โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.20 – ทำสัญญากับเสี่ยวไป๋

 

พลังของเสี่ยวจิงตื่นขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ ตื่นโดยไม่จำเป็นต้องเร่งออกกำลังแต่อย่างใด ในกรณีนี้ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับโชค มิอาจใช้เหตุหรือผลได้

 

อย่างโจวฮ่าวเอง ตอนนี้ก็ยังคงออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน แถมยังได้รับยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G จากฉินเฟิง แต่เขาก็ยังไม่อาจปลุกพลังวรยุทธโบราณได้!

 

“นี่ฉัน- พลังของฉันตื่นขึ้นมาแล้วอย่างงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงไม่คาดคิดเลย แต่พอได้ลองรับรู้ถึงมันอย่างรอบคอบ เจ้าตัวก็พบว่าแม้จะแบกชิ้นเนื้อจากงู และศพอีกสอง รวมๆแล้วเกือบ 60 กิโลกรัม แต่ในความรู้สึกของเธอ มันช่างเบาสบายเหลือเกิน ฉะนั้นแล้ว หากนี่ไม่เรียกว่าพลังได้ตื่นขึ้น มันจะเป็นอะไร?

 

“พลังฉันตื่นขึ้นแล้ว ตัวฉัน พลังได้ตื่นขึ้นมาแล้ว … ” เสี่ยวจิงงึมงำซ้ำๆ รับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมา

 

การที่พลังตื่นขึ้น นั่นหมายความว่าเธอจะมีพละกำลัง ไว้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ในอนาคต

 

“รีบไปเถอะ ฟ้ามืดแล้ว!”

 

“อะ- อื้ม!”

 

ทั้งสองเร่งฝีเท้า เสี่ยวจิงระหว่างทางก็กินเนื้องูไปพลางๆ คราวนี้ทุกย่างก้าวของเธอ ในการมุ่งหน้ากลับไปยังจุดรวมพล มันช่างสบายและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

 

ทหารรักษาการณ์เห็นการกลับมาของทั้งสองคนก็คลายใจลง แต่แล้วเมื่อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวจิง เขาก็ต้องประหลาดใจ

 

“หึ!” เสี่ยวจิงเชิดคางสูง แบกเนื้องูก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ คล้ายกับกำลังจะอวดถึงพลังของตัวเธอเอง

 

แต่หลังจากที่ประหลาดใจ ทหารก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย ไม่เอ่ยคำใด เพียงผิวปากหยอกล้อเธอ

 

เสี่ยวจิงบังเกิดความรู้สึกอยากจะซัดกำปั้นใส่ใบหน้าอีกฝ่ายซะจริงๆ

 

เมื่อค่ำคืนได้มาถึง นักสู้ส่วนใหญ่ก็ได้กลับมาแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนเหมือนกัน ที่เลือกค้างคืนในภายนอก

 

“ปิดประตูได้!”

 

“ครับหัวหน้า!”

 

“ทุกคนปิดประตู!”


เหล่าทหารเริ่มเคลื่อนไหว

 

“นั่นเขาเป็นหัวหน้าอย่างงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงมองไปทางทหารที่ผิวปากใส่เธอ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกโกรธ

 

“ไปเถอะน่า!” ฉินเฟิงเอ่ยคำหนึ่ง ลากเสี่ยวจิงไปยังสถานีซื้อขาย

 

เนื่องจากพวกเขาสังหารสัตว์ที่ถูกส่งเสริมให้ล่าเป็นพิเศษ จึงมีรางวัลเสริมให้ แม้จะเพียง 1000 เหรียญต่อตัว แต่รวมๆแล้วกล่าวได้ว่าเพิ่มมาอีกถึง 40000 เหรียญ

ควบคู่ไปกับวัตถุดิบที่ชำแหละมา ฉินเฟิงจึงสามารถทำกำไรในครั้งนี้ได้กว่า 240000 เหรียญ!


ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงเคยเป็นถึงผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A แต่ละครั้งที่ออกล่าสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ เขามักจะได้เงินกลับมาในหลักร้อยล้านพันล้านอยู่เสมอๆ ดังนั้นเงินรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

ตรงกันข้ามกับเสี่ยวจิง มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสุดๆ

 

วัตถุดิบทั้งสามของเธอ ที่แลกเปลี่ยนในวันนี้ ช่วยสร้างกำไรให้เธอได้มากถึง 18000 เหรียญ!

 

นอกจากนี้ ยังมีเนื้องูที่แบกมาอีก หลังจากขายมันแล้วเธอก็ได้เพิ่มมากว่า 4000 เหรียญ

 

“ฉินเฟิง ขอบคุณนายมากเลยนะ!”

 

“พอเถอะน่า วันนี้เธอพูดขอบคุณๆ เยอะเกินไปแล้ว!”

 

ฉินเฟิงเอง เจอแบบนี้เข้าไปก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ที่เขาช่วยเธอก็เพียงเพราะต้องการใช้หนี้น้ำใจของอีกฝ่าย แต่เวลานี้เสี่ยวจิงกลับเอาแต่ขอบคุณเขา

 

“งั้นคราวนี้ฉันขอรับหน้าที่ทำอาหารก็แล้วกัน! ถือซะว่าเป็นการเลี้ยงตอบแทนนาย”

 

เสี่ยวจิงมิได้เอ่ยลอยๆ แม้ปัจจุบันเธอจะยังไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่ทักษะการทำอาหารของเธอไม่เลวร้ายเลย อาหารค่ำก็ไม่พ้นเนื้องูที่ได้รับมา กระทั่งฉินเฟิง พอได้กินก็เอ่ยชมเธอไม่ขาดปาก

 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่เสี่ยวจิงยังตักเนื้องูใส่ชาม เอาไปติดสินบนกับหัวหน้าทหาร ทำให้การเดินทางในวันพรุ่งนี้ เขาและเธอสามารถยืมรถศึกมาใช้งานได้ ตราบใดที่มันไม่เสียหาย ทั้งสองก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

 

แน่นอน ว่ามันไม่มีใครกล้าขโมยรถของทหารหรอก

 

แต่การที่เสี่ยวจิงสามารถขอมันมาใช้งาน ฉินเฟิงละอดสรรเสริญเธอไม่ได้จริงๆ

พอถึงช่วงค่ำ พื้นที่เพาะปลูกก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นักสู้หลายคนเริ่มคุยโวถึงการต่อสู้ของตัวเอง บ้างก็บ่นเกี่ยวกับเงินที่แลกมาได้ในวันนี้ บางทีมก็เอาแต่เงียบ ในส่วนหลังชัดเจนว่าพวกเขาสูญเสียจากการต่อสู้

 

ส่วนฝั่งทหารยังไม่ได้พักผ่อน แต่ยังคงรับการอบรมและฝึกฝนวรยุทธจากภายในกองทัพ เสี่ยวจิงเฝ้ามองพวกเขา สุดท้ายตัดสินใจวิ่งตามไปฝึกด้วย

 

ฉินเฟิงไม่ได้เข้าไปร่วมกับเธอ เขาเดินเข้าไปพักผ่อนในเต็นท์ -ถึงจะพูดว่าพักผ่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเข้ามาเพื่อฝึกเทคนิคสมาธิและทักษะลับกลืนดาราต่างหาก

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ

 

เขานำเสี่ยวไป๋ออกมา เนื่องจากพื้นที่ภายในเต็นท์ไม่ใหญ่นัก เจ้าตัวน้อยเลยหันหัวไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“เสี่ยวไป๋ อย่าขยับนะ”

 

ฉินเฟิงอุ้มเสี่ยวไป๋

 

ดวงตาสีดำขลับมองไปทางฉินเฟิงด้วยความงงงวย

 

ฉินเฟิงเองก็คล้ายจะลังเลเช่นกัน เดิมเขามีความคิดว่าควรรอให้เสี่ยวไป๋เติบโตขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ซะก่อน แล้วค่อยทำสัญญา แต่จากพลังที่เสี่ยวไป๋เผยออกมา ทำให้เขาตัดสินใจว่า หากทำสัญญากันตอนนี้เลย มันคงจะดีกว่า


พลังมิติไม่ถูกจัดอยู่ในอบิลิตี้ทั้งสิบ พลังอันลี้ลับนี้ เป็นต้นเหตุของความหายนะทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็สร้างความหวังให้ผู้คนเช่นกัน

 

“จากนี้ไป ถ้าแกติดตามฉัน ฉันจะไม่ทำเหมือนกับว่าแกเป็นทาส แต่พวกเราจะเป็นคู่หูกัน!”

 

ก่อนที่จะเกิดใหม่ อีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น ฉินเฟิงย่อมไม่ยอมให้เสี่ยวไป๋สละชีวิตเพื่อเขาอีกครั้ง ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ สาบานเลยว่าจะไม่ยอมละทิ้งเสี่ยวไป๋

 

การทรยศแบบนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้จิตใจของเขาผิดเพี้ยน แต่ยังกลายเป็นคนน่ารังเกียจเหยียดหยาม

 

แม้ตัวเขาจะไม่ใช่พ่อพระ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลือดเย็น

 

“อย่าต่อต้านล่ะ ฉันไม่คิดทำร้ายแก”

 

ขณะขบคิด ฉินเฟิงก็กัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้สติของเขากลับมากระจ่างใส ไม่นานนัก หยดเลือดจากพลังสติก็ลอยออกมา บินอย่างแผ่วเบาไปทางเสี่ยวไป๋

 

เสี่ยวไป๋จ้องมองหยดเลือดนี้ สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

หยดเลือดใกล้เข้าไป ใกล้ไปเรื่อยๆ ดวงตาของเสี่ยวไป๋ที่เฝ้ามองมัน ช่างดูบ๊องแบ๊วซะจริงๆ

 

ฉินเฟิงเกือบหลุดหัวเราะออกมา

 

แต่โชคยังดี เขาเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ใช้พลังสมาธิ ควบคุมหยดเลือดไปตกลงบนหน้าผากของเสี่ยวไป๋ -ฉินเฟิงรู้สึกได้ว่าเขากำลังสัมผัสกับจิตวิญญาณของเสี่ยวไป๋

 

จากนั้น หยดเลือดก็หลอมละลายเข้าไปในจิตวิญญาณ ก่อร่างเป็นสัญญาขึ้น

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ เสี่ยวไป๋ มิได้ต่อต้านใดๆเลย มันเชื่อฟังเป็นอย่างมาก

 

อาจบางที ในจิตสำนึกของมัน คงจะคิดว่าฉินเฟิงไม่มีทางทำร้ายมันก็เป็นได้

 

หลังจากการทำสัญญาประสบความสำเร็จแล้ว ฉินเฟิงก็ได้ล่วงรู้ถึงหลายสิ่งที่เกี่ยวกับเสี่ยวไป๋

 

เขาผ่อนลมหายใจลง โล่งใจจริงๆที่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่หมา หากแต่เป็นจิ้งจอกสายพันธ์หนึ่ง

 

เป็นจิ้งจอกที่มีสายเลือดของจิ้งจอกเก้าหางอันทรงอำนาจ!

 

และในฐานะที่เป็นจิ้งจอกเงิน ที่มีจำนวนน้อยนิดและหาได้ยากยิ่ง มันจึงครอบครองพลังที่สามารถควบคุมมิติได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงยังสามารถรับรู้ได่จากพลังสมาธิของเขา ว่าเสี่ยวไป๋ครอบครองพื้นที่มีติกว่าหนึ่งเมตร! คาดว่านี่น่าจะเป็นพื้นที่มิติของมันที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด พื้นที่มิติมั่นคง มีเสถียรภาพมาก สามารถเก็บสิ่งของได้ เหมือนกับพื้นที่เก็บของส่วนตัวเลยทีเดียว

 

ด้วยพลังนี้ มันเพียงพอแล้วที่ทำให้เสี่ยวไป๋กลายเป็นสัตว์ล้ำค่า! ผู้คนจำนวนมากย่อมหมายปองที่จะปล้นชิงมัน

 

“ต่อจากนี้ไป พยายามใช้พลังมิติให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะเข้าใจไหม แกยังเด็กเกินไป ดังนั้นใส่ใจที่จะปกป้องตัวเองด้วย!”

 

ฉินเฟิงวางมือลงบนหน้าผากของเสี่ยวไป๋ บางทีอาจเป็นเพราะทำสัญญากันแล้ว เสี่ยวไป๋จึงคล้ายรับรู้ถึงความต้องการของฉินเฟิงชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงเองก็สามารถรับรู้ถึงความคิดบางส่วนของเสี่ยวไป๋ได้

 

“แอ๊!” เสี่ยวไป๋ตอบรับอย่างรวดเร็ว ในมุมมองของมัน ทุกคำสั่งของฉินเฟิง มันจะไม่มีทางละเมิดเด็ดขาด

 

ฉินเฟิงขยำขนหางนุ่มๆของมันเล่นอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกลับมานั่งขวาทับซ้าย เรื่มฝึกเทคนิคสมาธิและทักษะลับกลืนดาราอีกครั้ง

 

หลายวันผ่านมา ระหว่างนั้นฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงก็ยังคงออกไปล่า เนื่องจากเสี่ยวจิงสามารถปลุกพลังของเธอได้แล้ว วัยรุ่นสาวจึงไม่ต้องคอยรับหน้าที่ชำแหละวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่สามารถเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน

 

แม้จะต้องเผชิญกับความตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เสี่ยวจิงก็ยังรอดมาได้ มีครั้งนึงที่น่องของเธอเกือบจะถูกทิ่มเป็นรู ในขณะเดียวกันตามร่างกายของเธอก็ปรากฏรอยขีดข่วนและฟกช้ำมากมาย

 

แต่เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ในที่สุด ไม่กี่วัน เสี่ยวจิงก็สามารถสะสมเงินครบ 80000 จนได้ แต่ก็ยังไม่พอ เธอก็ยังออกมาล่าต่อ สะสมพวกมันเพิ่มไปเรื่อยๆ

เธอไม่ได้เก็บเงินพวกนั้นอีกต่อไป แต่เลือกนำไปเปลี่ยนเป็นชุดต่อสู้และดาบหนัก แม้ว่าจะยังไม่มีกำลังภายในช่วยสนับสนุนในการต่อสู้ แต่เธอก็ยังเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

 

ในความเป็นจริง หลายคนในพื้นที่เพาะปลูก พอได้เห็นฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเก็บเกี่ยวสินสงครามมาได้มากมายก็เกิดความรู้สึกอิจฉา อยากจะปล้นชิง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ของทั้งสอง บางคนก็ยอมแพ้และถอดใจไป

 

เพราะทั้งคู่นั้นต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก


แน่นอนว่าผู้อื่นไม่มีทางรู้ได้หรอก ว่าการต่อสู้เหมือนเอาชีวิตเข้าแลกที่เห็นนั้น แท้จริงแล้วอยู่ในการคาดคะเนของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง