บทที่ 26: ตั๋ว (1)

 

 

 

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะส่ายศีรษะ

“ฉันขอปฏิเสธ ไปก่อนเลย”

คยูชอลไม่อาจอดกลั้นความโกรธของเขาไว้ได้อีก

“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอเพื่อนตัวน้อย? และนี่ไม่ใช่แค่ความคิดของฉัน เราต้องไปด้วยกันทั้งหมดเก้าคน แต่นายจะให้เราทำยังไงถ้านายเข้าไปในสถานที่อันตรายแบบนี้”

ใบหน้าของคยูชอลร้อนราวกับถูกเผายามที่เขาเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา

เมื่อเขารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรพูด

แต่เขาอดทนมันไว้

สิ่งที่เขารับรู้หลังจากที่มีอายุถึงยามนี้และกลายเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวคือความอับอายนั้นมีอยู่แค่ชั่วขณะ และการเสียงดังนั้นค่อนข้างได้ผล

ใครจะปกป้องครอบครัวของเขาถ้าเขาปล่อยให้ฮันซูไปด้วยอีโก้ของเขาและตายลงหลังจากนั้น

ภรรยาและลูกสาวของเขาไม่อาจแม้แต่จะฆ่าปลาได้

พวกเขาอาจจะตายในทันทีที่หมอนั่นตาย

หรือกระทั่งบางสิ่งที่ย่ำแย่กว่า

‘มันดีกว่าที่จะถูกสาปแช่ง’

และมันยังคงเป็นปัญหาถ้าหมอนั่นจัดการงูได้

เมื่อมันมีเพียงแต่ต้องใช้เวลานานในการต่อสู้กับงูนั่น

และในตอนนั้นจุดที่แตกสลายที่พวกเขาได้สร้างช่องว่างไว้จะไล่ตามมาทัน

และหากเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ต้องต่อสู้อย่างกระวนกระวายมากขึ้น

‘นาย… ตราบเท่าที่นายมากับพวกเราและสู้ต่อ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไร’

ไม่ใช่ว่าพวกเขาทำได้ดีมาจนถึงตอนนี้เหรอ

นี่มันไม่ใช่เกม มันไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลกับการฆ่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเพื่อไอเท็มหรือรูน แต่ทำไมหมอนั่นถึงได้เสียสติไปเพียงเพราะมันไม่อาจต่อสู้กับงูที่ท่าทางทรงพลังนั่นได้

พวกเขายุ่งยากกับการเดินต่อไปข้างหน้ามากพอแล้ว

‘เวรเอ้ย มันไม่ใช่เพราะเขายังเด็ก แต่เพราะมันเสียสติต่างหาก’

ฮันซูเดาะลิ้นขณะที่มองไปยังอีกฝ่าย

มันจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่ความเห็นของพวกเขาขัดกัน

และเขาเข้าใจมันดี

หากคนไม่เห็นแก่ตัวในเวลาอันตรายแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่กันที่พวกเขาจะเห็นแก่ตัว

‘แต่มันไม่มีทางอื่น’

เมื่อเป้าหมายของพวกเขาแตกต่างกัน มันก็ไม่มีหนทางอื่น

ฮันซูส่ายศีรษะขณะที่เขาเดินตรงไปยังงู

“เวรเอ้ย! ถ้านายจะทำตัวเห็นแก่ตัวแบบนั้น งั้นทำไมนายถึงได้มากับพวกเราตั้งแต่แรก!”

ฮันซูยักไหล่ขณะที่เขาเอ่ยไปยังคยูชอล

“ฉันไม่เคยไปกับพวกนาย เราแค่ไปทางเดียวกันเท่านั้น”

“…”

“…เวรเอ้ย”

ในตอนนั้นเองที่ทุกคนตระหนักได้ว่าแม้ชายหนุ่มจะสู้อยู่ด้านหน้า อีกฝ่ายก็ไม่เคยแลกเปลี่ยนอะไรกับพวกเขาเลย

แม้ว่าหมอนั่นจะสอนพวกเขาบางอย่างในสิ่งที่สมเหตุสมผลก็ตาม

คยูชอลที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไปสบถออกมาเสียงลั่นขณะที่ภรรยาและลูกสาวของเขามองไปยังเขาด้วยสีหน้าน่าสงสารและพาตัวเขาไปหลังจากที่มองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าไม่พอใจ

พวกเขารู้ว่าที่พวกเขามีชีวิตอยู่นั้นเป็นเพราะฮันซู แต่พวกเขาเศร้าเพราะอีกฝ่ายนั้นกระทำตามอำเภอใจ

ในขณะที่ทั้งหมดกำลังจากไป บางคนได้มองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าเสียใจ

คนที่กระตุ้นคยูชอลนั้นคือฮันชอล

เขากำลังจะพยายามโน้มน้าวอีกฝ่ายหลังจากที่เฝ้ามองอีกหน่อย แต่ว่าเขาต้องตกใจเพราะอีกฝ่ายบอกว่าเขาจะสู้กับงูนั่น

มันคงมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมออกมาหลังจากที่งูนั่นถูกฆ่าจริงๆ

แต่ว่าสิ่งนั้นจะสำคัญก็ต่อเมื่อพวกเขายังมีชีวิตอยู่

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะสู้กับงูยาว 15 เมตรเหมือนอนาคอนด้านั่น

หากฮันซูมีพลังอภินิหารจนกระทั่งที่หมอนั่นสามารถผ่าไอ้งูนั่นเป็นสองส่วนได้ พกวเขาก็คงจะติดตามหมอนั่นไปอย่างกระชั้นชิดเผื่อที่จะได้อะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้าง

แต่พวกเขาก็มีตาเหมือกนัน

งูที่พันอยู่รอบต้นไม้นั้นดูคล่องแคล่วแม้ว่าขนาดของมันจะไม่ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ขนาดตัวของมันได้หักต้นไม้ที่ใหญ่เท่ากับต้นไม้ปกติสามต้นรวมกันได้ซึ่งเป้นตัวแสดงพลังของมันได้เป็นอย่างดี

มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะได้อะไรในขณะที่ฮันซูสู้กับมันคนเดียว

และพวกเขาต้องการที่จะจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะความคิดเหล่านี้

เมื่อมันคงจะเป็นเรื่องแย่ถ้าพวกเขาโดนลูกหลงจากการต่อสู้ของฮันซู

พวกเขาไม่มีความคิดที่จะถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยว

‘เอาเถอะ ไม่มีอะไรที่ทำได้แล้ว’

หากมีใครบางคนที่ไม่อาจรักษาชีวิตของตนเองให้ปลอดภัยได้ พวกเขาก็มีค่าแค่นั้น

ทั้งแปดได้จากฮันซูไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มมองภาพนั้นพร้อมกับคาบบุหรี่เมฆาไว้ในปากแล้วหัวเราะออกมา

จากนั้นเขาจึงพุ่งเข้าไปยังอสรพิษกลืนรูนร่างยักษ์

 

ฟุ่บ

“ฮู่วว”

ฮันซูดึงบุหรี่เมฆาที่เขากำลังคาบอยู่ออก จากนั้นจึงจับไข่ของอสรพิษกลืนรูนไว้ด้วยสองมือ

เบื้องหลังของเขาปรากฏร่างยักษ์ของอสรพิษกลืนรูนนอนตายอยู่พร้อมด้วยรูที่สมอง

‘ตอนนี้เหลือบุหรี่เมฆาแค่ห้าอัน’

อสรพิษกลืนรูนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ

แต่ว่ามันอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรกินเนื้อมากนัก

และค่าสถานะของเขาก็แตกต่างจากตอนนั้นมาก

เขามีพลังไร้สีและใช้บุหรี่เมฆาเพราะเวลาที่จำกัด แต่เขาก็ใช้เพียงแค่หนึ่งอันเท่านั้น

แคร่ก

ไม่ช้า ไข่ก็ได้แตกออกพร้อมกับงูตัวเล็กที่ไม่อาจจินตนาการได้ว่าเป็นลูกของงูตัวยักษ์นั้นได้เลื้อยออกมาจากไข่และพันไปรอบข้อมือของชายหนุ่ม

‘ดี’

มันมีรูนพลังกาย ความอดทน ความคล่องแคล่วและความเข้าใจอยู่บนข้อมือของเขาไม่น้อย

มันเป็นค่าสถานะที่ชายหนุ่มตัดสินว่าไม่จำเป้นในตอนนี้

ฮันซูเริ่มให้อาหารลูกอสรพิษกลืนรูนด้วยรูนทั้งหมดที่เขารวบรวมมา

อสรพิษกลืนรูนนั้นไม่ได้ตระหนักว่าพ่อแม่ของมันได้ตายแล้วและกลืนกินรูนบนข้อมือของชายหนุ่มลงไปอย่างตะกละตะกลาม

รูนสี่ชนิดบนข้อมือของเขาหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่รูนที่แตกต่างได้ปรากฏขึ้นแทนที่พวกมัน

‘อย่างแรก เพิ่มพลังเวท ค่าต่อต้านเวทมนต์และค่าต่อต้านกายภาพก่อน’

มานาของเขาไม่ได้ขาดเลยจริงๆ

เขานั้นได้เพิ่มค่าสถานะอีกสามอย่างนั้นแทนเพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเขาซึ่งขาดอยู่

เมื่อไม่ช้าสิ่งที่มีพลังเหล่านี้จะปรากฏขึ้นทีล่ะอย่าง

 

[คังฮันซู]

พลังกาย(ไร้สี): 0.02%

ความอดทน: 88.8

ความคล่องแคล่ว: 84.0

ความเข้าใจ: 85.1

มานา: 58.4

พลังเวท: 30

ป้องกันกายภาพ: 25

ป้องกันเวทมนต์: 25.3

 

‘ในที่สุดฉันก็ได้ยอดค่าสถานะทั้งแปดมาแล้ว’

ค่าสถานะที่เป็นพื้นฐานที่สุดและส่งผลต่อพลังต่อสู้มากที่สุด ยอดค่าสถานะทั้งแปด

นับแต่ตอนนี้ เขาต้องเพิ่มค่าสถานะเหล่านี้ให้สมดุลกัน

ฟ่ออ!

อสรพิษกลืนรูนที่ราวกับพึงพอใจจากการกินส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุขใจก่อนจะหลบใหลไปบนข้อมือของเขา

มันเป็นลูกของอสรพิษกลืนรูนยักษ์นั่นจริงๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ตาม

เขาไม่อาจกระพริบตาได้ในยามที่สู้กับมัน

‘แค่หลับต่อไปดีๆ แบบนี้’

ฮันซูที่มองไปยังมันอย่างน่ารักเริ่มที่จะเดินต่อไปเมื่อเขาเห็นว่าชายขอบที่พังทลายเริ่มขยับเข้าใกล้เขามาเรื่อยๆ

 

“พ่อ เราจะทำยังไงดี…”

“เงียบหน่อยเถอะ”

ในขณะที่คยูชอลและครอบครัวของเขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลังที่ทางแยกบนถนนและกำลังดิ้นรนอยู่นั้น บางคนก็ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นจากไกลๆ

คยูชอลผงกศีรษะเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘ฉันรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้’

อีกฝ่ายนั้นเลือดโชก ทว่าเขาคือฮันซู

คยูชอลที่มองไปยังชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

“นี่นายหนีมากลางคันเหรอ?”

มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพลังกาย ความคล่องแคล่ว หรือความอดทนของเขาจะเปลี่ยนไปมากจากก่อนหน้า

หากไอ้งูยักษ์นั่นให้รูน เช่นนั้นรูนของหมอนั่นก็ควรจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และงูนั้นก็ดูแข็งแกร่งว่าฮันซูจริงๆ ดังนั้นแล้วเวลาที่หมอนั่นใช้มันก็เร็วเกินกว่าที่จะฆ่ามันได้

เมื่อเวลาที่อีกฝ่ายเดินกลับมามันยาวนานเพียงแค่การสูบบุหรี่หนึ่งตัวของคนคนหนึ่งเท่านั้น

“ฉันฆ่ามันแล้ว”

‘โกหก’

หากเขาจะไม่ได้อะไรจากมัน แล้วเขาจะสู้กับมันทำไม?

ไม่สิ เขาได้อะไรบางอย่าง

มีเพียงแค่อาการบาดเจ็บทั่วร่าง

แต่มันก็อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นกัน

เมื่อเขาคาดเดาได้ว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายคงหนีออกมาก่อนที่จะตาย

ฮันซูเอ่ยถามทั้งสาม

“คนอื่นละ?”

คนอื่นยกเว้นคยูชอลกับครอบครัวของเขาไร้ซึ่งวี่แวว

คยูชอลกัดฟันกรอดยามที่ได้ยินคำถามนั้น

“… พวกนั้นไปทางนั้น”

‘แล้วทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง’

เขาคิดถึงคำของฮันชอลก่อนที่พวกเขาจะแยกกัน

<เมื่อฮันซูไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว นายก็ไม่สามรถที่จะหลบอยู่ข้างหลังและสู้อยู่ตรงนั้นได้ มาสู้ข้างหน้าหรือไม่ก็แยกกันที่นี่>

‘ไอ้เวรนั่น… ทั้งไอ้หมอนี่และมัน’

คยูชอลต้องเลือก

จะไปสู้ข้างหน้า

หรือรอจนกว่าฮันซูจะกลับมาและผ่านทางไปโดยที่มีชายหนุ่มสู้อยู่ด้านหน้า

แต่เขาไม่มีความมั่นใจในการสู้ด้านหน้า

‘เวรเอ้ย… ฉันควรจะสู้ข้างหน้าตั้งแต่แรก’

ในขณะที่คนอื่นต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง เขาก็ได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยที่ไม่ได้รับรูนใดๆ

และตอนนี้เขาสามารถสนับสนุนพวกนั้นได้จากเพียงข้างหลัง เขาไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถสู้ข้างหน้าได้อีกต่อไป

และสัตว์อสูรข้างหน้านั้นจะกระทั่งแข็งแกร่งกว่า

อย่างน้อยพวกเขาก็มีฮันซูก่อนหน้า ถ้าหากเขาสู้ไปพร้อมกับคนอื่นๆ เขาคงตายอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะรอเพียง 5 นาที

เพียงเพื่อในกรณีที่ฮันซูจะหนีจากการต่อสู้มา

‘โล่งอกแล้ว’

หากเขาไม่มา เช่นนั้นเขาก็คงต้องไปสู้ในแนวหน้าในขณะที่ฟังคำพูดน่ารังเกียจของพวกนั้น แต่โชคดีที่ฮันซูกลับมา

หากทางนั้นได้ถูกจัดการแล้วเรียบร้อย เช่นนั้นจำนวนรูนที่เขาจะสามารถได้รับคงจะน้อยลงอย่างชัดเจน

มันคงจะดีกว่าที่จะไปทางที่ยังมีอย่างอื่นให้ล่าจำนวนมาก

และทางนี้มันเข้ากับเข้ามากว่า

คยูชอลทำเพียงแค่มองชายหนุ่มเดินผ่านไป ทว่าไม่ได้ขยับตัว

ฮันซูมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าขบขัน

“นายจะไม่ขยับรึไง?”

อีกฝ่ายเอ่ยตอบ

“ไม่ใช่ว่านายบอกว่านายไม่เคยเข้าร่วมกับพวกเราเหรอ ไปก่อนเลย”

“หืม”

คำพูดเหล่านั้นถูกต้อง

‘ฉันเห็นความต้องการของเขาได้ชัดเจน แต่สำหรับคนที่เถรตรงขนาดนี้เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก’

มันไม่สำคัญว่าจะมีใครบางคนให้สู้ไปพร้อมๆ กันหรือไม่

ฮันซูหัวเราะพร้อมกับที่เขาเริ่มมุ่งตรงไปยังอีกทางอย่างรวดเร็ว

จากนั้นคยูชอลและครอบครัวของเขาจึงตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างช้าๆ โดยเว้นระยะห่างไว้

‘มัน… ไม่เหลือทางอื่นแล้ว’

เขาไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถสู้ในแนวหน้าได้อีกต่อไป

เขาต้องไปข้างหน้าโดยการเกาะติดคนอื่นแทน

‘แน่นอนว่าจะอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ได้’

ตราบเท่าที่สภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับพื้นที่ฝึกซ้อมแรกออกมา พวกเขาก็จะสามารถพักหายใจได้

คยูชอลเริ่มที่จะมองไปยังแผ่นหลังของฮันซูด้วยความรู้สึกราวกับเดินอยู่บนเชือกบางๆ

หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่บ้าคลั่งจะหันอาวุธมาทางพวกเขา

และหวังว่าอีกฝ่ายจะเคลียร์ถนนข้างหน้าได้อย่างดี

 

ตุบ

“ฮู่วว”

ฮันซูทำสีหน้าเบื่อหน่ายขณะที่เขาฆ่าเครูดอลตัวสุดท้าย

ความยากของสถานที่นี้เป็นที่ที่สำหรับคนเก้าคนสู้

มันยากเพราะเขาต้องสู้คนเดียว

เมื่อเขาไม่อาจใช้บุหรี่เมฆาได้ในสถานที่แบบนี้

‘แต่มันก็ยังดีมาก’

 

[คังฮันซู]

พลังกาย(ไร้สี): 0.03%

ความอดทน: 88.8

ความคล่องแคล่ว: 84.0

ความเข้าใจ: 85.1

มานา: 58.4

พลังเวท: 35

ป้องกันกายภาพ: 32

ป้องกันเวทมนต์: 32.7

 

เขาได้ครอบครองรูนทั้งหมดคนเดียวเพราะเขาสู้คนเดียว

และการต่อสู้มันได้ง่ายขึ้นเพราะพลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นจากการที่ครอบครองทุกสิ่งไว้เพียงคนเดียว

คยูชอลได้มองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าหงุดหงิดจากด้านหลัง

‘… เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ’

มันไม่ได้ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของหมอนั่นเร็วขึ้นหรือพลังกายของเขามากขึ้น

แต่หมอนั่นได้รับบาดเจ็บน้อยลงมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

และเพราะแบบนั้น เขาจึงสู้อย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมมากขึ้น

เขาเพียงแค่รับการโจมตีที่เขามักจะหลบและบั่นหัวของอีกฝ่ายออกทั้งอย่างนั้น

และเพราะแบบนั้น ความเร็วของเขาจึงช้ากว่าเมื่อตอนที่พวกเขาสู้ด้วยกันกับอีกกลุ่ม

แต่อีกฝ่ายได้กลับมามีความเร็วเท่าเดิมนานแล้ว

‘นี่มันทำให้ฉันหัวเสีย…’

เขาไปได้อย่างสบายและปลอดภัย

เขาเพียงแค่จัดการมอนสเตอร์โชกเลือดจำนวหนึ่งที่ฮันซูปล่อยให้เล็ดรอดมา

และมันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว

แต่ความที่อีกฝ่ายได้ไปอย่างสบายขึ้นเรื่อยๆ ได้ทำให้เขาหัวเสีย

สถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบในสมองของเขานั้นคือการที่ฮันซูสู้อย่างวุ่นวายอยู่ด้านหน้าและโทรมจนกระทั่งไม่อาจแบ่งความสนใจใดๆ มายังเขาได้

แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางแก้ใดๆ หากอีกฝ่ายเกิดโมโหขึ้นมา

‘ฉันต้องหนีไปในทางแยกข้างหน้ารึเปล่า…’

แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในการจัดการถนนด้วยตัวคนเดียว

แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคยูชอลไม่ใช่ทางแยก

‘…อุโมงค์?’

อุโมงค์ยักษ์ที่อยู่ใกล้กับเชิงภูเขา

และเบื้องหน้ามันนั้นได้ปรากฏร่างที่คุ้นเคยขึ้น

“พวกคุณไม่ได้เป็นมิตรกันเหรอ? พวกคุณเดินมาโดยที่เว้นช่องว่างไว้ระหว่างกัน แต่จะแบบไหนก็เอาเถอะ ยินดีด้วยที่มาถึงจุดหมาย”

จากนั้นแฟรี่จึงชี้ไปยังภายในของอุโมงค์

มันมีปากปล่องภูเขาไฟดอร์แมนท์ที่สามารถมองเห็นได้พร้อมกับคนนับสิบที่ได้ไปถึงที่แห่งนั้นพร้อมด้วยเรือหน้าตาแปลกประหลาดจำนวนมาก

คยูชอลร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ฮะฮะฮะฮะ! ถึงแล้ว! เรามาถึงแล้ว!”

“พ่อ! ขอบคุณที่พยายามอย่างหนัก!”

ราวกับว่าฮันซูและคยูชอลนั้นเป็นคนสุดท้าย ทันทีที่พวกเขาเข้าไปภายใน อุโมงค์ก็ได้ปิดลงพร้อมกับเสียงตึง และแฟรี่ที่อยู่ที่ทางก็ได้บินเข้าไปด้านใน

“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่เส้นชัย ฮี่ฮี่ ไหนดูสิ… มีคนรอด 75 คนในตอนนี้? ดีจังที่มีคนตายไม่มาก พวกคุณพยายามมากแล้ว”

“…”

ในขณะที่ทุกคนกำลังกัดฟันกรอด แฟรี่ก็แย้มยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เมื่อมีคน 75 คน ก็ควรจะมีตั๋ว 75 ตั๋วใช่ไหม?”

จากนั้นตั๋วที่มีรูปร่างแปลกประหลาดก็เริ่มปรากฏขึ้นในมือของผู้คน

ในขณะที่ผู้คนกำลังพึมพำเกี่ยวกับตั๋วอยู่นั้น แฟรี่ก็ได้เอ่ยต่อไป

“ถ้าพวกคุณมีไอ้นั้น พวกคุณก็จะสามารถขึ้นเรือที่จะนำคุณไปยังเกาะด้านบนได้ พวกคุณทำได้ดี ตอนนี้ฉันจะบอกถึงวิธีการใช้ตั๋วพวกนี้”

“…?”

ไม่ว่าพวกเขาแค่ต้องขึ้นไปบนเรือหลังจากที่ยื่นมันไปเหรอ

“ง่ายๆ เลย เรือที่พวกคุณจะขึ้นนั้นขึ้นได้สามคน”

“…”

“และแน่นอนว่าตั๋วสามใบจะต้องถูกใช้ไปเพื่อที่จะทำให้มันทำงาน มันไม่ใช่ว่าสงบสุขมากเลยเหรอ? เมื่อมันมีตั๋วสามใบต่อคนสามคน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้”

ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เมื่อมันหมายความว่าคนทั้ง 75 คนสามารถขึ้นไปได้

ทว่าฮันซูส่ายศีรษะ

มันไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้น

และอย่างที่เขาคาด สิ่งมีชีวิตตัวเล็กได้เอ่ยพูดขึ้นต่อ

“แต่มันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคนหนึ่งคนหรือสองคนที่จ่ายตั๋วสามใบและถูกทำแบบเดียวกับคนสามคนใช่ไหม? ดังนั้นแล้วเราเลยเตรียมอะไรให้เป็นพิเศษ”

‘เวรเอ้ย… แน่นอนว่ามันต้องไม่มีทางปล่อยเราไปง่ายๆ แบบนั้น…’

แฟรี่มีสีหน้าขบขันขณะที่มันมองไปยังผู้คนและเอ่ยว่า

“อย่างแรก ถ้าคุณให้ตั๋วสามใบ คุณจะสามารถไปยังเกาะใดก็ได้ที่คุณต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณคิดว่าเกาะข้างบนทั้งหมดนั้นเหมือนกัน เช่นนั้นมันก็เป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง ตรวจสอบแผนที่ของเกาะในกระเป๋าของพวกคุณสิ”

แฟรี่หัวเราะและเอ่ยขึ้นเมื่อมันเห็นดวงตาของคนจำนวนหนึ่งส่องประกาย

“ถ้าคุณให้ตั๋วสามใบพร้อมด้วยกันสองคน คุณก็สามารถไปด้วยกันได้ แต่พวกคุณไม่สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน เรือจะไปแบบสุ่ม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของผู้ที่มีเพื่อนหรือคู่หูก็เปลี่ยนไป

ถ้าพวกเขาต้องการที่จะไปด้วยกัน เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องการตั๋วเพิ่ม

อย่างสุดท้าย ถ้าคุณให้ตั๋วสามใบพร้อมกับคนสามคน เช่นนั้นพวกคุณก็จะแยกกัน พวกคุณสามารถขึ้นไปได้ แต่พวกคุณไม่อาจอยู่ด้วยกันได้ สถานการณ์แบบนี้สำหรับครอบครัวแล้วมันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าสุดๆ เลยใช่ไหม? ฉันหวังว่าถ้าคุณเป็นครอบครัวสามคน คุณจะสามารถรวบรวมตั๋วเก้าใบเพื่อไปยังเกาะที่ต้องการได้นะ”

“อีเวรนี่…”

คยูชอลสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

ตั๋วเก้าใบสำหรับคนสามคน?

นี่มันไร้สาระอะไรกัน?

มันเป็นเรื่องยากกระทั่งจะปกป้องไว้สักใบในตอนนี้

เขาสามารถเห็นดวงตาของฮันชอลและคนอื่นๆ ที่มองมาด้วยสายตาอำมหิตจากไกลๆ ได้

แฟรี่ได้เอ่ยขึ้นอย่างขบขันโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด

“มันคงจะมีเวลาราวๆ… 20 นาทีเหลือจนกว่าเกาะจะร่วงหล่นลงโดยสมบูรณ์? ฮี่ฮี่ ฉันเดาว่าพวกคุณคงต้องการเรือแค่ 25 ลำ ฉันจะกระจายเรือไปรอบๆ ปากปล่องภูเขาไฟ มันคงไม่สนุกถ้าพวกคุณแค่ปกป้องรอบๆ เรือใช่ไหมล่ะ? ตั๋ว พวกคุณแค่ต้องรวบรวมตั๋วสามใบโดยวิธีการใดก็ได้แล้วค่อยไป! โชคดี!”

แฟรี่หายตัวไปหลังจากเอ่ยจบ

และใบหน้าของคุณคนก็เริ่มแข็งเกร็งขึ้น

มันคงดีกว่าถ้าได้ไปด้วยกัน และมันจะดีกว่านั้นอีกถ้าคุณสามารถไปที่ที่คุณต้องการได้

ดังนั้นแล้วหากคุณมีตั๋วมากเท่าใด มันก็ดีเท่านั้น

หากมีคน 6 คนในกลุ่ม  ตั๋ว 18 ใบจึงพอดี 9 ก็โอเค แต่ 6 ใบนั้นเป็นในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด

ผู้คนที่ตัดสินใจแล้วเริ่มมองหาคนอ่อนแอ

และฮันชอลและคนอื่นๆ ที่ได้แยกจากกันก่อนหน้ามองไปยังครอบครัวของคยูชอลพร้อมด้วยรอยยิ้ม

คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้

ทางที่จะได้รับตั๋วฟรี 3 ใบ

“ฉิบหายเอ้ย…”

คยูชอลสบถออกมา

เรืออยู่ข้างเขา

ถ้าพวกเขาต้องการมีชีวิตอยู่ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาสามคนก็ต้องขึ้นเรือไปในตอนนี้

แต่ถ้าพวกเขาขึ้นเรือไป พวกเขาก็จะแยกกัน

ซึ่งหมายความว่าภรรยาและลูกสาวของเขาจะตายหรือว่าเจอสถานการณ์ที่แย่กว่านั้น

‘เวรเอ้ย ฉันควรทำอะไร?’

ความจริงที่ว่าพวกเขามาไกลถึงขนาดนี้ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง

ดังนั้นแล้วจึงไม่มีใครสามารถได้ตั๋วของพวกเขาไปโดยการขโมย

และจากนั้นฮันซูก็ได้เขามาในสายตาของคยูชอล

“ฮันซู! ได้โปรดให้ตั๋วของนายกับฉันด้วยเถอะ!”

“หืมมม?”

ฮันซูมองไปยังเจ้าของเสียง อีกฝ่ายรีบฉีกยิ้มในทันที

“ถ้าพวกเราได้ตั๋วของนาย ภรรยาฉันกับฉันก็จะสามารถไปด้วยกันได้! แล้วก็ได้โปรดเอาลูกสาวของฉันไปด้วย ถ้านายทำแบบนั้นพวกเราทั้งครอบครัวก็จะมีชีวิตอยู่ได้!”

คยูชอลตะโกนอย่างสิ้นหวัง

เมื่อหากเป้นแบบนั้น เขาก็จะสามารถนำภรรยาของเขาไปด้วยและปกป้องเธอได้อีกสักเล็กน้อย

และลูกสาวของพวกเขาจะถูกปกป้องโดยฮันซู ดังนั้นแล้วเธอก็จะสามารถอยู่ได้นานขึ้นอีกหน่อยเว้นเสียแต่จะถูกแยกกัน

หากมีคน 4 คนด้วยตั๋ว 6 ใบ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสามารถอยู่ต่อได้นานอีกหน่อย

“ได้โปรด… แบบนี้นายจะสามารถช่วยชีวิตได้หลายคน! นายแข็งแกร่ง ดังนั้นแล้วมันคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับนายในการรวบรวมตั๋วอีก 2 ใบใช่ไหม? นายแข็งแกร่งมาก! ได้โปรดช่วยครอบครัวของเราด้วย!”

‘ว้าว… เขาไม่ใช่ธรรมดาเลยนะเนี่ย’

ฮันซูหมุนลิ้นของเขาเมื่อได้ยินคำพูดของคยูชอล

เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนเถรตรงอย่างมาก แต่นี่เรียกได้ว่าเหนือคาด

‘เขาคงไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมตกลงใช่ไหม?’

แต่ฮันชอลยังคงกังวล ชายหนุ่มจึงเริ่มวิ่งเร็วขึ้น

เมื่อหากอีกฝ่ายตกลงจริงๆ ตั๋วพวกนั้นก็จะหายไป

“เร็วเข้า! ได้โปรด!”

คยูชอลเห็นฮันชอลและคนอื่นๆ พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

เขาได้อ้อนวอนในบางสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้เพราะอีโก้ของเขา

และดวงตาของฮันซูได้ก็ราบเรียบลงอย่างเย็นเยียบขณะที่เขามองไปยังคยูชอล

 


TL: คนที่ไม่พยายามอะไรด้วยตัวเอง คอยแต่เกาะคนอื่น ตายไปก็ความผิดตัวเองแล้วนะ//หัวเราะ

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ