เจิ้งซา หรือเรียกสั้นๆ ว่าเจิ้ง เขามักจะรู้สึกอยู่บ่อยๆ ว่าตัวเขานั้นได้ตายไปแล้วจากโลกความจริง ไปทำงาน , กลับบ้าน , กินอาหาร , เข้านอนแล้วก็ตื่นขึ้นมา , เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายของชีวิต อยู่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ได้อยู่กับเจ้านายตัวอ้วนของเขา แล้วก็ไม่ได้อยู่กับพนักงานสาวที่เขาได้เจอกับเธอในบาร์ และมันก็คงไม่ได้อยู่ในป่าเหล็ก หรือ ป่าคอนกรีตของเมืองที่ทันสมัยแบบนี้

 เจิ้งรู้สึกราวกับว่าตัวเขาเป็นแค่ซากที่กำลังจะเน่าเปื่อย เขาใช้ชีวิตเน่าๆ แบบนี้มาได้ 24 ปีแล้ว และมันคงจะถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตเขาเสียที แล้วกลับไปเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินอีกครั้ง และทิ้งแค่เพียงชื่อไว้เบื้องหลัง ไม่สิ… ต้องบอกว่าเป็นชื่อที่ไม่มีใครรู้จักต่างหากล่ะ เพราะคงไม่มีใครจดจำเขาได้ คงไม่มีใครอยากจะจดจำพนักงานตัวเล็กๆ อย่างเขา ไม่ว่าเขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหนหรือจะตลบตะแลงเพียงใด แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนเล็กๆ ของโลกใบนี้ก็เท่านั้น.

 เขาปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เขาปรารถนาที่จะมีเป้าหมายในชีวิต

 ‘คณอยากรู้ความหมายของชีวิต? คุณต้องการมีชิวิต… ชีวิตที่แท้จริงรึเปล่า?’
 
 เมื่อเขาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในที่ทำงานของเขาในวันนี้ ได้มีข้อความหนึ่งปรากฎขึ้นมา เขาแน่ใจว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของแฮกเกอร์มือใหม่บางคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจ โดยมันจะต้องบังคับให้คุณดาวน์โหลดไวรัสไม่ว่าเป็นตัวเลือกใดก็ตามที่คุณเลือก เจิ้งหัวเราะ และกำลังจะปิดมัน จู่ๆ หัวใจของเขากลับเต้นไม่เป็นจังหวะมือของเขาแตะลงไปที่เม้าส์ เขาต้องชะงัก !
 

‘คุณอยากรู้ความหมายของชีวิต? คุณต้องการมีชีวิต… ชีวิตที่แท้จริงรึเปล่า? ’

 เจิ้งรู้สึกตกใจเล็กน้อย เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่สามา รถอธิบายได้ มันกำลังบังคับให้เขาวางนิ้วลงไปบนเม้าส์แล้วกด คลิ๊กลงที่ไปปุ่ม ‘YES’ สติของเขาก็ดับวูบลงไป


 
 หนาวเย็น และ สั่นสะท้าน…

 ในทันทีที่เขาตื่นขึ้น เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วหันมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก เพราะภาพที่ได้เห็นในตอนนี้มันดูแตกต่างจากเดิมเป็นอย่างมาก ทั้งสำนักงาน ทั้งสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เขารู้สึกสับสนขึ้นมาในหัวแต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินา ทีเขาก็คลายจากอาการสับสน

 “ไม่เลวนี่ ดูเหมือนแกมีคุณสมบัติมากที่สุดในกลุ่ม ของแกในตอนนี้” เสียงพูดที่ดูไม่แยแสดังขึ้นมา

 เจิ้งหันหัวกลับไปมอง เห็นชายผมดำคนหนึ่งกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ อายุของเขาประมาณ 24 หรือไม่ก็ 25 ปี หน้าตาธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่เพราะบาดแผลที่อยู่บนใบหน้าจึงทำให้เขานั้นดูน่ากลัว

 ชายผมดำคีบบุหรี่ซิการ์ไว้ในมือ พร้อมกับควันที่ลอยคลุ้งออกมา สายตาของเขาได้มองผ่านเจิ้งไป  และนั่น จึงทำให้เจิ้งรู้สึกตัวว่ายังมีอีกห้าคนกำลังนอนอยู่ข้างๆ ตัวเขา มีผู้ชาย 3 คน และ ผู้หญิง 2 คน นอกจากนั้นทั้งหมดเป็นชาวตะวันตกที่มีกว่า 10 คน รวมกันในห้องที่ถูกปิดแห่งนี้

 ที่นี่คือตู้รถไฟ รถไฟขบวนนี้แล่นด้วยความเร็วที่สูงมาก เขาสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นและแรงสั่นสะเทือนที่มาจากรถไฟ

 “ตอนนี้อยู่ผมที่ไหน? คุณเป็นใคร? แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ ?” เจิงถามคนที่อยู่รอบๆ และเนื่องจากคนเหล่านี้เป็นชาวตะวันตก เขาจึงจำเป็นต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษด้วยคำถามที่ซ้ำไปซ้ำ

ชาวตะวันตกมองมาที่เขาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะหันหัวออกไปทางอื่น มีเพียงแค่ชายผมดำเท่านั้นที่พูดกับเขา “ทบทวนดูให้ดีๆ มันน่าจะป้อนข้อมูลทุกอย่างเข้าไปในหัวของแกหมดแล้ว”

 ทบทวนงั้นเหรอ? เจิงพยายามทบทวนความทรงจำที่เลือนลางของตนเอง เขาจำได้แค่เพียงข้อความที่โผล่ขึ้นมาว่า ‘คุณอยากรู้ความหมายของชีวิต?’ คุณต้องการมีชิวิต… ชีวิตที่แท้จริงรึเปล่า?’

 และกดปุ่มคำว่า ‘ตกลง’ ก่อนที่เขาจะล้มลงและหมดสติไป


 เดี๋ยวก่อนนะ…เจิงรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังผุดขึ้นมาในหัวของเขา ข้อมูลบางอย่างถึงวิธีการมีเอาชีวิตรอดและการใช้ชีวิตในโลกของเกมส์

 ที่นี่คือเกมส์ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดค้นเกมส์นี้ขึ้นมาในตอนนี้มันยังไม่เป็นที่แพร่หลาย บางทีอาจจะเป็นพระเจ้า บางทีอาจก็จะเป็นปีศาจ หรือบางทีอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาว หรือไม่ก็เป็นมนุษย์ที่มาจากอนาคต และในตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้เล่นในเกมส์นี้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์นี้ก็ว่าได้

 มันเป็นเกมส์ หรือแหล่งรวมตัวของผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหมาย แต่ยังไม่ถึงกับเป็นคนที่เสื่อมสภาพ เมื่อพวกเขาได้ถูกเลือกเข้ามาในเกมส์นี้ พวกเขาทั้ง หมดจะถูกส่งเข้าไปในฉากต่างๆ ของหนังสยองขวัญ

 “ครั้งนี้มันเป็นฉากของหนังเรื่องผีชีวะ  มือใหม่อย่างพวกแกถือว่าดวงดีไม่เบาเลยนี่ สำหรับครั้งแรกได้หนังสยองขวัญง่ายๆ เพราะถ้าหากแกตาย มันก็จะได้เป็นการตายที่ไม่เจ็บปวดทรมาน “ชายผมดำสูบซิการ์มวนสุดท้ายก่อนที่จะขยี้มันด้วยมือของเขา

 “คุณจะบอกว่านี่เป็นจิตสำนึกของพวกเรา ที่ถูกพาเข้ามาในคอมพิวเตอร์? เหมือนกับในนิยายอย่างนั้นน่ะเหรอ? เมื่อจบเกมส์จิตสำนึกของพวกเราจะกลับไปสู่ร่างเดิมของพวกเราใช้ไหม?” ชายร่างอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆเจิงเอ่ยถามขึ้นมา

 ชายผมดำได้หยิบปืนเดสเซิร์ทอีเกิลขึ้นมา ในขณะที่เขาจัดการกับปืนของตัวเอง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันจะมาเพียงแค่จิตสำนึกหรือเปล่า แต่พวกแกจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดในทันที หากพวกแกได้รับบาดเจ็บ หรือว่าตาย และแกก็เดาผิดไปข้อหนึ่งด้วย ถ้าหากแกเล่นเกมส์จนหนังจบหนึ่งเรื่องแล้ว พวกแกก็จะต้องเล่นเรื่องต่อไปเรื่อยๆ บางทีพวกแกอาจจะเคยดูหนังเรื่องนั้นบ้าง หรือว่าอาจจะไม่เคยก็ตาม แต่ทุกครั้งพระเจ้าจะส่งผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทดแทนคนที่ตายไปเรื่อยๆ จนกว่าหนังจะจบเรื่อง หนังทุกๆ เรื่องจะมีผู้เล่นอยู่ประมาณ 7-20 คน พูดง่ายๆว่าหนังเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในระดับที่ง่ายจึงได้ใช้ผู้เล่นเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น”

 เจ้าอ้วนพูดพร้อมแสดงท่าทีสบประมาท “คุณจะรู้ได้ยังไง ว่าคนที่ตายไปจะไม่ได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของพวกเขา? บางทีคนพวกนั้นอาจจะยอมตายด้วยความเต็มใจเองก็ได้”

 ชายผมดำเงยหน้าขึ้นมาในทันที ราวกับว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นเสือไปแล้ว เขาย่อหัวเข่าลงและเพียงเสี้ยววินาที เขาพุ่งตัวเข้าไปขึ้นคร่อมอยู่บนร่างของเจ้าอ้วน ปลายกระบอกปืนเดสเซิร์ทอีเกิล มันถูกยัดเข้าไปในปากของเจ้าอ้วนในทันที

 “หรือว่าแกอยากจะลองตายดู? แกคงไม่มีทางจินตนาการถึงความหวาดกลัวแบบไร้จุดสิ้นสุดได้หรอก? ฉันอยู่ในหนังมาถึงสามเรื่องแล้ว เรื่องแรกนิ้วเขมือบ (เฟรดดี้ ครูเกอร์) ในเรื่องนั้นมีผู้เล่นหน้าใหม่ใหม่อยู่ 15 คน และมีชีวิตเหลือรอดอยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าทั้งคู่มีประสบการณ์ที่โชคโชน แต่แกอยากรู้ไหม ว่าตอนจบมันเป็นยังไง? พวกนั้นต้องตายในความฝัน มีเพียงฉันและอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอด แกอยากรู้ไหมล่ะว่าความรู้สึกที่ต้องถูกฆ่าในความฝันโง่ๆ แบบนี้มันเป็นยังไง? แกลองนึกภาพดูเองว่า ถ้าหากทุกๆ อย่างที่อยู่รอบตัวของแกมีแต่เนื้อเน่าๆและกลิ่นคาวของเลือดที่ตลบอบอวลไปทั่ว แกทำได้เพียงแค่จ้องมองกรรไกรค่อยๆ ตัดลงไปอย่างช้าๆ บนเนื้อของพวกนั้นทุกคนที่อยู่ในโรงงานสยองนั่น แกนึกภาพถึงความเจ็บปวดทรมานแบบนั้นออกไหม? ไอ้ขยะ! แกอยากตายมากนักใช่ไหม?”

 ชายผมดำตะโกนออกมาราวกับคนเสียสติ เขาตั้งใจที่จะฆ่า แววตาของเขาได้ฉายออกมาอย่างชัดเจน

เจ้าอ้วนหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกระดุกดิก และส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะว่า มีปลายกระบอกปืนถูกยัดอยู่ในปากของมัน จึงทำให้ไม่สามารถแม้แต่จะอ้อนวอนร้องขอชีวิตได้

 เจิง และอีกสี่คนที่เหลือช่วยกันจับพวกเขาแยกออกจากกัน ชายผมดำกลับไปที่นั่งของเขาและพูดขึ้นมาว่า “การตายในหนังสยองขวัญ มันคือการตายจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่แกจะตาย แกต้องถูกทรมานจากปีศาจจากหนังเรื่องนั้นๆ ดังนั้นถ้าหากแกไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันแนะนำให้แกฆ่าตัวตายไปซะ”

 สาวแว่นพูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่มีวิธีที่จะกลับร่างเดิมได้เลยเหรอ?”

 ชายผมดำตอบกลับด้วยท่าทางดูถูก “ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าไม่ใช่เพียงแค่จิตสำนึกเท่านั้นที่เข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์ เธอคิดเหรอว่ามนุษย์จะมีเทคโนโลยีขนาดนี้ หรือสามารถสร้างเกมส์แบบนี้ขึ้นได้? ไม่มีทางแน่นอน นี่มันต้องเป็นฝีมือของพระเจ้า พวกเราไม่มีค่าอะไรมากไปกว่า แค่แมลงในสายตาของเขา ที่พวกเราทั้งหมดต้องมาอยู่ที่นี่ต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด มันก็เป็นแค่สิ่งบันเทิงสำหรับพวกเขาเท่านั้น ทั้งร่างกายและจิตสำนึกของพวกเราถูกพามาในโลกใบนี้ พวกเราไม่มีทางได้กลับไป อย่างน้อยข้าก็ไม่คิดว่าพวกเราจะกลับไปได้”

 สาวแว่นค่อยๆทบทวนอย่างรอบคอบ เธอคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยปากถามว่า “ถ้าฟังจากสิ่งนายพูดมา ดูเหมือนว่าพวกเรายังพอจะมีหนทางกลับไปได้ใช่ไหม?”

 ชายผมดำพูดขึ้นมาว่า “ทักษะของผู้เล่นหน้าใหม่คราวนี้ถือไม่เลวเลย เธอพูดถูกแล้วมันยังพอมีหนทางที่จะกลับไป”

 ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขา “ในทุกๆ ครั้งถ้าเธอทำภาระกิจได้สำเร็จ หรือสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในหนังเรื่องนั้นได้จนจบเธอจะได้รับ 1,000 คะแนน พวกเธอสามารถใช้คะแนนเหล่านี้ นำไปแลกเปลี่ยนได้หลายอย่างเลยทีเดียว เช่นสิทธิ์ในการอยู่ในหนังได้ อีก 100 วัน” ชายผมดำกล่าว

 ชายวัยกลางคนๆ หนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า “ใครมันจะบ้าอยากอยู่ในหนังสยองขวัญแบบนี้กัน? นั่นเท่ากับว่ามันกำลังรนหาที่ตายชัดๆ”

 ชายผมดำเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา สาวแว่นพูดขึ้นมาว่า “ไม่นะ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจนะ กับความหมายที่เขาต้องการจะสื่อออกมา เนื่องจากหนังสยองขวัญนั้นมีหลากหลายแนว อย่างเช่นหนังแนววิทยาศาสตร์อย่างเรื่องผีชีวะ ที่ทุกอย่างล้วนอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็ทำเพียงแค่ออกจากส่วนสำคัญ หรือ เหตุการณ์หลักก็พอ เพราะส่วนที่เหลือของโลกยังคงอยู่ในสภาวะปกติ”

 ชายผมดำดีดนิ้ว “บิงโก! ถูกต้องแล้วพวกแกสามารถมีชีวิตรอดบนโลกใบนี้ได้ ในส่วนอื่นๆ ของโลกที่ยังคงอยู่ในสภาวะปกติ ลองคิดดูดีๆ หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง โอกาสที่จะได้อยู่บนโลกนี้อย่างปกติทั่วไปได้นี่ มันเท่ากับว่าได้รับพรจากพระเจ้าชัดๆ “

 ร่างกายของเจิงสั่นสะท้าน เขาคิดว่าเขาเริ่มเข้าใจเป้าหมายของโลกใบนี้ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แน่นอนว่าเหตุผลจริงๆ ที่ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวของเขาเองกำลังเน่าเปื่อยนั่นก็เพราะว่า เขามีชีวิตที่น่าเบื่อ ตราบเมื่อได้ผ่านประสบการณ์เฉียดตายขึ้นมาเมื่อใด เมื่อนั้นการมีชีวิตอย่างสงบสุขสำหรับเขาแล้ว มันจะกลายเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด

 ชายผมดำเล่าต่อว่า “นอกเหนือจากการแลก เปลี่ยนคะแนนกับเวลาแล้ว มันยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากมาย เช่นปืนเดสเซิร์ทอีเกิล ชนิดแบบไม่จำกัดกระสุน อย่างเช่นกระบอกนี้ ใช้เพียง 100 คะแนน

เพื่อแลกกับมัน และสามารถใช้งานมันได้ถึง 10 วัน นอกจากนั้น

พวกแกยังสามารถใช้คะแนน เพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองไม่ว่าจะเป็นด้านสติปัญญา , ด้านจิตใจ , ด้านปฏิกิริยาตอบสนอง , ด้านพละกำลัง, และความแข็งแรงที่สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้อีกด้วย ทั้งหมดที่พูดมานี้ ถ้าหากพวกแกสามารถมีชีวิตรอดจากหนังเรื่องนี้ได้ พวกแกจะสามารถเพิ่มศักยภาพด้านความแข็งแกร่งได้ถึงสองเท่า และยิ่งถ้าหากผ่านหนังสยองขวัญได้ถึง 100 เรื่อง รับรองว่าพวกแกจะกลายเป็นยอดมนุษย์เลยทีเดียว”

 สาวแว่นถามอย่างใจเย็น “งั้นขอกลับไปที่คำถามเดิม สรุปแล้วพวกเราจะต้องใช้กี่คะแนนในการกลับโลก?”

 “500,000 คะแนน” ชายผมดำหยิบซิการ์ขึ้นมาสูบอีกครั้ง “ถ้าหากพวกแกไม่ใช้คะแนนแลกสิทธิ์ใดๆ เลย พวกแกจะต้องมีชีวิตรอดผ่านหนัง 50 เรื่อง พวกแกถึงจะสามารถกลับไปยังโลกที่เดิมได้”

 เสียงของทุกคนก็เงียบสงบลงในทันที ตามที่ชายคนนี้ได้พูดทั้งหมด ถึงแม้พวกเราจะเลือกสะสมคะแนนไว้ โดยไม่นำมันไปใช้แลกกับสิ่งใดๆ เลย มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่จะมีชีวิตรอด ผ่านหนังสยองขวัญได้ถึง 50 เรื่อง

 “แน่นอนว่า 1,000 คะแนน คือขั้นต่ำที่จะได้ในแต่ละเรื่อง แต่พวกแกยังสามารถทำภารกิจเสริมในหนังแต่ละเรื่องเพื่อเพิ่มคะแนนได้อีก อย่างเช่นการที่ฉันกำลังอธิบายถึงกฎของพระเจ้าให้กับมือใหม่อย่างพวกแกได้ฟังอยู่ในตอนนี้ ข้าก็จะได้รับ 100 คะแนนเป็นรางวัล พวกแกควรจะสังเกตุอุปกรณ์พิเศษหรือนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือพวกแกในตอนนี้นะ” เขายกแขนซ้ายขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงนาฬิกาสีดำตัวเรือนโลหะที่อยู่บนข้อมือ

 

 ทั้งหมดต่างมองไปยังข้อมือซ้ายของตัวเอง มีข้อมูลเพียงไม่กี่บรรทัดที่แสดงอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา มันเริ่มจับเวลาที่ 3 ชั่วโมง 7 นาที จากนั้นมันจะเริ่ม

นับถอยหลังเมื่อถึงกำหนดเวลาของนักล่าซอมบี้หน้าใหม่…

 “พวกแกจะได้ 1 คะแนน จากการฆ่าซอมบี้ทุกๆ 10 ตัว, จะได้ 100 คะแนนจากนักล่า, และ 1,000คะแนนจากผู้เล่นหน้าใหม่…” เขามองทุกคนด้วยสีหน้าที่ดูชั่วร้าย มีเพียงแค่เจิงและสาวแว่นที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างสงบนิ่ง

 “เอาล่ะจบหลักสูตรซะที ถ้าอย่างงั้นพวกแกติดฉันอยู่ 1,000 คะแนน. ก็ได้, พวกแกยังมีคำถามอะไรอีกก็รีบๆถามมาซะ เพราะหนังเรื่องนี้ใกล้จะเริ่มแล้ว”

 สาวแว่นมองไปที่เจิง แล้วถามต่อ “ฉันมีคำถามอยู่ 3 ข้อ ถ้าฉันจำไม่ผิดหนังเรื่องผีชีวะในตอนจบ

ทีไวรัส ได้แพร่กระจายออกจากห้องแล็บไปสูแรคคูณซิตี้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราก็แค่ขับรถออกจากเมืองนี้ มันจะไม่ทำให้พวกเรามีชีวิตรอดง่ายกว่างั้นเหรอ?”

 ชายผมดำพยักหน้าเพื่อตอบรับ “ลองมองที่นาฬิกาของเธอดูสิ มันจะมีชื่ออยู่ตรงด้านบนฝั่งซ้าย , ลองอ่านดูสิ”

“วัน” ทุกคนอ่านออกเสียงพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็สังเกตชาวตะวันตกคนหนึ่ง มีประกายแสงสว่างจางๆ ประกายออกมาจากรอบกายของชายคนนั้น จากนั้นจึงค่อยๆ จางหายไป

 “เขาคือผู้นำกลุ่มทหารรับจ้างของหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้มีแนวอาณาเขตในแต่ละฉากอย่างชัดเจน ซึ่งโครงเรื่องจะเกิดที่ห้องแล็บ หนังประเภทนี้จะไม่อนุญาติให้ผู้เล่นออกห่างจากสถานที่เกิดเหตุ หรือห่างจากตัวละครหลักเกิน 300 ฟุตแม้แค่เพียง 1 ก้าวก็จะ…ตูม!!, ไม่เหลือแม้แต่ซาก เข้าใจนะ?

 แล้วถ้าหากตัวละครหลักของหนังอย่าง ‘วัน’ เกิดตายขึ้นมา ตามกฎแล้วจะส่งมอบไปให้ผู้แสดงคนอื่นแทน” ชายผมดำอธิบาย

 เจิงได้ถามต่อว่า “ใครคือพระเจ้าที่นายพูดถึง?”

 “พระเจ้าคือคนที่ทำให้พวกเราต้องเข้ามาอยู่ในหนัง มันจะให้คะแนนกับพวกเรา และพวกเรายังต้องแลกเปลี่ยนสิ่งของผ่านมัน ลักษณะของมันเป็นลูกบอลแสง ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรเหมือนกัน”

 สาวแว่นพยักหน้ารับและถามต่อว่า “คำถามสุด ท้ายตัวเลขนี้หมายถึงอะไร?” เธอชี้ไปที่ตัวเลขขณะกำลังนับถอยหลัง

 “มันคือเวลาที่เธอจะต้องอยู่ในหนังเรื่องนี้ เมื่อเวลาของเธอได้หมดลง พระเจ้าจะเคลื่อนย้ายเธอไปที่จุดมอบรางวัล หลังจากนั้นเธอจะต้องรอเพื่อที่จะเข้าไปในหนังเรื่องถัดไป”

 รถไฟเริ่มชะลอตัวลง เมื่อชายผมดำสูบซิการ์เสร็จเขาจึงหยิบปืนเดสเซิร์ทอีเกิลออกมา “เอาละ, หนังเริ่มเดินเรื่องแล้ว ตอนนี้ตัวละครในเรื่องสามารถได้ยินในสิ่งที่พวกเราพูดคุยกันแล้ว จำเอาไว้ว่าถ้าพวกเขาได้ยินเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับโลกใบนี้หรือบอกบทล่วงหน้าจะโดนหักสิบคะแนนในทุกๆ ประโยคพูด เอาละ! หน้าใหม่ จงพยายามกระเสือกกระสนเพื่อที่ จะมีชีวิตรอดให้ได้ละ”