บทที่ 242 หวังเฉิงซ่ง

“งั้นกลับกันเถอะ”

เย่เวิ่นเทียนพยักหน้า เมื่อเห็นเย่เฟิงไม่ยอมพูดเรื่องของหลงโม่หรันออกมาตอนนี้ เขาก็ไม่ได้บังคับอะไร เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรคุยในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ หลังจากกลับไปแล้ว พวกเขาค่อยคุยรายละเอียดกันอีกที

“งั้นฉันจ้องตั๋วเครื่องบินเลยนะ”

หลินชื่อฉิงที่อยู่ใกล้ๆกล่าวขณะมองไปยังเย่เฟิง ราวกับจะขอความเห็น

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับไปกับพวกเธอ”

เย่เฟิงมองไปยังหลงหวางเอ๋อและซูเหมิงหาน จากนั้นจึงกล่าวกับซูเหมิงหาน “เหมิงหาน ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

เขาต้องโทรหาหน้าบากเพื่อถามว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนตอนนี้ หากยังอยู่ที่ในเขตเซี่ยงซาน ชายหนุ่มก็จะให้หน้าบากมารับพวกเขา ในตอนนี้ เย่เฟิงอยากจะอยู่กับทั้งสองสาวเพียงลำพัง

ตอนนี้ เรื่องในแถบทะเลจีนตะวันออกก็เรียบร้อยดีแล้ว เรื่องอาจารย์คนสวยของเขาก็เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปจัดการเรื่องที่บ้านช่วงหนึ่ง จากนั้นค่อยมุ่งหน้าไปยังทะเลทางตะวันตกเฉียงเหนือต่อ

เมื่อถึงเวลานั้น มันอาจมีการนองเลือดเกินขึ้น เย่เฟิงพลันนึกได้ถึงเรื่องของลูกปัดสวรรค์ที่หลงหวางเอ๋อกล่าวก่อนหน้านี้ มันถูกขุดพบที่ทะเลทรายแห่งนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรอ? เขาไม่แน่ใจว่าลูกปัดสวรรค์เม็ดนั้นถูกส่งมาด้วยเวทเคลื่อนย้ายเช่นเดียวกันหรือไม่

ซูเหมิงหานล้วงเอาโทรศัพท์มือถือสีขาวออกมาให้เย่เฟิงทันที

เย่เฟิงกดเบอร์โทรศัพท์ของหน้าบากไปตามความทรงจำ พร้อมกับมองไปยังดวงวิญญาณของจ้าวอี้เป่ย จ้าวอี้เป่ยยังคงล่องลอยอยู่รอบห้องนี้ ขณะหลับตาเพื่อฝึกฝนทักษะควบคุมวิญญาณ นอกจากเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อแล้ว ไม่มีใครคนใดที่รับรู้ถึงการคงอยู่ของเขาและหลิงเฉิน

“หน้าบาก นายอยู่ที่ไหนตอนนี้?”

เมื่อต่อสายได้ เย่เฟิงจึงเอ่ยถาม

“ยังอยู่ในเขตเซี่ยงซานครับพี่เย่”

ชายหน้าบากรีบตอบกลับไปทันที

“งั้นช่วยมารับพวกเราที่โรงแรมนานาชาติที”

เย่เฟิงกล่าวก่อนจะวางสายไป ชายหนุ่มคิดว่าหากกล่าวเรื่องของจ้าวอี้เป่ยให้หน้าบากฟัง เขาคงรู้สึกดีใจมากแน่นอน

เมื่อได้ยินเสียงของชายหน้าบาก จ้าวอี้เป่ยที่ล่องลอยอยู่พบอากาศก็ลืมตาขึ้น และจ้องมองมาด้วยความตื่นเต้น เย่เฟิงพยักหน้ากลับไป จากนั้นจึงยืนขึ้น

“ปู่จะกลับกับคุณหนูหลินใช่ไหม?”

เย่เฟิงเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม

“กลับไปแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันแน่ไอ้หนู”

เย่เวิ่นเทียนเค้นเสียงเบาๆ จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับหลินชื่อฉิง “หนูหลิน ช่วยจองตั๋วให้ปู่ด้วย พวกเราต้องไปถึงเหยียนจิงก่อนไอ้เด็กเวรนี่แน่นอน”

เย่เฟิงยิ้มขณะคิดในใจ กลับไปถึงก่อนมันมีอะไรน่าตื่นเต้นรึไง?

จากนั้น เขาจึงมองไปยังหนานฟางที่กำลังกินข้าวอย่างเมามัน

“พี่เย่”

เมื่อเห็นเย่เฟิงมองมา หนานฟางจึงรีบยกมือขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตามสบายเลยครับ”

มองเย่เฟิงที่มีสาวสวยสองคนประกบข้าง หนานฟางก็รู้ความต้องการของอีกฝ่ายทันที ดูจากสีหน้าและอารมณ์ของเย่เฟิง หนานฟางเดาว่าเป้าหมายในการมาทะเลจีนตะวันออกแห่งนี้คงประสบความสำเร็จแล้ว

แต่ทันใดนั้น หนานฟางก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เขาก็อยากมีสาวสวยเคียงข้างบ้าง น่าเสียดายที่เขาไม่มีโชคเรื่องผู้หญิงเหมือนเย่เฟิงบ้างเลย

หนานฟางมองไปยังสาวสวยอีกสามคนบนโต๊ะอาหารเงียบๆ หลินชื่อฉิง เสี่ยวเยวี่ย และเสี่ยวฉี สาวสวยทั้งสามล้วนถูกเย่เวิ่นเทียนกำหนดให้เป็นผู้ลงสมัครในฐานะลูกสะใภ้ตระกูลเย่แล้ว นี่ทำให้หนานฟางยิ่งรู้สึกเศร้าใจขึ้นไปอีก ‘พี่เย่นะพี่เย่ ถ้าจะเยอะขนาดนี้ พี่แบ่งมาให้ผมบ้างสักคนก็ได้’

“คุณน้ากลับไปกับผมด้วยก็ได้ครับ”

เย่เฟิงเอ่ยกับชูชู เธอเป็นคนตระกูลหลงซึ่งไม่ได้คุ้นเคยกับเย่เวื่นเทียนและคนอื่นๆมากนัก ในเมื่อรถ BMW นั่งได้ 5 คนอยู่แล้ว ให้เธอกลับไปกับพวกเขาน่าก็เหมาะสมกว่า

หลงหวางเอ๋อได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็รู้สึกอบอุ่นใจ มันแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอและชูชูมาก หลังจากกล่าวอำลาเย่เวิ่นเทียนแล้ว เธอก็เตรียมจะจากไปพร้อมกับชูชู

ชูชูที่เห็นทั้งสองคนกลับมาอย่างปลอดภัยก็อดไม่ไหวที่จะสอบถามเรื่องต่างๆจากหลงหวางเอ๋อ ยกเว้นเรื่องของหลงโม่หรัน เพราะรู้ว่าเย่เฟิงยังไม่อยากให้คุยเรื่องนั้นในตอนนี้

“บ๊าย บ่าย”

หนานฟางโบกมือลาขณะที่อาหารยังเต็มปาก

“กลับไปเหยียนจิง เราต้องซ้อมมือกันหน่อยแล้ว”

เย่เฟิงยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแส เขาก็อยากจะต่อยอีกฝ่ายสักหมัด

“……”

หนานฟางหุบปากทันที ให้ซ้อมมือกับเย่เฟิงหรอ? เขายังไม่อยากอายุสั้นหรอกนะ

การร่วมมือกันโจมตีใส่หลงโม่หรันเมื่อ 2 วันก่อนทำให้เย่เฟิงพบว่าชายคนนี้ช่วยเหลือเขาได้มากทีเดียว ตราบเท่าที่สามารถฝึกฝนทักษะมีดบินปีศาจคำรามได้ หนานฟางก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับในอนาคตได้แน่นอน

สุดท้ายแล้ว เย่เฟิงก็ไม่ได้อธิบายเหตุผลที่หลงโม่หรันเปลี่ยนให้ทุกคน

เมื่อเย่เฟิงกำลังจะพาหลงหวางเอ๋อ ซูเหมิงหาน และชูชูกลับไป ทันใดนั้น ก็มีกลุ่มคนที่กรู่กันเข้ามาทางประตูของห้องอาหาร พวกเหล่านั้นสวมชุดเครื่องแบบของตำรวจ พวกตำรวจงั้นหรอ?

“อยู่นั่น”

ตำรวจกลุ่มหนึ่งก้าวเข้ามายังโต๊ะที่พวกเย่เฟิงอยู่อย่างรวดเร็ว

เย่เฟิงขมวดคิ้วทันที พวกนี้จะมาหาเรื่องหรือไง? ไม่สิ ต่อให้มันตั้งใจจะมาหาเรื่องเขาจริง ก็ควรเป็นคนของกองทัพหรือหน่วย NSA ทำไมถึงเป็นพวกตำรวจท้องถิ่นแบบนี้?

ไม่นาน ชายหนุ่มก็รู้ว่าตำรวจเหล่านี้ไม่ได้มาหาเขา

“เสี่ยวเยวี่ย ลูกชายฉันอยู่ไหน?”

ชายวัยกลางคนที่ห้อยหยกรูปม้าไว้ที่คอ ซึ่งเดินตามกลุ่มตำรวจเข้ามา เมื่อเห็นเสี่ยวเยวี่ย เขาก็เอ่ยถามอย่างเอาเรื่องทันที

เห็นหยกรูปม้าซึ่งห้อยไว้ที่คอ เย่เฟิงก็พลันนึกถึงหวังเฉ่าตงที่สังหารไปตอนอำพรางตัวเองเป็นปลาฉลาม ชายคนนี้เป็นพ่อของมันงั้นหรอ?

เย่เฟิงหัวเราะอยู่ในใจ เขาเป็นคนสังหารเจ้านั่นเองแท้ๆ แต่ชายคนนี้ดันไปเอาเรื่องกับเสี่ยวเยวี่ยเสียได้ แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่ยอมดูเสี่ยวเยวี่ยถูกรังแก เพราะอย่างไร ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนที่อยู่ฝั่งเดียวกับเขา

ในเมื่อเขาเป็นคนสังหารหวังเฉ่าตงเอง เขาก็ควรรับผิดชอบปัญหานี้ด้วยเช่นกัน มันใช้เวลาไม่นานอยู่แล้ว

“โดนฉลามลากไปกินแล้ว”

เย่เฟิงกล่าวประสานกับเสี่ยวเยวี่ย

……??

เมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เย่เฟิงก็หันไปมองเสี่ยวเยวี่ย ซึ่งเขาก็เห็นอีกฝ่ายมองกลับมาเช่นกัน สายตาทั้งคู่ประสานกันด้วยความประหลาดใจ

“โดนฉลามลากไปกิน?”

ชายวัยกลางคนหน้าซีดไปทันที นี่มันเหตุผลบ้าอะไรวะ!

หวังเฉิงซ่งเป็นคนใหญ่โตและได้รับความเคารพมากในเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ลูกชายของเขาออกไปกับเสี่ยวเยวี่ย แล้วก็หายสาบสูญไป หากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนไม่ได้ เขาจะไม่ถูกคนทั้งเซี่ยงไฮ้หัวเราะเยาะเอาหรือไง?

สำหรับเรื่องของเสี่ยวเยวี่ย หวังเฉิงซ่งรู้ดี เพราะหวังเฉ่าตงไล่ตามผู้หญิงคนนี้ไปตลอดทั้งวัน ดังนั้นหวังเฉิงซ่งจึงสืบค้นข้อมูลของเธอมาหมดแล้ว

เดิมทีเสี่ยวเยวี่ยเป็นคนเหยียนจิง แต่มาเรียนต่อที่มหาลัยในเซี่ยงไฮ้ 4 ปี หลังจากจบการศึกษา ก็ทำงานต่อที่เซี่ยงไฮ้ได้เกือบ 2 ปีแล้ว แต่จุดสำคัญคือ เสี่ยวเยวี่ยเป็นคนตระกูลเสี่ยวแห่งเมืองเหยียนจิง!

ตระกูลเสี่ยวในเมืองเหยียนจิงนั้นเป็นตระกูลเล็กๆ แต่อิทธิพลที่นั้นไม่ได้เล็กตามไปด้วย นี่จึงทำให้หวังเฉิงซ่งระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากขบคิดอยู่หลายรอบ เขาก็ตัดสินใจว่าจะนำตำรวจท้องถิ่นเข้าจับกุมในตอนเช้าวันนี้ เพราะหากเสี่ยวเยวี่ยกลับไปที่เหยียนจิงได้ เขาจะทำอะไรเธอไม่ได้อีก

“ใครคือคุณหนูเสี่ยว? ขอโทษด้วย แต่คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมโดยเจตนา โปรดให้ความร่วมมือกับเราด้วย”

ตำรวจหน้ายาวคนหนึ่งกล่าว แต่เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็รู้สึกลายหูลายตาไปหมด

ทำไมถึงมีสาวสวยเยอะขนาดนี้ นี่มันสวรรค์ชัดๆ!

……………………..

แปลโดย Solar Spark

(แปลจากเว็บ lnmtl.com และ Raw จีนโดยใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย)