โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.62 – ภัยคุกคาม

 

“จิ้งจอกคลั่ง นี่คือเงินรางวัลของคุณในวันนี้ พิจารณาจากความแข็งแกร่งของคุณ ดูเหมือนว่าคุณยังคงเก็บงำฝีมือเอาไว้สินะใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นโปรดกลับมาอีกในวันพรุ่งนี้ เพราะยังมีเงินอีกมากรอคอยคุณอยู่!”

 

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงวางเดิมพันตัวเองไป 5 ล้าน และการเก็บเกี่ยวในคืนเดียวของเขาคือ 40 ล้าน

 

ตอนนี้ พวกเขามอบเงิน 2 ล้านกว่าให้แก่ฉินเฟิง รวมไปถึงส่วนแบ่งเงินรางวัลที่ผู้ชมมอบให้ อันที่จริงแล้วสำหรับคนธรรมดา นี่เรียกได้ว่าเป็นโชคก้อนใหญ่ชั่วข้ามคืน

 

“พรุ่งนี้ถ้าคุณชนะการประลองอีกห้านัดติดต่อกัน คุณก็จะทำเงินได้มากกว่า 10 ล้าน ผมล่ะอิจฉาคุณจริงๆ ยังหนุ่มยังแน่นแต่กลับแข็งแกร่งถึงขนาดนี้!”

 

พนักงานที่รับหน้าที่มอบเงินรางวัลกำลังจะกล่าวประโยคต่อไป แต่ทางฉินเฟิง หลังจากตรวจสอบเงินในบัญชีเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยักหน้าและเอ่ยทันที “งั้นฉันจะกลับมาอีกในวันพรุ่งนี้!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! และคลับอินทรียินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง!” พนักงานมอบเงินหัวเราะ “แต่มันจะดีกว่าถ้าหากค้างคืนที่นี่ ในคลับของเรา มีบริการอาบอบนวดอยู่ด้วย คุณสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่กับผู้หญิงสวยๆมากมายจากทางเรา!”

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงปฏิเสธโดยตรง

 

“ไม่ล่ะ! ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ขอตัวก่อน!”

 

ให้ค้างคืนในคลับอย่างงั้นหรอ? นั่นมันหมายถึงการถูกจับตามองตลอดเวลา ไหนจะเรื่องถูกวางยาพิษอีก เลยเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว ที่สำคัญวันพรุ่งนี้ คือวันเปิดเรียนวันแรกของเขา!

 

สีหน้าของพนักงานแปรเปลี่ยนไป เขาบังเกิดความคิดขึ้นมาว่า ฉินเฟิงน่าจะจงใจหลบหน้า และคงจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาในวันพรุ่งนี้!

 

แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดฉินเฟิงได้

 

เพราะสำหรับบางเรื่อง การเกลี้ยกล่อมล่อลวงมันไม่ใช่สิ่งที่ฝีปากอย่างเดียวจะทำได้

 

แต่ต่อให้ฉินเฟิงหนีไปตอนนี้ มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

 

ในสำนักงานผู้จัดการ เจียงเส้าหยางรับสายสื่อสารอีกครั้ง

 

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

“ส่งคนตามตัวมันไป แล้วก็สั่งให้พวกมันย้ำเตือนไอ้เด็กนั่นด้วย … มันไม่มีครอบครัว มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใช่ไหม? ว่ากันว่าตาแก่หลินเต๋อหรงที่คอยดูแลเด็กๆอยู่ที่นั่น ได้รับความเคารพและเชื่อใจจากพวกเด็กไม่น้อยเลยนี่นา งั้นก็ใช้ไอ้แก่หลินข่มขู่มันซะ!”

สำหรับเจียงเส้าหยาง หลินเต๋อหรงมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าแพะแก่ตัวหนึ่ง จะฆ่าจะแกงก็สามารถทำได้ตลอดเวลา

 

“รับทราบแล้ว ผู้จัดการ!”

 

พนักงานมอบเงินวางสาย และอีกไม่นาน อีกหลายข้อความก็ถูกส่งออกไป ยามของคลับอินทรีส่งทีมเล็กไล่ติดตามไปทันที

 

ในทีมเล็กๆนี้มีกันอยู่ 5 คน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขา ล้วนไม่แตกต่างไปจากยามเฝ้าประตูที่ฉินเฟิงเคยเห็น ทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังในเลเวล G8 G9

 

กล่าวได้ว่าค่อนข้างเป็นกำลังรบที่น่าหวาดกลัวพอสมควร!

 

ฉินเฟิงออกห่างจากคลับอินทรีไปไม่ถึง 200 เมตร ก็ตระหนักได้ว่ามีคนกำลังเพ่งเล็งมาที่ตนเอง

 

นี่คือสลัม ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสูงตระหง่าน บดบังแสงอาทิตย์ ยิ่งในเวลากลางคืน มันก็แทบไม่มีแสงใดเลย ปรากฏแค่เพียงความมืดมิดอยู่เกือบทุกบริเวณ

 

แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งห้าคนต่างคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแถบนี้เป็นอย่างดี ไม่นาน ทั้งหมดก็ล้อมหน้าล้อมหลังฉินเฟิงได้ในตรอกเล็กๆ

 

“จิ้งจอกคลั่ง ฝีมือของคุณไม่เลวเลย สนใจเข้าร่วมกับคลับอินทรีของพวกเราไหม?” ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากล่าว

 

ฉินเฟิงตอบปฏิเสธเสียงเย็นชา “ฉันไม่สนใจ!”

 

หลังจากกลับมาเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกองทหารหรือหน่วยลาดตระเวน ต่างก็เชื้อเชิญให้ฉินเฟิงเข้าร่วมกับพวกเขา แต่ฉินเฟิงกลับไม่มีความสนใจใดๆ

 

นับประสาอะไรกับก้อนอึโสมมอย่างคลับอินทรี!

 

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากคลับอินทรี เป็นธุรกิจภายใต้เงื้อมมือของรองผู้ว่าการ เขายิ่งไม่สามารถเข้าร่วมได้

 

“ไอ้เด็กนี่ ไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองเกินไปแล้ว!”

 

“ใช่ อย่าคิดนะว่าแค่แกมีความสามารถนิดๆหน่อย ก็จะเชิดหางไปทั่วไป อำนาจของคลับอินทรีเรา ไม่ใช่สิ่งที่เด็กแบบแกจะสามารถยั่วยุได้!”

 

คนอื่นๆเริ่มข่มขู่ฉินเฟิง สวมบทบาทผู้มีพลังเหนือกว่า

 

ในทางตรงกันข้าม คนแรกที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลับสวมบทคนดี เอ่ยปลอบประโลม “โถ่ อย่าทำให้เพื่อนตัวน้อยต้องหวาดกลัวสิ จิ้งจอกคลั่งอายุแค่ 16 ปีเท่านั้นเอง ฉะนั้นหากมีพลัง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเย่อหยิ่ง”

 

แต่แล้วจู่ๆน้ำเสียงของหัวหน้าก็เปลี่ยนไป เอ่ยเสริมอีกครั้ง “แต่คลับอินทรีไม่ใช่สิ่งที่แกจะสามารถล่วงเกินได้ จงจำเอาไว้ให้ดี ว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องกลับมา ไม่อย่างนั้นต่อให้แกจะหนีไปสุดขอบโลก พวกเราก็จะไล่ล่าจนเจอ ว่าแต่แกมีเพื่อนบ้างรึเปล่า? ได้ยินมาว่าแกเพิ่งออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาใช่ไหม? ถ้าแกไม่มา บางทีผู้จัดการของทางเราอาจจะไปเยี่ยมผู้อำนวยการของแก ถึงเวลานั้น ผู้มีพระคุณของแกก็อาจจะมีเลือดตกยางออกบ้างก็ได้!”

 

เมื่อฟังถึงจุดนี้ สีหน้าของฉินเฟิงพลันเย็นเยียบ

 

ใบหน้าของเขากลายเป็นกลายเป็นน่าเกลียด ภายใต้แสงไฟสลัว สีหน้าดุร้ายปรากฏขึ้นและเลือนหายไป -ฉินเฟิงในเวลานี้โกรธเกรี้ยวจริงๆแล้ว!

แต่นั่นแหละ คือสิ่งที่ทางคลับอินทรีหวังเอาไว้ล่ะ

 

หัวหน้าหัวเราะ และตบลงบนไหล่ฉินเฟิง

 

“จดจำเอาไว้ให้ดี พรุ่งนี้ต้องกลับมา ไม่อย่างนั้นทางเราไม่รับประกันว่าจะมีอะไรบางอย่างไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น!”

 

หัวหน้ากล่าวจบ ก็โบกมือ เตรียมตัวที่จะจากไป

 

แต่ข่มกันถึงขนาดนี้ ฉินเฟิงจะปล่อยให้พวกเขาจากไปได้อย่างไร?

 

“งั้นหรอ แต่น่าเสียดายนะ ไอ้บางอย่างไม่พึงประสงค์นั่นคงไม่มีทางได้เกิดขึ้นหรอก เพราะฉันจะอัดพวกแกตอนนี้เลย!”

 

ฉินเฟิงประกาศกร้าว ง้างมือขึ้นและฉกไปทางหลังคอของหัวหน้าอย่างกระทันหัน

 

“แส่หาที่ตาย!”

 

หัวหน้าทีมไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงจะกล้าลงมือกับเขาจริงๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถล้มนักหักกระดูกลงได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารตนเอง

 

เพราะยังไงซะ เขาก็คือผู้ใช้พลังในเลเวล G9

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ มันไม่อาจก่อภัยคุกคามให้แก่ฉินเฟิงได้

 

เพราะกระทั่งเลเวล F ฉินเฟิงก็ฆ่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับเลเวล G9 ?

 

กร๊อบ!

 

กรงเล็บตะปบของฉินเฟิงกับข้อมือของหัวหน้าปะทะกัน หัวหน้าทีมรู้สึกเพียงแรงกดดดันมหาศาลโถมเข้าใส่แขนของเขา

 

“โอ๊ย! ไอ้เด็กเปรตนี่ ช่างหัวการประลอง! อย่าหวังเลยว่าแกจะรอดไปจากที่นี่ได้”

 

ยามที่เหลือโห่ร้องคำราม โถมเข้ารุมโจมตีทันที

 

“โอบกอดทมิฬ!”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงระเบิดออก แก่นอบิลิตี้หมุนวนโคจร พลังพิเศษปะทุทันที

 

รูนมืดพรั่งพรูออกมา ปกคลุมไปตลอดทั้งตรอก

 

ทันใดนั้น ทั้งสี่ก็รู้สึกราวกับว่าตนกระโจนเข้าสู่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด สูญสิ้นซึ่งประสาทสัมผัสทั้งห้า ทว่าแม้จะตื่นตระหนก แต่พวกเขาก็สุ่มโจมตีรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง

 

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของพวกเขาไม่ถูกตัวของฉินเฟิง หากแต่ซัดเข้าใส่พวกเดียวกันเอง

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” คำถามวาบผ่านในจิตใจของหัวหน้าทีม แต่ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือหนึ่งก็ประกบลงบนหน้าท้องของเขา

 

“ทักษะลับ กลืนดารา!”

 

แรงดึงดูดมหาศาลระเบิดออกอย่างกระทันหัน!

 

เพียงพริบตา กำลังภายในทั้งหมดของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล G9 ก็ถูกดึงดูดออกไปราวกับกระแสน้ำวน สิ่งที่ทุ่มเทฝึกฝนมาอย่างหนักหลายปีกลายเป็นไร้ประโยชน์ในพริบตา!

 

“อ๊าาาา!” หัวหน้าทีมคำราม แต่ก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรงจะขัดขืน

 

กริ๊ก!

 

ฉินเฟิงบิดคอของอีกฝ่าย

 

ในทำนองเดียวกัน ส่วนที่เหลืออีกสี่คนก็ถูกดูดกำลังภายในมาโดยฉินเฟิง และโดนฆ่าเรียงตัวกันถ้วนหน้า

 

คนเหล่านี้ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น กระทั่งในเวลาที่พวกเขาตาย แต่นั่นก็เพราะผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุมืดเป็นอะไรที่พบเจอได้ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง นับประสาอะไรกับฉินเฟิงที่ครอบครองพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง

 

ในเวลานี้ ฉินเฟิงรู้สึกถึงเส้นไหมกำลังภายในที่อัดแน่นกันเต็มตันเถียน ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องตัดผ่านอุปสรรค์ทันที

 

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ทั้งห้าคนที่ตายลง ยังมีความแข็งแกร่งพอสมควร ครอบครองความว่องไวกับความแข็งแกร่งที่ไม่เลวเลย และพลังงานทั้งหมดจากศพก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงโดยพลังพิเศษดูดกลืน ส่งผลให้ร่างกายของเขาแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

ฉินเฟิงระงับความรู้สึกที่กำลังจะเกิดการตัดผ่านไปยังเลเวลต่อไป และใช้พลังสมาธิกระตุ้นอบิลิตี้ ปลดปล่อยพลังออกไปอีกครั้ง

 

“เพลิงโลกันต์!”

 

ก้อนเปลวไฟสีดำแดงร่วงตกลงบนศพทั้งห้า เพียงชั่วครู่ก็เผาผลาญ กลืนกินซากศพทั้งหมดอย่างหมดจด!

 

เพลิงโลกันต์เป็นพลังที่เหมาะมาก สำหรับใช้ทำลายซากศพ!

 

ฉินเฟิงกระตุ้นพลังของเขาอีกครั้ง ซ่อนเงาถูกเปิดใช้งาน เขาเคลื่อนกายผ่านอุปกรณ์เฝ้าระวังนับไม่ถ้วน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถค้นหาร่องรอยของเขาได้

 

หลังออกมาจากสลัม ฉินเฟิงก็ผ่อนคลายลง เจ้าตัวมองหามุมที่รกร้างไร้ผู้คน ตรงไปยังมัน และเริ่มนั่งขาขวาทับซ้าย

 

เพ่งมองไปในตันเถียน ในเวลานี้มันพลุ่งพล่าน โกลาหลเป็นอย่างยิ่ง

 

เพราะในวันนี้ กำลังภายในที่ฉินเฟิงดูดซับมา หากนับรวมของตัวเองด้วยแล้ว มันเกินกว่า 100 เส้น!