บทที่ 87

หลังจากแบ่งของกันแล้ว ทุกคนมีความสุขมาก และยังทำให้เกิดความคิดว่า ต่อไปหากมีเวลาว่าง พวกเขาอาจแวะเวียนมาหาศิษย์พี่ เผื่อจะได้รับโชคติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง

เทียนหยุนหน้าบึ้งตึง ศิษย์น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เวลานี้ทำตัวเหมือนขอทานรอรับสมบัติจากผู้อื่น ช่างน่าอับอายนัก!

“อาจารย์ เช่นนั้นวันนี้ศิษย์ขอตัวลาก่อน”

ฉินห่าวเก็บสมบัติที่เหลือ กล่าวอย่างนอบน้อม

“อืม การเดินทางครั้งนี้เจ้าเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย ไปถึงผ่อนเถอะ”

เทียนหยุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ฉินห่าวพยักหน้ารับ ประสานมือคารวะและถอยหลังออกไป

“ศิษย์พี่ท่านกลับมาแล้วหรือ?”

ณ ยอดเขาเซียวเหยา หวังจุนเอ่ยด้วยความดีใจ

“อืม อ้อจริงสิ เจ้าช่วยเอาของพวกนี้ไปจัดการที มีหลายอย่างที่เหล่าศิษย์น้องระดับล่างสามารถใช้ฝึกฝนได้ เจ้าจงนำมันไปจัดสรรให้เกิดผลประโยชน์ แจกจ่ายได้ตามเห็นสมควร”

ฉินห่าวเชื่อใจหวังจุนมาก แม้ฐานบำเพ็ญเพียรของคนๆนี้จะไม่สูง แต่เขาก็ซื่อสัตย์มาก และที่สำคัญที่สุดคือมีพรสวรรค์ในด้านการบริหารจัดการ

“ขอรับ!”

หวังจุนชินกับเรื่องที่ศิษย์พี่นำสมบัติกลับมาทุกครั้งแล้ว เขาก้าวเข้าไปรับมันด้วยรอยยิ้ม

“ยังไงก็ตาม ศิษย์พี่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากรายงานกับท่าน ยอดเขาเราถือกำเนิดอัจฉริยะสองคน พวกเขามีความก้าวหน้าในการฝึกฝนที่รวดเร็ว”

หวังจุนคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยบอก

“โอ้? จริงหรือ นี่มันเรื่องดีนี่นา ไปเรียกพวกเขามาหาข้าหน่อย” ฉินห่าวเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างประหลาดใจ สำหรับเขาแล้ว เขาไม่กลัวอัจฉริยะ แต่กลัวไม่มีอัจฉริยะมากกว่า

เพราะท้ายที่สุดแล้ว พลังรบโดยรวมของนิกายเซียวเหยาในตอนนี้ยังย่ำแย่นัก

“ขอรับ”

หวังจุนพยักหน้า และไม่นานเขาก็พาคนสองคนมาแนะนำ ทั้งคู่ดูอายุราวๆ 18 – 19 ปี ตอนนี้ทั้งคู่ดูตื่นเต้นและกระวนกระวายมาก

“เกาอันยินดีที่ได้พบศิษย์พี่”

“โจวหลินยินดีที่ได้พบศิษย์พี่”

ทั้งสองโค้งคำนับและพูดพร้อมกัน

“อ๋า? ขอบเขตเปิดภูมิปัญญาขั้นหกกับขั้นเจ็ด? อืม ไม่เลว ไม่เลว เมื่อก่อนพวกเขาอยู่ในขั้นไหน?” ฉินห่าวมองปราดเดียวก็สามารถระบุฐานบำเพ็ญเพียรของทั้งสอง

“เรียนศิษย์พี่ เมื่อสองเดือนก่อนข้าอยู่ในขอบเขตเปิดภูมิปัญญาขั้นสาม แต่โชคดีได้เข้าร่วมกับยอดเขาเซียวเหยา ศิษย์พี่หวังใจดีกับพวกเรามาก เขามอบสมบัติมากมายแก่พวกเรา จนสามารถเลื่อนขั้นมายังจุดนี้ได้  ”

เกาอันกล่าวอย่างนอบน้อม เขาตื่นเต้นมากที่ได้พบเจอตัวตนในตำนาน–ไอดอลฉินห่าว!

“เรียนศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในขอบเขตเปิดภูมิปัญญาขั้นสามเช่นกัน” โจวหลินตอบ เขาค่อนข้างไม่สบายใจ แม้ศิษย์พี่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่พรสวรรค์ในการเลื่อนขั้นของทั้งสองคนถือว่าเร็วไป หากศิษย์พี่เกิดริษยาหรืออะไรทำนองนั้นแล้วล่ะก็ …

เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ

ไม่ใช่ว่าเขากำลังทำเหมือน ‘ปฏิบัติต่อสุวีรบุรุษด้วยใจคับแคบ’ แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

เจ้าเลื่อนขั้นได้ถึงสามขั้นภายในสองเดือน แม้อาจเทียบไม่ได้กับพวกลูกรักของพระเจ้า แต่อัตราเร็วนี้ ก็นับว่าสูงเช่นกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่เลว! หวังจุน หากศิษย์น้องทั้งสองติดขัดปัญหาใดในการฝึกฝน เจ้าต้องช่วยแก้ไข ตอนนี้สิ่งที่พวกเราขาดแคลนที่สุดคืออัจฉริยะ!”

ฉินห่าวปรบมือและหัวเราะ

“ขอรับศิษย์พี่”

หวังจุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ส่วนตัวเขาไม่ได้อิจฉาศิษย์น้องหรือมีความใฝ่ฝันอันใด เนื่องจากหากไม่ใช่เพราะฉินห่าว เขาจะมีโอกาสได้รับตำแหน่งผู้ดูแลจัดการยอดเขาเซียวเหยาหรือ?

นี่คือความไว้วางใจที่ศิษย์พี่มอบให้!

ดังนั้นเขาจะต้องไม่ทำให้ศิษ์พี่ผิดหวัง!!

“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งคู่ก็ตั้งใจฝึกฝนต่อไป แต่อย่าได้เย่อหยิ่งชะล่าใจ โลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่นัก ควรพึงระวังตัวอยู่เสมอ และเมื่อฐานบำเพ็ญเพียรถึงระดับที่เจ้ามั่นใจแล้ว จงออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ เพราะมันจะช่วยต่อยอดพวกเจ้าได้”

ฉินห่าวแนะนำ

“ขอรับ!”

ศิษย์น้องทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน โจวหลินรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ผ่อนลมหายใจยาว ตอนแรกเขากลัวฉินห่าวริษยาในพรสวรรค์ของตน แต่พอได้เจอกัน มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย กลับกลายเป็นเขาด้วยซ้ำทีดูเหมือนจะกลายเป็นวายร้ายซะเอง

“อืม กลับไปฝึกฝนต่อเถอะ”

ฉินห่าวโบกมืออย่างมีความสุข ทั้งสองโค้งตัวคารวะและถอยออกมา