บทที่ 277 รนหาที่

หลังจากที่จูอี้ฉวินถอนตัวจากงานแสดงสินค้าแห่งนี้แต่ไม่ได้กลับไปที่เซี่ยงไฮ้ทันที เป็นเพราะเขาต้องการรออยู่ดูงานแสดงสินค้าของหลินจื่อฉิงที่จะเหม็นโฉ่!

แม้ว่าจะไม่รู้หลินชื่อฉิงได้หาเพชรจักรพรรดิมาจากที่ใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ

แต่เหล่าบริษัทค้าอัญมณีเล็กๆหลายแห่งที่จะต้องมาร่วมงานแสดงสินค้าในครั้งนี้ เป็นเขาจูอี้ฉวินเจ้าพ่อแห่งตลาดอัญมณี! และหลินเหรินเทียนที่ได้บอกทีละคนให้ถอนตัวโดยตรง

ด้วยฐานะของทั้งสองฝ่าย เหล่าบริษัทเล็กๆต่างไม่กล้าล่วงเกิน

“คุณหนูใหญ่หลิน สบายดี?”

จูอี้ฉวินแสร้งยกยิ้ม เหลือบมองไปยังหลินชื่อฉิงที่วิ่งเต้นจัดการไม่หยุดได้อย่างสมบูรณ์แบบพลางพูดอย่างคุกคาม “ผมขออภัยจริงๆที่ต้องทำให้คู่หมั้นของคุณมาด้วย และต้องขอชดเชยเรื่องที่เป็นกังวล โดยบริษัทหยกฟ้าของผมรับประกันว่าจะส่งสินค้ามาในทันทีเพื่อเติมบูธที่ว่างเปล่านี้ เป็นอย่างไรดี?”

การกระทำนี้ของจูอี้ฉวินชั่วร้ายอย่างมาก

ตอนแรกชักชวนให้บริษัทอื่นถอนตัวออก จากนั้นก็ถือโอกาสคุกคามหลินชื่อฉิง การแสดงเครื่องเพชรทั้งหมดของบริษัทหยกฟ้าไม่ใช่แค่เพียงบริษัทหยกฟ้าจะช่วยกู้หน้าได้แต่สามารถที่จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย!

หลังจากที่เครื่องประดับที่ขายในงานแสดงสินค้า บริษัทหยกฟ้าก็สามารถที่จะได้รับส่วนแบ่งมากที่สุด ขณะที่กลุ่มผู้จัดงานของตระกูลหลินกลับได้รับเพียงแค่ค่านายหน้านิดหน่อยเท่านั้น

แต่น่าเสียดายหลินชื่อฉิงไม่ได้งับเหยื่อเขา

แค่เพียงสายตาที่ชั่วร้ายของจูอี้ฉวินก็แทบทำให้หลินชื่อฉิงอยากที่จะตบหน้าเขาสักครั้ง แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเธอก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้

“เพ้อเจ้อ”

เพียงสองคำนี้ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทางของหลินชื่อฉิงจากนั้นเธอก็มองอย่างดูแคลนไปที่จูอี้ฉวิน “ที่นี้ไม่ได้ต้อนรับคุณ แต่คุณก็ยังมาตามใจอีกนะ”

เมื่อจูอี้ฉวินได้ยินก็โมโหทันที หรือสาวสวยคนนี้จะไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่จะออกมาหรอกหรือ?

ในสถานการณ์เช่นนี้ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันช่างน่าโมโหนัก เนื่องจากหลินชื่อฉิงมีฐานะเป็นคุณหนูตระกูลหลิน เขาแทบที่จะเฝ้ารอมอมเหล้าเธอและพาเข้าโรงแรมจัดการเธอสักร้อยรอบ

“คุณหนูใหญ่หลิน หวังว่าคุณจะไม่เสียใจแล้วกัน”

จูอี้ฉวินพูดจบก็ยกยิ้มหัวเราะเย็นชาพลางหันหลังจากไป ด้วยการแต่งกายใส่สูทผูกเนคไททำให้เขาดูเหมือนเป็นนักธุรกิจตัวจริง แต่หลินชื่อฉิงรู้ว่าชายคนนี้สกปรกแค่ไหน

หลังจากที่จูอี้ฉวินเดินจากไป หลินชื่อฉิงก็มองไปยังบูธที่ว่างเปล่าบางแห่ง ในใจของเธอรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ขบคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี หรือว่าจะเล่นละครดี?

งานแสดงสินค้าต้องเปิดต่อเนื่องสามวัน ส่วนวันแรกก็เล่นละครและทำให้ผู้คนทั้งหมดรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิง หลังจากสองวันการแข่งขันก็ควรมีอะไรบ้าง

ขณะที่หลินชื่อฉิงกำลังคิดเช่นนี้อยู่ จู่ๆที่ทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้าก็ปรากฏกลุ่มคนร่างกำยำใส่ชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดผลักกระแทกชนผู้คนออกมา ในมือแต่ละคนถือไว้ด้วยท่อนเหล็ก

ยามหลายคนที่หน้าทางเข้าศูนย์การแสดงสินค้าที่เห็นก็ไม่กล้าจะเข้าไปหยุด พวกเขากลับคิดว่าเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยเหลือตัวสำรองและมันไม่คุ้มค่าที่จะทุ่มสุดตัวกับงานแสดงสินค้านี้

การรักษาความปลอดภัยของพวกเรามีเพียงนายจ้างศูนย์การแสดงสินค้าเท่านั้น ไม่ว่าที่ศูนย์การแสดงสินค้าจะเป็นยังไง พวกเขาจะปกป้องเพียงแค่ทางเข้า การแสดงสินค้าเครื่องประดับแห่งนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา

เมื่อกลุ่มคนร่างกำยำชุดดำเหล่านี้บุกเข้าไปภายในศูนย์การแสดงสินค้า คนอื่นๆก็ต่างอยู่ในความตกใจ แต่กลับมีเพียงหลินชื่อฉิงผู้เดียวที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

[คั่นหนังสือ : คืออันนี้ผมก็งงเหมือนกัน จำได้ว่ามันแค่จัดอยู่ข้างๆ ศูนย์ Expo ซึ่งไม่ใช่ภายใน ศูนย์นะครับ บทบรรยายมันมาแบบนี้ก็แปลไปตามนี้นะครับ]

ช่างเป็นโอกาสที่ดีจริง!

แม้ว่าจะไม่รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกของใคร แต่ก็มีเย่เฟิงอยู่ข้างในเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว แทบไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบหิน มันถึงเวลาที่จะต้องจัดการแล้ว

โอ้ สหายกลุ่มนี้ที่แท้รวมตัวกันมาเพื่อรนหาที่โดนทุบตี!

ภายในอาคารที่สองของศูนย์การแสดงสินค้า เย่เฟิงกำลังเดินเล่นอยู่กับหญิงสาวทั้งสาม ซูเหมิงหานรู้สึกสนใจเล็กน้อยกับงานแสดงเครื่องประดับพวกนี้ เย่เฟิงก็เลยต้องมากับเธอ ขณะที่หลงหวางเอ๋อและจื่อเจี้ยนหลานทั้งสองสาวแน่นอนว่าก็ต้องตามมาด้วย

เย่เฟิงเดินอยู่ด้วยกันกับจื่อเจี้ยนหลาน เป็นเพราะหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหานทั้งสองต่างจับมือกันอย่างสนิทสนม มองไปทางนู้นทีทางนั้นทีด้วยท่าทางตื่นเต้นสนใจ

ดูเหมือนว่างานแสดงจะมีค่อนข้างน้อยบางทีมันก็ว่างเปล่าดังนั้นซูเหมิงหานจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“เจี้ยนหลานเธอไม่ชอบเครื่องประดับหรอ?”

ขณะที่เย่เฟิงเดินอยู่ก็พบว่าจื่อเจี้ยนหลานไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นสักนิดเลยก็รู้สึกแปลก อันที่จริงแล้วผู้หญิงต่างชอบสิ่งของที่เป็นประกายพวกนี้ไม่ใช่หรือ?

“ก็ไม่เลวนัก”

จื่อเจี้ยนหลานหัวเราะอย่างเขินอาย โฉมหน้าที่งดงามไร้การแต่งแต้มเครื่องสำอาง ราบเรียบแต่สวยสดงดงามราวกับเทพธิดา ด้วยรอยยิ้มนี้ทำให้เหล่าชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆต่างเดินชนเสากันเลยทีเดียว

“โอ้ใช่แล้ว ฉันก็แทบลืมไปแล้ว”

เย่เฟิงเกาหัวตัวเองขณะที่คิดว่าขนาดแหวนเพชรเม็ดโตอย่างเพชรจักรพรรดิตัวจื่อเจี้ยนหลานก็ยังไม่มีความสนใจ เมื่อมาเทียบกับเครื่องประดับเหล่านี้แล้วแน่นอนว่ามันเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว

ไม่กี่วันที่ผ่านมา จื่อเจี้ยนหลานก็คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองที่ทันสมัยนี้เล็กน้อยและอยู่กับทุกคนอย่างมีความสุข แต่ในใจของเธอบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดก็ต้องเป็นเย่เฟิง

ได้เดินคู่กับเย่เฟิงภายในศูนย์การแสดงอาคารที่สองก็ทำให้จื่อเจี้ยนหลานต้องอดกลั้นความรู้สึกไว้เล็กน้อยและใบหน้าอันงดงามจึงเริ่มแดงขึ้น

แขกผู้ที่เข้าร่วมงานมาเห็นพวกเขาก็ต่างคิดว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคู่รักกัน

“พี่เย่ ออกมาข้างนอกหน่อย!”

จู่ๆ หน้าบากก็ร้องเรียกดังออกมาจากหูฟังภายในหูเย่เฟิง

“มาก่อเรื่องงั้นหรือ?”

เย่เฟิงก็บ่นถามไปอย่างงั้นแต่ไม่ได้สนใจจริง

ศูนย์การแสดงสินค้าแห่งนี้ไม่ถือว่าเล็กมากมีพื้นที่มากกว่า 200 หมู่ ถ้าไม่ใช่ทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิงก็คงไม่สามารถปกคลุมได้หมด แต่ของหลงหวางเอ๋อยังไม่แข็งแกร่งพอ เย่เฟิงคิดจัดการเรื่องนี้เพียงลำพัง เขาไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้หลงหวางเอ๋อที่ตอนนี้กำลังสนุกสนใจอยู่กับพวกเครื่องประดับ

ดังนั้นเรื่องครั้งนี้นอกเหนือจากตาเฒ่าเย่เหวินเทียนแล้ว เย่เฟิงก็เป็นบุคคลที่ใส่เต็มที่แบบไม่ยั้ง!

เหล่าลูกน้องที่ฝึกวิถีอสุราและหน้าบากคือกำลังต่อสู้สำคัญของเย่เฟิง แต่พวกหนานฟางและผู้ฝึกวิญญาณจ้าวอี้เปยกับหลิงเฉินกองกำลังสำคัญที่ใช้สอดแนมความแข็งแกร่ง

หนานฟางมีฝีมือในด้านอาวุธที่ทันสมัยหลายอย่าง และได้หยิบยืมอุปกรณ์มาจากหน่วย NSA ขณะที่จ้าวอี้เปยและหลิงเฉินพวกเขาไม่มีตัวตนเพียงแอบสอดแนบอยู่ตลอด หากเกิดสิ่งผิดปกติของศูนย์การแสดงสินค้าพวกเขาสามารถแจ้งให้เย่เฟิงรู้ได้ในทันที

“ดูเหมือนจะเป็นพวกอันธพาลถือท่อนเหล็กมาก่อเรื่อง”

หน้าบากรายงานเย่เฟิงจากหูฟัง

“งั้นให้เป็นหน้าที่พวกนาย จัดการโยนพวกมันออกไป”

เย่เฟิงออกคำสั่งอย่างเฉยเมย

ถือท่อนเหล็กมาแบบอันธพาล เย่เฟิงแน่นอนว่าคร้านที่จะต้องลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงให้พวกของหน้าบากได้ออกกำลังเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อย ตั้งแต่ที่ฝึกวิถีอสุราพวกเขาต่างไม่ได้ออกแรงอะไรเลยมันคงรู้สึกคันไม้คันมืออยู่แล้ว

“ครับ!”

หน้าบากก็ตอบรับคำสั่งในทันที

เย่เฟิงก็เดินเล่นต่อกับสาวสวย ใครกันที่ส่งพวกอันธพาลเหล่านี้มากัน? มันช่างไม่มีมาตรฐานเอาซะเลย และเมื่อเข้ามาแล้วก็คงแสร้งทำให้ผู้คนไม่ปลอดภัยรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น

แน่นอนว่าถ้าเป็นหลินเหรินเทียนและคนอื่นที่แอบชักใยอยู่เบื้องหลังก็พอเป็นไปได้ ด้วยอำนาจอิทธิพลของหลินเหรินเทียนแล้วแน่นอนว่าไม่สามารถทำให้พวกนั้นต้องไปกินข้าวแดงในคุกได้

เย่เฟิงส่ายหัว ไม่ได้สนใจกับการแสดงเล็กๆนี้ที่ไม่มีภัยคุกคามอะไรเลย

ในใจของเขากังวลเพียงอย่างเดียว คือเผ่ยเขิงกรุ๊ปว่าเมื่อไหร่ถึงจะลงมือ?

……………………………..

แปลโดย คั่นหนังสือ GSI