แคปแลนเปิดคอมพิวเตอร์สามเครื่อง ในสายตาของเจิ้งทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ของเขาถือเป็นมือวางอันดับหนึ่ง เขาใช้มือพิมพ์อย่างต่อเนื่องลงบนคีย์บอร์ดทั้งสาม ผ่านไปแล้วหลายนาที แต่ดูเหมือนประตูที่นำไปสู่ศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ยังคงปิดอยู่

 เรนถามว่า“ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?”

 แคปแลนตอบโดยไม่ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ “ราชินีแดงยังคงควบคุมสถานที่นี้อยู่ เธอกำลังทำให้มันยุ่งยาก.”

 พอเขาพูดจบในที่สุดประตูก็เปิดออก วันพยักหน้า“ยกของขึ้นมา.” หลังจากนั้นเขาก็หันไปหากลุ่มของเจิ้ง“คุณรออยู่ที่นี่.”

 ที่ด้านหลังประตูเป็นทางเดินยาวประมาณสิบเมตร ผนังทำจากกระจก ซึ่งแตกต่างจากผนังด้านนอกที่ทำจากเหล็กและโลหะ.

 วันเดินเข้าไปเป็นคนแรก เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังในทุกๆ ฝีก้าว จนกระทั่งมาถึงศูนย์กลางของทางเดิน ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเพราะผนังกระจกค่อยๆ สว่างขึ้นอย่างฉับพลัน

 เสียงของแคปแลนดังมาจากสปีกเกอร์โฟน “แค่ไฟอัตโนมัติ ไม่มีอะไรต้องกังวล”

 “เห็นได้ชัดว่าเลเซอร์จากระบบป้องกันตนเอง ไฟอัตโนมัติและไม่มีอะไรต้องกังวล?” เจิ้งคิด

ในขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่างมีมือหนึ่งได้ดึงเขาไว้ เขาหันกลับไปมอง เห็นหลานส่ายศรีษะของเธอเพื่อห้าม

 วันตั้งค่าเครื่องส่งสัญญาณเสร็จสิ้น มันเป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับโทรศัพท์มือถือ เขาวางมันไว้บนเซ็นเซอร์ของประตู แคปแลนเริ่มลงมือพิมพ์อีกครั้ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งประตูบานอื่น ๆ ของทางเดินในที่สุดก็เปิดออก

 วันถอนหายใจอย่างโล่งอก และโบกมือให้กับคนที่อยู่ด้านนอก  “เลื่อนขึ้น.”

  อลิซถามขึ้นมาในทันที “มันคืออะไร?”

แคปแลนที่อยู่ใกล้เธอที่สุดตอบ “นั่นคือสิ่งที่จะปิดราชินีแดงลง มันมีหน้าที่ปล่อยประจุไฟฟ้ามหาศาล มันจะดึงข้อมูลเมนเฟรมและบังคับให้รีบูต.” 2

 ในขณะที่ทหารรับจ้างกำลังจะเข้าสู่ทางเดิน เจิ้งไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากร้องตะโกน “ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน คุณไม่รู้สึกแปลกบ้าง? คอมพิวเตอร์นี้ดูไม่ไร้ประโยชน์ไปหน่อยเหรอ มันจะปล่อยให้พวกคุณรีบูตมันได้ง่ายๆแบบนี้ ผมไม่คิดว่ามันจะหมู ขนาดนั้น อาจมีบางอย่างผิดปกติกับทางเดินนี้.”

 ทหารรับจ้างชะงักและมองไปที่เขา หลานได้แต่ถอนหายใจออกมา และ ชักมือของเธอกลับ จากนั้นเธอก็ย้ายไปที่ข้างๆ อลิซ

วันเดินออกมาจากทางเดิน เขาสงบนิ่งและจ้องไปที่เจิ้ง “ตกลงงั้น คุณ และ คุณจะมากับเรา.” เขาชี้ไปที่เจิ้งและโหมว

 มือและเท้าของพวกเขาเย็นเฉียบในทันทีที่ได้ยินคำพูดของวัน พวกเขารู้ดีว่าทางเดินนี้เป็นกับดักแห่งความตาย ทุกคนที่เหยียบเข้าไปจะตายแม้กระทั่งวันเขาจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ .

 ในที่สุดเจิ้งก็รู้ว่าทำไมเจี๋ยถึงมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ใช่แล้วเขาไม่ควรช่วย หรือ พยายามที่จะไปเปลี่ยนแปลงพล็อตเรื่อง แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะบิดพล็อตเรื่องจากเดิม หากมีการบิดพล็อตเรื่อง หรือ เปลี่ยนแปลงพระเจ้าจะเพิ่มความยากหรืออุปสรรคเข้ามาเช่นนี้

 ไม่  โหมววางมือไว้บนศรีษะของเขาแล้วกรีดร้องออกมา “ไม่ผมไม่อยาก ผมอยากเข้าไป!” และในขณะที่เขากรีดร้องเขาวิ่งย้อนกลับไปทางเดิมที่จากมา ก่อนที่กลุ่มของเจิ้งจะตอบสนองใดๆ ทหารรับจ้างชักปืนออกมาและยิงไปเขา ในเวลานั้นร่างกายของเขาล่วงลงไปกองที่พื้นและกลายร่างไร้วิญญาณ

 “โอ้กก!” เจิ้งและเสี่ยวอี้อาเจียนออกมาในทันที หนึ่งชีวิตได้ถูกพรากไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา ความรู้สึกผิดที่อยู่ภายในจิต ใจของเจิ้งมันเลวร้ายเป็นอย่างมาก เป็นเพราะเขาไม่ระวังและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้โหมวถึงต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้

 วันมองไปที่เจิ้งอย่างเย็นชาแลัวพูดขึ้นมาว่า “ผมสงสัยคุณตั้ง แต่แรกแล้ว ถึงแม้ว่าตัวตนของคุณจะมีบันทึกในข้อมูลของบริ ษัท แต่คุณดูไม่เหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และตอน

นี้คุณก็ยังพยายาม ที่จะหยุดพวกเราจากการรีบูตราชินีแดง? เอาล่ะเจิ้งมากับเรา.”

เจิ้งรู้สึกชาไปทั้งตัว กระเพาะอาหารของเขาเริ่มปั่นป่วนจากการ  อาเจียน วันไม่ปล่อยให้เจิ้งหยุดพัก เขาคว้ามือของเจิ้งเข้าไปในทางเดินพร้อมกับคนอื่น ๆ

 เมื่อทุกคนอยู่ข้างในเหมือนกับฉากในภาพยนตร์ ประตูทั้งสองด้านของทางเดินก็ปิดลง วันและทหารรับจ้างกระชับปืนในมือมั่นอย่างระมัดระวัง พวกเขาสนทนากันผ่านสปีกเกอร์โฟน มีเสียงพูดขึ้นมาว่า “แคปแลน?”

 แคปแลนตื่นตระหนก“กลไกการป้องกันบางอย่างไม่ทำงาน ทำ ให้มีปัญหาในการเปิดประตู.”

“ ปลุกมันให้ตื่น.”

 แคปแลนเหงื่อแตกซิก “จัดการซะ.”

“ทุกคนประจำตำแหน่งและอยู่ในความสงบ.”

 เจิ้งรู้สึกขวัญผวา เพราะรู้ดีว่าเมื่อพล็อตเรื่องได้เริ่มดำเนิน เขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน ตามที่คาดผนังกระจกค่อยๆสลัวลงเลเซอร์เส้นบางๆ ได้ปรากฏขึ้นระหว่างผนัง เลเซอร์พุ่งตรงเข้าใส่ทหารรับจ้างและเจิ้ง

 วันเป็นคนแรกที่แสดงปฏิกิริยาตอบสนอง เขาดึงคนทั้งสองให้มาอยู่ข้างๆ เจิ้งเริ่มเป็นคนแรกเขาก้มตัวลงนอนระนาบกับพื้นทัน ทีที่เลเซอร์เคลื่อนย้ายเข้าถึงตัว ลำแสงของมันแทบจะไม่สัมผัสถูกหัวไหล่ของเขา เขารู้สึกถึงว่าความเฉียบคม และ ความร้อนเลื่อนผ่านหัวไหล่ของเขาออกไป พร้อมกับจิตใจที่ว่างเปล่าของเขาในตอนนี้

 “หมอ! หมอ!” วันตะโกน

 เพราะเสียงร้องตะโกนของวันทำให้เจิ้งกลับมามีสติอีกครั้ง เขาหันกลับไปมองและเห็นศรีษะของหมอค่อยๆ ล่วงลง แต่ร่างกายเขายังคงยืนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาที่จ้องมองเต็มไปด้วยคำด่า ทอสาปแช่ง

 “ไม่ ไม่! ผมยังไม่อยากตาย!” เจิ้งกรีดร้องราวกับคนเสียสติ แต่ในขณะที่เขากำลังกรีดร้องอยู่นั้น ภายในจิตใจของเขากลับรู้สึกสงบกว่าที่เคย เขาเริ่มทบทวนถึงฉากของหนังเรื่องนี้

 วันกำลังจับมือของทหารรับจ้างที่สูญเสียนิ้วมือไป แล้วมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “มันกลับมาแล้ว!”

 คราวนี้ความสูงของเลเซอร์อยู่ในระดับข้อเท้า เจิ้งนึกถึงรายละเอียดของฉากนี้ เขาจำได้ว่ามันเคลื่อนผ่านทหารรับจ้างคนแรกและมันกลับเปลี่ยนทิศทางในทันที ที่ทหารรับจ้างคนที่สองกระโดด ลำแสงของมันเฉือนตัดผ่าร่างของเขาจนขาดครึ่ง เจิ้งมีเพียงแค่โอกาสเดียวถ้าล้มเหลวเขาจะต่องตายด้วยเลเซอร์ เขาไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องตรงส่วนนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งเกิดจากการแทรกแซงของเขา แต่เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เขารู้เท่านั้น

 เลเซอร์พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว ทหารรับจ้างคนหนึ่งถูกแสงของเลเซอร์นอนตายอยู่บนพื้น ที่เหลืออีกสองคนเริ่มขอความช่วยเหลือ เจิ้งตั้งสมาธิพุ่งตัวเข้าหาทหารรับจ้างที่อยู่ด้านหน้า 1 วินาที 2 วินาที ราวกับว่าเวลาเดินช้าลงในสถานการณ์ความเป็น และ ความตาย ในตอนนี้เขากลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ ที่อยู่รอบข้าง ราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ชะลอตัวช้าลงเช่นกัน

 “ปลดล็อคขีดกำจัดทางจิตใจ! ได้รับรางวัล 500 คะแนน ความแข็งแกร่งทางจิตใจเพิ่มขึ้น 20 คะแนน ความเร็วปฏิกิริยาตอบสนองเพิ่มขึ้น 30 คะแนน !”

 

สเตตัส คะแนน
ปลดล็อคขีดจำกัดทางจิตใจ 500
ความแข็งแกร่งทางจิตใจ 20
ความเร็วปฏิกิริยาตอบสนอง 30

เสียงประกาศอันทรงเกียรติดังชัดเจนดังอยู่ในหูของเจิ้ง แต่เขากลับไม่ได้ยินมัน เพราะสมาธิทั้งหมดของเขาในตอนนี้จดจ่ออยู่ที่ทหารรับจ้าง ในขณะที่เขากระโจนเข้าไป และตัวของเขาเองล่วงลงกับพื้นเลเซอร์เคลื่อนผ่านตัวเขาไป ลำแสงสีขาวราวกับเคียวยมฑูตที่มาเก็บเกี่ยวความตาย เจิ้งเชื่อคำพูดของเจี๋ยว่าร่างกายของพวกเขาเป็นเพียงแค่ของเล่นของพระเจ้า หรือ ไม่ก็ของปีศาจ พวกเขาทั้งหมด … ต้องตายอยู่ที่นี่!

 เลเซอร์เปลี่ยนทิศทางเหมือนที่คาดเดาไว้ มันเฉือนตัดร่างของทหารรับจ้างจนตัวขาดครึ่ง หลังจากเลเซอร์ผ่านไปเจิ้งรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับไปยังด้านหลัง มองผ่านหน้าต่างและประตูเห็นหลานกำลังยืนอยู่ด้างนอก น้ำตาไหลออกมาจากดวง ตาของเธอ

 เจิ้งส่งยิ้มให้กับเธอ แล้วรีบคว้าแขนของวันวิ่งไปใกล้ประตูโดยหวังว่าพล็อตเรื่องของฉากนี้จะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมอีก เลเซอร์จะหยุดเมื่อเกือบจะถึงประตู และไม่จำเป็นต้องหลบหนีมันอีกเพ ราะมันจะกลายเป็นตาข่าย และ สลายไปเอง สิ่งที่เขาพอทำได้คืออยู่ใกล้ประตูให้มากที่สุดและอธิษฐาน ได้โปรดตามพล็อตเรื่อง และ ทุกอย่างจบลง!

 วันพยายามดิ้นรนจากการจับของเจิ้ง “ปล่อยผม! ถ้าอยู่ตรงนี้มันจะตัดพวกเราขาดครึ่ง! ปล่อยผม!”

 เจิ้งคว้าคอของเขาและพูดว่า“เชื่อผม! ตอนนี้ไม่มีทางไหนที่จะหลบมันได้ อยู่ใกล้กับประตูให้มากที่สุด เรายังอาจวัดดวงกับมันได้! เชื่อผม!”

 เลเซอร์สามเส้นได้ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง มันเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขา ด้วยลักษณะตั้งตรงที่สามารถผ่าร่างของพวกเขาให้ขาดครึ่งได้ วันดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากตรงนี้ แต่เจิ้งยังคงไม่ยอมปล่อยเขาไป ร่างของเขาแนบชิดกับประตูพร้อมกับปิดตาลงและภาวนา

 “ชีวิต ผมยังต้องการมีชีวิต ถึงแม้วจะอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเท่ากันเช่นนี้ ผมก็ยังอยากที่จะมีชีวิต!”

 บางทีเลเซอร์ มันอาจรู้ว่าเขากำลังอธิฐานถึงพระเจ้าอยู่ รูปแบบตาข่ายเปิดทำงานขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขา วันส่งเสียงกรีดร้องอย่าสิ้นหวัง ในตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างจากเลเซอร์รูปตาข่ายเพียงไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้าเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อน และเพียงชั่วอึดใจสีของเลเซอร์ค่อยๆ จางลงและเลือนหายไปในที่สุด เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่

 เจิ้งค่อยๆ เปิดตาขึ้นมา เลเซอร์ได้หายไปแล้วเขารู้ทันทีว่าประสบความสำเร็จ สิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง การจำพล็อตเรื่องได้มันช่วยให้เขามีชีวิตรอดจากขอบเหวแห่งความตาย ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยสัมผัสสถานการณ์เฉียดตาย เหมือนกับมันอยู่แค่หัวไหล่เท่านี้มาก่อน

 “นี่คืออะไร?”

 ในขณะที่เจิ้งกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องโชคของเขาอยู่นั้น เขาเห็นแสงสว่างเป็นรูปทรงกลมและเล็กอยู่บนปกคอเสื้อวัน เขาหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือแล้วแสงนั้นก็จางหายไป ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านจากมือไปสู่ร่างกายของเขา มันเป็นความรู้สึกพิเศษ และผ่อนคลายอย่างน่าอัศจรรย์

 “ภารกิจระดับ B  ได้รับรางวัล 5,000 คะแนน.”

 

ระดับภารกิจ รางวัล / คะแนน
B 5,000

เสียงประกาศอันทรงเกียรติดังขึ้นอีกครั้ง เจิ้งจำได้ว่าเขาเคยได้ยินเสียงอย่างนี้มาก่อน มันบอกกับว่าเขาได้รับรางวัล 500 คะ แนน ความแข็งแกร่งทางจิตใจเพิ่มขึ้น 20 คะแนน ความเร็วปฏิ กิริยาตอบสนองเพิ่มขึ้น 30 คะแนน และยังจะได้รับ 1,000 คะ แนนเอาไว้เพิ่มศักยภาพตัวเอง นี่คือจำนวนคะแนนที่จะได้รับหลังจากรอดตายจากภาพยนตร์

 สำหรับ 5,000 คะแนน ที่เจิ้งได้รับมันเป็นเหมือนดั่งของขวัญจากสวรรค์

เจิ้งประหลาดใจมาก เพราะในทันทีที่ประตูได้เปิดออกหลายคนรีบวิ่งกรูเข้ามาหาเขา แต่เขายังคงยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น

 เสี่ยวอี้วิ่งเข้ามาเขย่าไหล่ของเขา“พี่โคตรเจ๋ง! พี่รอดมาได้!”

 สติของเจิ้งกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาส่ายศรีษะและยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี มันตื่นเต้นและมีแรงกระตุ้นมากเกินไปสำหรับคนปกติที่เคยอยู่บนโลกอันแสนสงบสุข

 หลานก็เข้ามาอีกคน “สมควรแล้วที่นายต้องเจอแบบนี้ ฉันเตือนนายตลอดเวลา ว่าอย่าเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้แต่นายไม่เคยฟัง เจี๋ยพูดถูกการรับมือที่ดีสุดของพวกเราไม่ใช่โชคช่วย แต่ต้องจำพล็อตเรื่องให้ได้ ความโชคดีจะไม่อยู่กับเราเสมอไป หยุดห่ามซะทีตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันไม่อยากให้ใครต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่.”

 เจิ้งส่ายศรีษะและไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับรางวัลที่ได้รับมาดีหรือไม่ ภาระกิจระดับ B คืออะไร? เพราะเปลี่ยนพล็อตเรื่อง หรือ ช่วยตัวละครหลักที่ควรจะตาย? หรือสามารถรอดชีวิตจากฉากเสี่ยงตาย?

 เขาไม่ได้รู้เลยว่ามันจะอันตรายมากมายขนาดนี้ เขาเกือบตายอยู่ที่นั่น โหมวชายวัยกลางคนต้องตายเพราะเขา เพราะเหตุนี้เขาจึงกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรต่อจากนี้ เจี๋ยอาจจะไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรอีก เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแบบในครั้งนี้ บางทีทุกคนอาจต้องตายที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น, นักแสดง หรือ แม้กระทั่งตัวละครหลัก

 นั่นคือความน่าหวาดกลัวของหนังสยองขวัญ ไม่มีใครที่ปลอด ภัยอย่างแท้จริง ทุกคนมิสิทธิ์ตายได้หมด พวกเขาแค่ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด.