บทที่ 91

สำหรับคนอย่างฉินห่าวที่มีความทะเยอทะยาน ในแต่ละวันที่ว่างเว้นช่างผ่านไปอย่างเจ็บปวด จนในที่สุดเขาทนไม่ไหว ต้องขอไปเดินเล่นรอบๆนิกาย

ในช่วงปีนี้ นิกายเซียวเหยามีชีวิตชีวาขึ้นมาก เหตุผลไม่ใช่เพราะได้รับสมบัติมากมายจากฉินห่าวอย่างเดียว แต่หลักๆเป็นเพราะทุกคนได้เขาเป็นแรงบันดาลใจต่างหาก

แรงบันดาลใจนี้กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่นของทุกคนให้ตั้งใจฝึกฝนเพื่อยกระดับขอบเขตของตนเอง!

ฉินห่าวเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนมาถึงสถานที่ๆเขาคุ้นเคย

“ศิษย์น้องหญิงหวาง!”

“อา! ศิษย์น้องหญิงหวางนับวันยิ่งสง่างาม”

ณ หอภารกิจ

ฉินห่าวเพิ่งมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงดังวุ่นวายจากข้างใน แต่เขาไม่สนใจ ยังคงเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

เห็นเพียงสาวกหญิงคนหนึ่งถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน ซึ่งเธอสวยมากจริงๆ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ฉินห่าวไม่สนใจเรื่องนี้

“ศิษย์พี่ทั้งหลาย อย่ามาล้อมข้าเลย เดี๋ยวจะเกะกะคนอื่นๆที่กำลังรับภารกิจ”

รอยยิ้มของหวางว่านนั้นหวานฉ่ำมาก เสียงของเธอก็นุ่มนวลราวกับสัมผัสไปถึงหัวใจของใครบางคน

“ใช่ ใช่ ศิษย์น้องหญิงพูดถูกแล้ว พวกเราแยกย้ายกันเร็ว”

ฉินห่าวส่ายหัว สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงประเภทนี้เป็นอุปสรรคต่อเส้นทางการฝึกตน ความงดงามของเธอนี่คือแหละที่มักก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

เมื่อคิดได้ว่าไม่ควรสนใจ เขาก็หันกลับมาดูแถบภารกิจ

แต่แล้วสองคิ้วก็ต้องขมวดเข้าหากัน

เพราะส่วนใหญ่ที่ระบุไว้ ล้วนเป็นภารกิจเช่นค้นหาวัตถุดิบ กำจัดพวกสัตว์ร้ายหรือวิญญาณชั่วร้ายต่างๆ

แต่มีภารกิจหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ

[ภารกิจค้นหาฐานที่มั่นของพวกเซี่ยถูทั้งหมดในขอบเขตอิทธิพลของนิกายเซียวเหยา ]

ความยากของภารกิจ: สิบดาว

เคล็ดลับ: อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น

รางวัล: ขึ้นอยู่กับการพิจารณา

“พวกเซี่ยถูออกมาสร้างปัญหาอีกแล้วหรือ?”

ฉินห่าวพึมพำประโยคหนึ่ง แต่ในตอนนั้นเอง

“อ๊ะ นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ!”

“ผีอัปลักษณ์! เจ้ากล้าเดินชนศิษย์น้องหวังได้ยังไง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!”

“ข้าไม่ได้เดินชน แต่นางต่างหากที่มาชนข้า” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังเข้ามา

ฉินห่าวหันมองตามเสียง แล้วก็จดจำได้ทันทีว่านางคือสตรีสวมหน้ากากที่ติดตามเขาไปยังเมืองห่าวเทียน

แต่ขณะนี้ ผู้หญิงคนนั้นดูไม่เยือกเย็นเหมือนครั้งก่อนอีกต่อไป กลับดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

กลุ่มสาวกรอบๆกำลังตำหนินางด้วยความโกรธ

ฉินห่าวมองหวางว่านซึ่งกำลังแสร้งทำท่าทีบอบบางอ่อนแอ แต่เมื่อถอยออกมาหลบหลังคนมุงที่ช่วยปกป้องเธอแล้ว เจ้าตัวกลับยิ้มมุมปาก เฝ้ามองผู้อื่นที่กำลังเดือดร้อนอย่างสมเพช

เห็นการแสดงออกที่กลับกลอกของหวางว่าน ฉินห่าวถอนหายใจ เดินเข้าไปใกล้วงล้อม “เกิดอะไรขึ้น?”

แม้เสียงนี้จะไม่ดังนัก แต่ก็ทะลุทะลวง ในชั่วพริบตา ทั้งห้องโถงพลันเงียบลง ทุกคนหันศีรษะไปทางเดียว และเมื่อเห็นว่าเป็นฉินห่าว ทั้งหมดก็แสดงความเคารพ

“คารวศิษย์พี่ฉิน”

“ศิษย์พี่ฉิน เรื่องเป็นเช่นนี้ ศิษย์น้องหญิงหวางกำลังเดินดูภารกิจ แต่ผีอัปลักษณ์กลับจงใจเดินเข้ามาชน ข้าว่านางต้องริษยาในความงามของศิษย์น้องหวางแน่ๆ”

“ฮ่า พวกขี้เหร่ก็ชอบทำอะไรประหลาดๆแบบนี้เสมอนั่นแหละ”

ผีอัปลักษณ์?

ขี้เหร่?

ฉินห่าวชำเลืองมองสาวกหญิงสวมหน้ากากที่กำลังหวาดกลัว เขามั่นใจว่าเพราะเธองดงามเกินใครถึงได้สวมมัน แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเช่นนี้

“คารวะศิษย์พี่ฉิน!”

เมื่อเห็นฉินห่าว ดวงตาของหวางว่านสว่างไสว ริมฝีปากแดงเชิดขึ้นเบาๆ

ฉินห่าว พยักหน้ารับเบาๆ หากเป็นในชีวิตที่แล้วเขาอาจหลงนาง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ หลังจากรับการคารวะก็หันไปหาสตรีสวมหน้ากากแล้วเอ่ยว่า “เจ้ามาเข้าร่วมกับยอดเขาเซียวเหยาซะ”

ว่าจบ เขาก็หันหลังและจากไปทันที

ทุกคนในห้องโถงอ้าปากค้าง เงียบกริบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใด

ทุกวันนี้ยอดเขาเซียวเหยาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่ร้อนแรงที่สุดในนิกาย ที่นั่นมีสมบัตินับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่ช่วงหลังๆเงื่อนไขในการเข้าร่วมนั้นสูงเกินไป

กระนั้น ผีอัปลักษณ์ตัวนี้กลับโชคดีได้เข้าร่วมอย่างคาดไม่ถึง และยังเป็นคนที่ศิษย์พี่ฉินเชื้อเชิญด้วยตัวเอง!

ดังนั้น ทุกคนจึงมองสตรีสวมหน้ากากด้วยความอิจฉา แต่ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

ในดวงตาของสตรีสวมหน้ากาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ครั้งหนึ่งเธอก็เคยพยายามขอเข้าร่วมยอดเขาเซียวเหยาเช่นกัน แต่น่าเสียดาย ในตอนนั้นมีคนสมัครและเข้าร่วมเยอะเกินไปแล้ว เธอจึงพลาดโอกาส

แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เข้าร่วมอย่างกะทันหันในวันนี้ …

บทที่ 92

แต่วันนี้ คำพูดของศิษย์พี่ฉินไม่เพียงช่วยแก้ปัญหา แต่ยังทำให้เธอสามารถเข้าร่วมกับยอดเขาที่ใฝ่ฝันมาโดยตลอด ในพริบตา หญิงสาวคล้ายถูกห้อมล้อมไปด้วยความสุข

หวางว่านมองแผ่นหลังของฉินห่าวที่ไกลออกไป ในแววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เธอทั้งสวยและน่ารัก เหตุใดชายผู้นี้ถึงไม่มองเธอ กลับไปสนใจผีอัปลักษณ์แทน?

และไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาเอ่ยปากเชิญยัยผีอัปลักษณ์นั่นเข้าร่วมกับยอดเขาเซียวเหยา ตัวเธอเองก็ชื่นชมสถานที่แห่งนั้นมานานแล้ว ที่นั่นมีสมบัติล้ำค่ามากมายที่หากได้จับแล้วยากจะวางมันลง มีโอสถมากมายขนาดที่สามารถใช้กินแทนมื้ออาหาร แล้วเหตุใดเธอถึงไม่มีโอกาสเข้าร่วม?

ยังไงก็ตาม แม้หวางว่านจะคิดเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยมันออกมา ความแข็งแกร่งของฉินห่าวคือสิ่งที่เธอไม่อาจล่วงเกิน … แต่พี่สาวของเธอทำได้!

เมื่อคิดได้แบบนั้น หวางว่านยิ้มลาทุกคน และหันหลังเดินจากไป

ด้านฉินห่าว เขาไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งเลย เหตุผลที่เอ่ยปากชักชวนสตรีสวมหน้ากากเข้าร่วมไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเธอ แต่เป็นเพราะโชคชะตาต่างหาก นิกายเซียวเหยากว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่การได้พบกันสองครั้งถือเป็นโชคชะตา

“ศิษย์พี่ฉิน  สมบัติที่ท่านนำมาพวกเราคัดแยกเกือบเสร็จแล้ว บางอย่างที่ควรนำไปใช้งานพวกเราก็นำไปติดตั้งตามที่ต่างๆ ท่านต้องการตรวจสอบดูหรือไม่?”

ในขณะนี้ หวังจุนก้าวมาข้างหน้าและกล่าว

“ก็เอาสิ ไปดูกัน”

ฉินห่าวยืนขึ้นและพูดต่อ “วันนี้จะมีสตรีสวมหน้ากากมาเข้าร่วมกับยอดเขาเซียวเหยาเรา ข้าเป็นคนชักชวนนางเอง หากนางมา ฝากเจ้าดูแลด้วย”

“ขอรับ … เอ๋? ศิษย์พี่ชักชวนสตรีด้วยตัวเอง?”

หวังจุนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่แล้วดวงตาพลันสว่างไสว ในที่สุดศิษย์พี่ก็เจอสตรีที่ดีแล้วใช่หรือไม่? ศิษย์น้องเซียวเซียวคนก่อนไม่น่าเชื่อถือเกินไป แม้นางสามารถเข้าร่วมยอดเขาเซียวเหยา แต่ก็มีปัญหามากมาย จนตอนนี้กระทั่งเขาซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการยอดเขา เวลาเห็นเซียวเซียวยังต้องวิ่งไปซ่อนตัว ไม่งั้นปวดหัวแน่ๆ

“เอาล่ะ เจ้าจัดการตามเห็นสมควร ยอดเขาเซียวเหยาเราไม่ได้มุ่งเน้นด้านพรสวรรค์ แต่มุ่งเน้นด้านความอุตสาหะ บางครั้ง พรสวรรค์มีประโยชน์แค่ช่วงแรกเท่านั้น ความเพียรต่างหากที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตลอดไป”

ฉินห่าวพยักหน้าอย่างสบายๆ และเอ่ยเสริมว่า “หนทางสู่การเป็นเซียนนั้นยาวไกล หลายคนที่ถูกขนานนามลูกรักของพระเจ้าเกือบทั้งหมดสะดุดขาตัวเองระหว่างทางเพราะก้าวเร็วเกินไป ต้องความเพียรและความอุตสาหะที่ก้าวช้าๆต่างหากคือที่สุด”

“ขอรับ”

ดวงตาของหวังจุนเป็นประกาย พยักหน้าพลางครุ่นคิดตาม

จากนั้น ทั้งสองก็เดินออกจากห้องโถงและมาถึงสระน้ำแห่งหนึ่ง

“ศิษย์พี่ จากการวิเคราะห์ของพวกเรา นี่คือสมบัติวิเศษที่สามารถช่วยขัดเกลารากฐานทางกายภาพของสาวกระดับล่างได้ ที่สำคัญคือสระนี้ไม่เล็ก สามารถปล่อยให้ศิษย์หลายคนเข้าใช้งานได้พร้อมกัน”

ฉินห่าวมองสระน้ำที่ฟุ้งไปด้วยไอหมอก เกิดความรู้สึกราวกับว่านี่เป็นสวรรค์บนดิน

“หากศิษย์น้องชายกับหญิงฝึกด้วยกันที่นี่มันจะไม่สะดวก บอกพวกเขาจัดแบ่งการใช้งานให้สมดุล หนึ่งวันสำหรับสาวกชาย หนึ่งวันสำหรับสาวกหญิง จะหนึ่งสัปดาห์ค่อยสลับกันก็ได้ แล้วแต่เจ้าจะจัดการ  ”

ฉินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสนอ

“ขอรับ ยังคงเป็นศิษย์พี่ที่คิดรอบคอบ”

หวังจุนพยักหน้า

ฉินห่าวยิ้ม คิดในใจว่า ‘โรงอาบน้ำพุร้อนเขาก็แยกกันแบบนี้ ’

ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงบันได้หินซึ่งเป้นทางเดียวสำหรับปีนขึ้นยอดเขาเซียวเหยา

“ศิษย์พี่ นี่คือบันไดหินที่ท่านนำมา ข้านับแล้วมี 999 ขั้นพอดิบพอดี การปีนเขาโดยใช้มันจะช่วยขัดเกลาร่างกาย ขัดเกลาจิตใจอย่างมาก หากปีนไม่ไหวก็ไม่เกิดอาการบาดเจ็บ มากสุดแค่เลือดลมปั่นป่วน”

ฉินห่าวมองขั้นบันไดหินที่ทอดยาวลงด้านล่าง เขาพยักหน้า ก่อนหันไปมองแผ่นป้ายศิลาที่ปักอยู่ไม่ไกล ตรงนั้นมีตัวอักษรที่วาดลวดลายดั่งหงส์ร่อนมังกรรำว่า

ยอดเขาเซียวเหยา

“แผ่นศิลานั่นพวกข้าได้ทดลองใช้งานมันแล้ว สิ่งนี้มีผลช่วยฟื้นฟูพลังปราณ หากฝึกวิชาใกล้ๆมัน จะช่วยย่นระยะเวลาได้ครึ่งหนึ่ง และเหมาะอย่างยิ่งให้ผู้บำเพ็ญเพียรที่ปีนขึ้นบันไดหินมาจนสุดทางพักฟื้น”

หวังจุนพูดจบ เขาพอใจมากกับการจัดวางสมบัติของตัวเอง ทั้งหมดถูกนำมาใช้อย่างถูกที่และคุ้มค่า

“ยอดเยี่ยม เจ้าทำได้ไม่เลวเลย มีอย่างอื่นอีกไหม?”

“ยังมีอีก แต่พวกมันใช้ประโยชน์ไม่ได้มาก พูดอีกอย่างคือสาวกของยอดเขาเราตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ เช่นจานค่ายกลที่เมื่อเปิดมันก็จะสร้างค่ายกลทันที แต่ยอดเขาเซียวเหยาของเรายังไม่มีใครใช้มันไม่ได้”

หวังจุนคิดอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มอย่างขมขื่น สมบัติหลายชิ้นมีระดับสูงเกินไป พวกเขายังไม่เก่งพอหากคิดใช้งาน!