบมีดมิติ!” ไป๋หลีร้องตะโกน พลางชี้นิ้วอันละเอียดอ่อนไปทางเจียงเส้าหยาง “ไปเลย!”

 

รังสีแสงกระพริบไหว หายวับไปจากสถานที่เดียวกัน รูม่านตาของฉินเฟิงหดวูบลงทันใด

 

ตำแหน่งที่รังสีแสงสีเงินปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันผุดออกมาจากในอากาศที่ว่างเปล่าโดยตรง —ภายในกายของเจียงเส้าหยางที่อยู่เบื้องหน้าเขา!!

 

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!!

 

ทั้งคนทั้งร่างของเจียงเส้าหยางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

คลื่นเงาดาบกลางอากาศที่กำลังฟาดลงมาพลันหายไป ขณะเดียวกันเจียงเส้าหยางก็มิอาจรักษาสมดุลร่างกาย ร่วงตกลงกับพื้นทันที

 

แขนขาทั้งสี่ถูกตัดออก บาดแผลเรียบเนียนเป็นระเบียบ หากมองดูสภาพของเจียงเส้าหยาง ปัจจุบันมันราวกับเป็นท่อนไม้มนุษย์

 

ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน!

 

“นายท่าน! รีบดูดซับพลังภายในของเขาเร็วเข้า!” ไป๋หลีกระตุ้นเตือน

 

ฉินเฟิงสูดหายใจลึก ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง

 

เขาประเมินความสามารถของเสี่ยวไป๋ต่ำเกินไป!

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต้องไม่ลืมนะว่า ไป๋หลีในปัจจุบัน คือราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล F !

 

ซึ่งสัตว์ร้ายระดับนี้ สามารถสังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณธรรมดาๆในเลเวล F ได้อย่างง่ายดาย!

 

ในเวลาเดียวกัน เจียงเส้าหยางร่วงลงกับพื้น แต่ยังไม่ตายทันที เขาพยายามเงยหน้าขึ้น มองไปทางไป๋หลี

 

ในแววตาฟุ้งไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

“แก! แกเป็นใครกัน?”

 

เจียงเส้าหยางไม่เคยเห็นกระบวนท่าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน แม้เขาต้องการที่จะหลบเลี่ยง ก็มิอาจทำได้ ราวกับว่าการโจมตีเหล่านั้นระเบิดขึ้นจากภายในตัวอย่างกระทันหัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ยินเต็มสองหู ถึงสิ่งที่ไป๋หลีพ่นออกมา!

 

‘ใบมีดมิติ!’ นั่นหมายถึงรูนมิติใช่ไหม? อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้ใช้อบิลิตี้ที่ครอบครองพลังมิติ!

 

แต่นั่นไม่ใช่หนึ่งในสิบธาตุ มันมีเพียงสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเท่านั้นจึงจะครอบครองพลังที่นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาได้

 

“เธอเป็นใคร แกไม่ทำเป็นต้องรู้!”

 

ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา เขาจะไม่สามารถมองออกได้อย่างไร ว่าก่อนหน้านี้ในดวงตาของเจียงเส้าหยาง มันมองมาทางไป๋หลีด้วยความหื่นกระหาย!

 

“ทักษะลับกลืนดารา!”

 

เขากดมือข้างหนึ่งลงบนหน้าท้องของเจียงเส้าหยาง แรงดูดรุนแรงปะทุขึ้น สูบกลืนกำลังภายในทั้งหมดในร่างกายของเจียงเส้าหยาง

 

เจียงเส้าหยางพยายามที่จะต่อต้าน ทว่าเมื่อไร้ซึ่งแขนขา ไหนจะเลือดที่ไหลทะลักออกมามากเกินไป หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ เขาจะต้องตายแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้เขาต้องการจะใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือ มันก็เป็นไปไม่ได้!

 

การสูบกลืนกำลังภายในมาจากเจียงเส้าหยาง ส่งผลให้ตันเถียนของฉินเฟิงเดือดพล่านจนแทบจะคุมไว้ไม่อยู่

 

“เพลิงโลกันต์!”

 

ฉินเฟิงฝืนทนข่มกำลังภายในที่เดือดปะทุรุนแรง ปลดปล่อยพลังพิเศษทำลายหลักฐาน

 

เจียงเส้าหยางตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ทั้งคนทั้งร่างของเขาค่อยๆย่อยสลายลง สุดท้ายกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

หัวหน้าแห่งคลับอินทรี หนึ่งในตัวตนทรงพลังขององค์กรมืดที่อยู่เบื้องหลังสลัม ได้จบชีวิตลงแล้ว!

 

กริ๊ง!

 

ระหว่างหันไปเผาแขนขาที่กระจัดกระจาย เสียงของหนึ่งในลูกประคำในมือข้างหนึ่งของเจียงเส้าหยางก็ร่วงตกลง มันสะท้อนกับแสงไฟ สาดรังสีแสงสีเงินจางๆออกมา

 

-เป็นอุปกรณ์รูนมิติ!

 

หากฉินเฟิงไม่ได้เผาศพของอีกฝ่าย เกรงว่าเขาคงคิดว่าสร้อยประคำนี้เป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ ใครจะคาดว่าหนึ่งในนั้นกลับเป็นอุปกรณ์รูนมิติ

 

“รีบหนีกันก่อนเถอะ”

 

ฉินเฟิงหยิบลูกประคำขึ้นมา เอ่ยสั่งไป๋หลี แล้วทั้งคนทั้งร่างของทั้งสองก็หายวับไป

 

เมื่อพวกอันธพาลของคลับอินทรีมาถึงที่นี่ ก็ไม่มีใครสนใจขี้เถ้าน้อยๆ ใจกลางตรอกที่มืดสลัว ทั้งหมดย่ำผ่านมันไป โดยไม่ทราบเลยว่าแท้จริงแล้วนั่นคืออดีตเจ้านายของตัวเอง!