บทที่ 32

 

“อาจารย์ ศิษย์มีคำถาม แต่ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยหรือไม่?” ฉินห่าวดูแปลกไปเล็กน้อย

 

“หากสงสัยก็จงเอ่ยถาม” เทียนหยุนยิ้ม ลูบเครายาวของตัวเอง

 

“อาจารย์ ท่านไม่ได้มาจากนิกายปีศาจอะไรทำนองนั้นใช่รึเปล่า?”

 

“ข้าจะมาจากนิกายชั่วร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร? วิชาเหล่านี้ล้วนเป็นอาจารย์เจ้าที่เก็บได้จากที่ต่างๆ” ใบหน้าของเทียนหยุนเรียบเฉย หัวใจเต้นเป็นจังหวะปกติ

 

เอาท่านว่าแล้วกัน ท่านว่าไงข้าว่างั้น!

 

ฉินห่าวพึมพำในใจ นำวิชาทั้งสี่นี้ใส่เข้าไปในระบบ บอกตามตรงตอนนี้เขามีความสุขมากที่ได้รับทักษะอหังการเช่นนี้

 

“ศิษย์ข้า ทักษะเหล่านี้ มีบางอันที่เจ้าห้ามใช้จนกว่าจะถึงทางตัน เข้าใจหรือไม่?”

 

เทียนหยุนกำชับ ยังไม่วางใจ

 

“ขอรับท่านอาจารย์”

 

“อืม อีกสองวันเจ้าค่อยกลับมาใหม่ ระหว่างนี้อาจารย์จะหลอมอาวุธให้”

 

เทียนหยุนพยักหน้า เขาเชื่อว่าศิษย์ตนไม่ได้โง่เขลา และจะไม่ใช้มันตามอำเภอใจแน่นอน

 

 

ฉินห่าวพาแพนด้ากลับมาที่ตงฟู่ของตัวเอง แต่ตอนนี้หวังจุนไม่รู้หายไปไหน เลยไม่ได้ถามข่าวคราวใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ฉินห่าวไม่ได้กังวลเพราะจากที่สังเกตคร่าวๆไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับนิกาย

 

“เอาล่ะ จิวจวิน เจ้าทำอะไรได้บ้าง?” ฉินห่าวถามด้วยรอยยิ้ม

 

“กลั่นโอสถ หลอมอุปกรณ์” 

 

แพนด้าพูดตรงๆ

 

“โอ้? งั้นเจ้าลองทำตัวอย่างให้ดูหน่อยสิ ส่วนข้าขอไปฝึกทักษะใหม่ก่อน” ฉินห่าวกล่าวพลางหลับตา อันที่จริงเขาพอเดาได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแพนด้าจะไปเอาโอสถและอาวุธวิเศษมากมายมาจากที่ไหน? 

 

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญการกลั่นโอสถเท่านั้นที่จะพกโอสถติดตัวมากมายขนาดนี้ 

 

แพนด้ามองฉินห่าวซึ่งนั่งเข้าฌานไปแล้วด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย ทักษะฝึกทั้งสี่ที่เขาเพิ่งได้รับมานั้นทำให้มันรู้สึกหวาดกลัว ไม่ต้องใช้สมองคิดก็รู้ หากฉินห่าวฝึกฝนพวกมันสำเร็จจริงๆ เกรงว่าเขาคงไร้เทียมทาน เพราะฉินห่าวไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวถึงผลกระทบร้ายแรงใดๆที่จะตามมาเลย

 

ไม่รอช้า แพนด้าหยิบโอสถออกมาและเริ่มกลั่น

 

[ติ๊ง!]

 

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับ ‘เอื้อมคว้าสวรรค์’ ‘สลายโลหิต’ ‘เก้ามังกรทะยาน’ และ ‘ผลาญศักยภาพชั่วแล่น’]

 

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ทักษะบางส่วนที่ขาดหายไป ระบบได้เติมเต็มมันแก่ท่านโดยอัตโนมัติแล้ว]

 

ในชั่วพริบตา  ฉินห่าวรู้สึกได้ถึงพลังสี่สายในร่างกายตัวเองกำลังอาละวาด ในตันเถียน พวกมันไม่ยอมหลีกทางให้กันและกัน ราวกับต้องการฆ่ากันให้ตาย

 

ฉินห่าวไม่เสียเวลาคิด หยิบมีดบางๆออกมาและเชือดตัวเองอย่างไม่ลังเล

 

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ฟื้นคืนชีพ

 

“เจ้าฝึกสำเร็จแล้วหรือ?”

 

แพนด้าสัมผัสได้ถึงพลังของฉินห่าว มันถึงกับอ้าปากกว้าง นี่จะเร็วเกินไปไหม? ฝึกฝนบรรลุในไม่กี่วินาทีกระนั้นหรือ? ยังไงก็ตาม ทางมันก็กลั่นเสร็จแล้วเช่นกัน

 

“อืม ไม่เลวเลย ทักษะการกลั่นโอสถของเจ้านับว่าเชี่ยวชาญมาก!” ฉินห่าวพยักหน้า ก้มมองกองเม็ดโอสถเล็กๆบนโต๊ะ ด้วยจำนวนเท่านี้ นับว่าเร็วและเยอะมากๆ 

 

“แน่อยู่แล้ว ก็นี่คือทักษะพิเศษของข้า” แพนด้าเผยสีหน้าภูมิใจ 

 

ฉินห่าวพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาเองก็เป็นนักกลั่นโอสถเช่นกัน ดังนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือของแพนด้าไม่ธรรมดา เลยเกิดความคิดขึ้นในใจว่าให้แพนด้ามาเป็นคนสอนกลั่นโอสถในนิกายดีไหม? 

 

แต่เขาไม่ได้เอ่ยมันออกมา เพราะยังไงซะทั้งคู่ยังไม่คุ้นเคยกันมากนัก ยังไงก็มาอยู่ด้วยกันก่อน ค่อยๆทำความรู้จักกันไป

 

ฉินห่าวหลับตาลงอีกครั้ง เขาพบว่าเวลานี้พลังงานใหม่ทั้งสี่สายในร่างกายสงบลงแล้ว  

 

 

สามวันผ่านไปไวดั่งพริบตา

 

ณ เวทีประลอง

 

“ความเร็วในการเลื่อนขั้นของศิษย์พี่ฉินถือว่าไวมาก เพียงไม่นานเขากระโดดจากสาวกชั้นเก้ามายังสาวกชั้นสอง และตอนนี้ยังเข้ารับการประเมินเลื่อนขั้นสาวกชั้นหนึ่ง!”

 

“นั่นก็แน่อยู่แล้ว ศิษย์พี่ฉินไม่เพียงมีพลังรบแก่กล้า แต่ยังมีพรสวรรค์ที่ดี ได้ยินว่าเขาถูกรับเข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสเทียนหยุน”

 

“ใช่ๆๆ ยิ่งเขาเลือกท้าศิษย์พี่หลิว ข้าก็ยิ่งอยยากรู้แล้วว่าใครจะเหนือกว่ากัน”

 

“ข้าคิดว่าเป็นศิษย์พี่หลิว เพราะยังไงซะ ศิษย์พี่หลิวอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น และได้ยินมาว่ากลับมาครั้งล่าสุดเขาได้รับสมบัติมากมาย และกำลังจะก้าวสู่ขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางแล้ว”

 

“เก่งขนาดนั้นเลยหรือ? แต่ข้าก็ยังคิดว่าศิษย์พี่ฉินชนะอยู่ดี เพราะยังไงซะ ฐานบำเพ็ญเพียรของศิษย์พี่ฉินแม้จะต่ำ แต่พลังรบไม่อาจมองข้าม เขาสามารถสังหารศัตรูขอบเขตแก่นทองคำและก่อเกิดจิตได้”

 

“นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ศิษย์พี่ฉินเคยกล่าวเองว่าเขาสังหารศัตรูขอบเขตก่อเกิดจิตได้เพราะวางกับดัก”

 

ข่าวการดวลระหว่างฉินห่าวกับหลิวเฮ่อแพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง และมันได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในช่วงสามวันนี้มานี้ สาวกหลายคนกําลังวิเคราะห์อย่างตื่นเต้น