บทที่ 74

อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวว่าคนดีย่อมไม่ประสบเคราะห์ และวีรบุรุษย่อมถือกำเนิดขึ้นจากอันตราย

ฉินห่าวยืนอยู่หน้าประตูนิกายเฟิงเทียน สีหน้าคล้ายยังลังเล พูดตามตรง เขาหวั่นใจนิดหน่อย หนทางข้างหน้านี้ยิ่งใหญ่เกินไป

แต่สุดท้าย เมื่อนึกถึงร่างอมตะของตัวเอง เขาก็ตัดสินใจบินเข้าไปข้างใน

ทุกแห่งในนิกายทรุดโทรมและพังทลายไปหมดแล้ว แต่น่าแปลกที่มีอยู่จุดหนึ่งซึ่งยังคงสภาพเดิมไม่บุบสลาย นั่นคือห้องโถงหลัก!

มองจากที่ไกลๆ โถงหลักนี้แผ่คลื่นความผันผวนบางอย่างที่ชวนให้ใจสั่นออกมา เมื่อเทียบมันกับห้องโถงหลักของนิกายเฉินเมิ่งแล้ว ฝ่ายหลังเป็นได้แค่ขอทานไปเลย

ฉินห่าวลอยขึ้นไปหน้าห้องโถงใหญ่ สายตาเขาสับสนเล็กน้อย เกิดความคิดขึ้นว่าหากนำสิ่งนี้เข้าไปในระบบ จะสามารถย้ายมันไปที่นิกายตนได้หรือไม่?

หรือควรลองดู?

“เจ้าหนู หยุดอยู่ตรงนั้น!”

“เจ้าหนู ห้ามไปข้างหน้าเด็ดขาด!”

ขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างหน้า ฉินห่าวผงะ และรีบลดศีรษะลง

เขาพบว่าเบื้องล่างห้องโถงหลักคือจัตุรัสขนาดใหญ่ และที่นั่นมีผู้คนนับสิบยืนอยู่ข้างใน แม้สีเสื้อของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่สามารถระบุได้ว่าทุกคนมาจากนิกายเดียวกัน

“นิกายเฉินเมิ่ง?”

ฉินห่าวหรี่ตาแล้วยิ้ม ดูเหมือนเขาจะเจอตัวปั๊มค่าความเกลียดชังแล้ว

“ใช่ ข้าคือเซียวหลง ประมุขแห่งนิกายเฉินเมิ่ง ที่นี่มีค่ายกลกักขังติดตั้งอยู่ เจ้าห้ามเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว”

เซียวหลงพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่สนว่าเจ้าเข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้หากเจ้ายอมไปแจ้งข่าวที่นิกายเฉินเมิ่งของข้าแล้วบอกว่าพวกเราถูกขังอยู่ที่นี่ ทางเราจะตบรางวัลเจ้าอย่างงาม”

“แน่นอน การให้เจ้าเข้าร่วมกับนิกายเฉินเมิ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

คนข้างๆพูดเสริมทันที

“ตบรางวัล? งั้นเอาเป็นข้าขอสมบัติทั้งหมดที่นี่จะได้ไหม?”

ฉินห่าวสะบัดแขนเสื้อ สองมือไพร่หลัง ลอยลงจากฟ้า

“ได้สิ”

แม้สีหน้าของคนอื่นๆจะแปรเปลี่ยนไป แต่เซียวหลงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “พวกเราทุกคนล้วนมีสมองคิด หากพวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ขณะที่เจ้ายินดีช่วยชีวิตพวกเรา ฉะนั้นจะเอาสมบัติที่นี่ไปก็ไม่ใช่ปัญหา”

“คิดหรือว่าข้าจะเชื่อละครจอมปลอมของเจ้า?” ฉินห่าวยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อวาจาที่เอ่ยลอยๆเช่นนี้

“ขอสาบานต่อสวรรค์ หากข้าหลอกลวงสหายน้อย ขอให้ถูกสายฟ้าสวรรค์ลงทัณฑ์!”

โดยไม่มีใครคาดคิด เซียวหลงยกมือขึ้นและเอ่ยสาบาน

ฉินห่าว “ … ”

สารภภาพตามตรง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้กลับมาเช่นนี้!

หมายความว่าประมุขผู้นี้เป็นคนดีจริงๆใช่ไหม? โชคล้ำค่าเช่นนี้สามารถยินยอมมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ลังเลได้อย่างไร? ล้อกันเล่นกระมัง?

“แค่ก แค่ก ขออภัย ข้าเองก็ออกไปไม่ได้เหมือนกัน ตอนขามา อาวุธวิเศษที่ช่วยต้านผนึกถูกทำลายไปแล้ว”

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินห่าวก็พูดอย่างกระอักกระอ่วน สารภาพตามตรง เขาเริ่มรู้สึกผิดนิดหน่อยแล้วที่หลอกใช้คนพวกนี้เพิ่มค่าความเกลียดชัง

“เจ้าหนู! นี่เจ้ากำลังแส่หาที่ตาย!?”

พริบตานั้นทุกคนระเบิดโทสะทันที พวกเขาต่างเป็นยอดฝีมือชั้นสูง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ถูกล้อเล่นเช่นนี้

“สหายน้อย แบบนี้ไม่ตลกนะ ใครบ้างเล่าจะไม่ทิ้งทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง?” เซียวหลงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยเสียงต่ำ

“ฮี่ ฮี่ พอดีข้าฉินห่าวทำงานไม่เคยคิดถึงอนาคตน่ะ” ว่าจบ เขาหัวเราะเย็นชาและก้าวเข้าไปในจัตุรัส

หึ่ง หึ่ง~!

ระลอกคลื่นกระจายออกมาโดยไม่เกิดรอยร้าวใดๆ

แต่ขณะนี้ พอเข้ามาฉินห่าวก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีม่านแสงครอบคลุมอยู่เหนือจัตุรัส ซึ่งมันทั้งสูงและลึกลงไปใต้พื้น ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน

“นี่เจ้า …. ”

ในที่สุด เซียวหลงก็ไม่อาจรักษาหน้านิ่งได้อีกต่อไป มันเขียวคล้ำเล็กน้อย พวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานกว่าสองเดือนและสิ้นหวังไปแล้ว แต่การปรากฏตัวของฉินห่าวประหนึ่งแสงแห่งรุ่งอรุณที่สาดส่องเข้ามา

แต่พอฉินห่าวทำแบบนี้ เท่ากับว่าความหวังมันได้สลายหายไป!

“ท่านประมุข ฆ่าเจ้าเด็กนี่เถอะ”

ชายร่างใหญ่กล่าวอย่างขุ่นเคือง

“ช่างเถิด ไม่ต้องไปสนใจเขา ”

เซียวหลงหายใจเข้าลึกๆ เหลือบตามองฉินห่าวอย่างเฉยเมย ไม่แสดงความกระตือรือร้นเช่นตอนแรกอีกต่อไป

“ที่นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? พวกเจ้ารู้ข้อมูลมากแค่ไหน บอกข้าที แล้วข้าจะยอมออกไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้ทางนิกายเฉินเมิ่งทราบ”

ฉินห่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไสหัวไป อย่ามายุ่งกับพวกเรา!”

ชายร่างใหญ่ทำหน้าตาบูดบึ้งหัวร้อน

“โอ๊ะ โอ๊ะ ได้ดิ ไปก็ไป ”

ฉินห่าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว และออกจากค่ายกลกักขังได้อย่างง่ายดาย  และเมื่อตัวเขาทะลุผ่าน ค่ายกลก็เกิดแรงผันผวนอย่างรุนแรง ก่อนที่จะอุดช่องว่างที่ฉินห่าวเคยผ่านอย่างสนิท

เหล่าผู้อาวุโสนิกายเฉินเมิ่งอึ้งงัน ภาพตรงหน้าทำให้สมองพวกเขาว่างเปล่า