โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.34 – ออกไปอีกครั้ง

 

“แต่ก็นะ ช่างมันเถอะ! เพราะยางล้อรถของฉันอย่างน้อยก็หลายแสน ถ้านายกิน ฉันกลัวว่านายจะจ่ายมันไม่ไหว! ไสหัวไปให้พ้น!”

 

หวังไคว่มิอาจเผยฤทธิ์เดชโต้เถียงใดๆ หลังจากที่เขาออกไป ฉินเฟิงก็ยังไม่นั่งลงบนรถ แต่เป็นเหล่าผู้ใช้พลังพิเศษหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง G3 เริ่มก้าวตรงไปที่รถแทน พวกเขาถอดเบาะคนขับออก และเปลี่ยนเป็นอันใหม่ที่ดีกว่า จากนั้นก็ทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน จนรถไร้ซึ่งรอยฝุ่นผง แล้วจึงค่อยผายมือเชื้อเชิญให้ฉินเฟิงลงมานั่งมัน

 

ฉินเฟิงสตาร์ทรถสปอร์ต เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้น

 

ฉินเฟิงสลับไปเป็นโหมดล่องเวหา ยางรถม้วนกลับเข้าไปในตัวถังภายใน และปรากฏท่อจรวดพุ่งลงมาข้างล่างแทน มันปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา

 

นี่คือพลังของรูนลม!

 

ต้องรู้นะว่าการเปิดใช้งานโหมดล่องเวหานั้นสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก และรถส่วนใหญ่ในชุมชนทางตอนเหนือ ก็ไม่มีระบบนี้ ดังนั้น เมื่อมันถูกเปิดใช้งาน หลายคนจึงร้องอุทาน และหันมามองด้วยความสนใจ


ตัวรถเริ่มยกระดับความสูงอย่างต่อเนื่องจนถึง 3 เมตร จากนั้นก็พุ่งข้ามหัวของผู้คนจากไป เหลือให้ทิ้งเห็นเพียงแสงและเงาจากไฟรถยนต์

 

“โคตรคูลว์!”

 

“สวรรค์ นั่นมันรถศึกล่องเวหาใช่ไหม?”

 

“โคตรน่าตื่นตาเลย!”

 

บังเกิดเสียงโห่ร้องชื่นชมอยู่โดยรอบ ทว่ามีเพียงใบหน้าของหวังไคว่เท่านั้นที่มืดมน -นั่นเพราะรถศึกที่ว่า มันเพิ่งโฉบผ่านหัวเขา ปล่อยไอร้อนรดเข้าใส่ตรงๆ!

 

เห็นได้ชัดว่าไอ้ฉินเฟิงมันจงใจ!

 

 

ฉินเฟิงแน่นอนว่าจงใจ ก็คนประเภทนั้น ทำไมเขาจะต้องไปไว้หน้ามันด้วย? แต่ความผิดของมันก็ยังไม่ถึงกับตาย ดังนั้นเขาเลยทำแค่เพียงมอบความอับอายให้เท่านั้น

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงมิได้เก็บเรื่องของอีกฝ่ายมาใส่ใจแต่อย่างใด

 

กระเป๋าเป้สะพายหลังถูกเปิด เสี่ยวไป๋มุดออกมาจากภายใน หันไปมองรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะกระโจนลงไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ

 

“เป็นยังไงบ้าง? จากนี้ไปแกก็ไม่ต้องคอยซ่อนตัวอยู่แต่ในกระเป๋าอีกต่อไปแล้วนะ!”

 

เกือบตลอดเวลา หากไม่นับในทุ่งล่า เสี่ยวไป๋จะต้องคอยซ่อนตัวในเป้อยู่เสมอ

 

ส่วนในเมือง ตามปกติแล้ว พาหนะส่วนใหญ่มักจะขับขี่กันอย่างรวดเร็ว แออัดไปด้วยผู้คน และมักจะสั่นไหวไปมา กระทั่งฉินเฟิงเองก็ยังนั่งไม่สบาย ฉะนั้นเสี่ยวไป๋ที่ไม่อาจออกมาจากเป้ได้คงไม่ต้องกล่าวถึง

 

แต่ภายในรถคันนี้ เสี่ยวไป๋ไม่ต้องคอยหลบซ่อนตัวอีกต่อไป กระจกรถก็ป้องกันสายตาจากผู้คนภายนอกได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเสี่ยวไป๋สามารถชมสภาพแวดล้อมไปได้ตลอดทาง

 

นอกเหนือไปจากฉากนอกหน้าต่างในโรงแรมแล้ว ในเวลานี้ เสี่ยวไป๋สามารถเปิดวิสัยทัศน์ในมุมมองใหม่ มันจึงรู้สึกตื่นเต้นนัก

 

แต่เพียงไม่นาน มันก็เลิกสนใจ เริ่มขดตัวเป็นก้อนบนเบาะข้างคนขับ แล้วผล็อยหลับไป

 

ฉินเฟิงเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปนวดๆคลึงๆ ขยี้ขนของเสี่ยวไป๋

 

“อา … แต่ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนหมดตัวไปซะแล้ว คงได้เวลากลับไปออกล่าอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง!”

 

ราคาของรถคันนี้คือ 8 ล้าน รวมกับค่ามัดจำก่อนหน้า 3 แสน ทำให้ในบัญชีของฉินเฟิง เหลือเงินอยู่แค่ 5 แสนเท่านั้น

 

และหลังจากนี้ 10 วัน เขาต้องไปรับสินค้ากับทางกลุ่มหวันซ่ง ซึ่งยังมีเงินไม่พอ!

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้ออกเดินทางทันที แต่เขาเลือกขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ชุมชนที่ทรุดโทรม

 

ย่านนี้ยังคงแออัดเหมือนเดิม มันไม่กว้างขวาง เต็มไปด้วยตึกระฟ้า อยู่ในโซนเดียวกันกับสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า


“โจวฮ่าว ลงมาข้างล่างสิ ฉันมีบางอย่างจะให้นาย!” ฉินเฟิงกล่าวผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

 

“อ๋า? มีอะไรดีๆรึไง? นายรอก่อน ฉันกำลังรีบวิ่งลงไป!”

 

โจวฮ่าวไม่ได้ถามไถ่ฉินเฟิงมากเกินไป เพราะฉินเฟิงเป็นเพื่อนสนิทของเขา และฉินเฟิงก็มักจะถูกชวนมากินข้าวด้วยกันที่บ้านโจวฮ่าวอยู่เสมอ ในทางกลับกัน เมื่อได้เงินเล็กๆน้อยๆจากงานพิเศษ ฉินเฟิงเองก็มักจะนำไปซื้ออาหารมาให้กับทางครอบครัวโจวฮ่าวอยู่เป็นประจำเช่นกัน

 

นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนกันตามมารยาทเท่านั้น หากแต่เป็นการรักษาความสัมพันธ์และมิตรภาพของพวกเขา

 

โจวฮ่าวรีบวิ่งลงจากตึกชุมชนอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงพบว่าโจวฮ่าวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของอีกฝ่ายกำยำกว่าแต่ก่อน มันเต็มไปด้วยเหงื่อไคล เวลานี้ โจวฮ่าวสวมเสื้อยืดกางเกงขายาว รองเท้าแตะคู่หนึ่งที่ขอบแหว่ง ดูเหมือนว่าเขาจะขี้เกียจซ่อมมัน

 

อย่างไรก็ตาม โจวฮ่าวหันไปมองรอบๆแล้ว ก็ยังไม่เห็นฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงจึงค่อยเปิดรถและเดินลงมา

 

“โจวฮ่าว ฉันอยู่นี่!”

 

โจวฮ่าวหันไปตามเสียง เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงเดินลงมาจากรถหรู เขาก็อ้าปากค้าง คางร่วงกระแทกลงกับพื้น!

 

“นะ นะนะ นาย.. นายไปปล้นธนาคาร หรือว่ามีเศรษฐีนีร่ำรวยชุบเลี้ยงรึเปล่า!? ไปได้รถนี่มาได้ยังไงกัน? นี่มันรถศึกล่องเวหา! โอ้สวรรค์!!” โจวฮ่าวอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบรถศึกสักฟอดสองฟอด

 

“นั่นนายทำบ้าอะไร!” ฉินเฟิงหัวเราะ และยัดสิ่งที่อยู่ในมือเขาให้แก่โจวฮ่าวโดยตรง “รับนี่ไป มันเป็นของดี แล้วรีบกินมันด้วย!”

 

“ขอฉันดูก่อนสิว่ามันคืออะไร!” โจวฮ่าวมองฉินเฟิง เขาเปิดถุงสีดำที่ฉินเฟิงให้อย่างรีบร้อน และพบว่าแท้จริงแล้วภายในห่อไว้ด้วยของสองสิ่ง หนึ่งคือก้อนเนื้อ ที่ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคือเนื้ออะไร แต่ในความรู้สึกของโจวฮ่าว กระจ่างแก่ใจดีว่าเนื้อพวกนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังงาน

 

ส่วนอีกอัน เป็นขวดโหลที่ภายในมีผลไม้ขนาดเล็กบรรจุเอาไว้อยู่

 

โจวฮ่าวจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายต้องตะลึงงัน

 

“นี่มันผลไม้ศัก … ”

 

“ชู่วววว!” ฉินเฟิงเร่งห้ามโจวฮ่าวให้หุบปากลง เอ่ยอธิบายกึ่งจริงกึ่งปลอม “พอดีฉันไปเจอมันเข้าระหว่างออกไปในทุ่งล่าได้มาจำนวนหนึ่งฉันเลยเอามันไปแลกกับเงิน และเก็บผลนึงไว้ให้นาย”

 

คนๆหนึ่งสามารถกินผลไม่ศักยภาพได้ลูกเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้ออ้างว่าฉินเฟิงขายที่เหลือทั้งหมดไปแล้วจึงฟังดูมีเหตุผล


และโจวฮ่าวแน่นอนว่าย่อมไม่สงสัยฉินเฟิง หลังจากรู้ว่าฉินเฟิงเปลี่ยนมันเป็นเงินแล้วซื้อรถศึก เขาก็ตบลงบนไหล่ของสหาย

 

“นายนี่นะ ออกไปทั้งทีแต่ไม่คิดจะชวนฉันเลยรึไง แถมยังเป็นคนที่โคตรจะโชคดี! ดูเสื้อผ้าที่นายใส่อยู่ในตอนนี้สิ ถ้าฉันไม่รู้จักนาย คงคิดว่านายกลายเป็นผู้ใช้พลังพิเศษไปแล้ว!”


โจวฮ่าวขยิบตา

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ ตัวเขาในตอนนี้น่ะหรือยังไม่ใช่ผู้ใช้พลังพิเศษ?

 

“นายกลับไปก่อนเถอะ แล้วอย่าลืมกินผลไม้ศักยภาพทันที ส่วนเนื้อนั่น ก็เอาไว้กินเป็นมื้ออาหารทุกวัน!”

 

นี่คือเนื้อของนายพลสัตว์ร้าย หลังจากกินมัน จะช่วยเสริมสร้างพลังงานมหาศาล แม้ว่าโจวฮ่าวจะยังไม่สามารถปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้ แต่หากเขาได้กินมันทุกวัน ร่างกายและจิตวิญญาณจะต้องกลายเป็นผู้มีคุณสมบัติของผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างแน่นอน!

 

“โอเค งั้นฉันจะรีบกลับไป และก็จะหุบปากเงียบด้วย!”

 

โจวฮ่าวถือถุงด้วยความตื่นเต้น เขาโบกไม้โบกมือให้ฉินเฟิง แววตาของเขาลอกแลกมองไปรอบตัวตลอดเวลา คล้ายหวาดระแวงว่าจะถูกขโมย 

 

ฉินเฟิงพอเห็นก็รู้สึกตลก และคิดว่าโจวฮ่าวนี่บ้าบอแบบนี้เสมอๆเลยสินะ

 

เฝ้ามองร่างของโจวฮ่าวหายเข้าไปในตึก ฉินเฟิงก็กลับเข้ามาในรถ นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายหันหัวรถออกไป มุ่งสู่ถนนสายหลัก

 

“ฉันจำได้ ว่าในช่วงเวลานี้ มีอยู่สถานที่หนึ่ง ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!”

 

แน่นอน ว่านั่นเป็นครั้งเดียว ที่ทำให้สถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ ต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤต

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การเปลี่ยนแปลงนี้ มันมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อฉินเฟิง เพราะมันช่วยแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้แก่เขาได้พอดิบพอดี

 

รถสปอร์ตแฝงเข้าไปอยู่ร่วมกับการจราจรบนท้องถนน แม้ฉินเฟิงไม่ได้เปิดใช้โหมดล่องเวหา ทว่ารถซี่รี่ย์เงาก็ยังโดดเด่นพร่างพราว เป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่ดี

 

หลังออกจากย่านแออัดเข้าสู่ถนนใหญ่ เขาก็ขับผ่านรถบัสที่เต็มไปด้วยผู้คน สองสามคนในรถมองรถสปอร์ตของฉินเฟิงด้วยความอิจฉา มีกระทั่งบางคนเป่าปากวี้ดวิ้วเพื่อเรียกความสนใจจากเขา

 

แต่ฉินเฟิงแน่นอนย่อมเมินเฉยต่อคนเหล่านั้น เขาค่อยๆขับเปลี่ยนเส้นทาง เลี้ยวออกไปยังทิศทางทุ่งล่า พอรถค่อยๆออกจากเส้นทางปกติ เขาก็เริ่มเปิดใช้งานโหมดล่องเวหาอีกครั้ง 


สภาพแวดล้อมโดยรอบค่อยๆเผยให้เห็นถึงขุนเขาและพื้นที่รกร้าง

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวลง และในท่ามกลางทุ่งล่า นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความน่าหวาดกลัวและอันตราย!

 

*พรุ่งนี้งด ไม่สบาย (หรือมะรืนอาจงดด้วย)