บทที่ 240 คำประกาศกร้าวของหลงโม่หรัน

หลงจื่อและหลงชิงพากันขยี้ตาราวกับไม่เชื่อว่าตัวเองตื่นจากฝันแล้ว

พวกเขายังคงจำได้ดีว่าก่อนจะหมดสติไป หลงโม่หรันที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทางใต้ ถูกเทพธิดาขว้างทางเอาไว้ และถูกเย่เฟิงใช้กระบี่สังหาร แต่ตอนนี้ หลงโม่หรันกลับเดินเข้ามาด้วยกันกับเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อ? ซ้ำความสัมพันธ์ของทั้งสามคนก็ดูจะดีเสียด้วย

หลงจื่อและหลงชิงคิดจนหัวแทบระเบิดเพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว หลงโม่หรันคนนั้นคือร่างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของซูเฟยหยิ่ง

เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อที่เดินมาด้วยกัน พบว่าจ้าวอี้เป่ยและหลิงเฉินยังคงซ่อนตัวอยู่บนเรือสปีดโบทโดยไม่มีใครรับรู้ถึงการคงอยู่ของพวกเขา เย่เฟิงจึงยิ้มทักทายเล็กน้อย

“ถอนสมอ เราจะไปกันแล้ว”

หลงโม่หรันเดินขึ้นไปบนเรือสปีดโบทลำสีขาวอย่างสง่างาม จากนั้นจึงโบกมือออกคำสั่ง

“ท่านผู้นำ นี่?”

หลงชิงก้าวเข้ามาหาหลงโม่หรัน จากนั้นจึงหันไปมองเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อ ด้วยใบหน้าประหลาดใจ

ภาพที่เขาเห็นเย่เฟิงใช้กระบี่สังหารหลงโม่หรันเป็นแค่ภาพลวงตางั้นหรือ? แต่ต่อให้เป็นภาพลวงตาจริง หลงโม่หรันก็ไม่มีทางญาติดีกับเย่เฟิงได้แน่!

“นี่อะไร?”

ใบหน้าของหลงโม่หรันดุดันขึ้น เขาจ้องมองหลงชิงก่อนจะกล่าวตำหนิ “ก่อนหน้านี้ฉันกับหวางเอ๋อแค่ไม่เข้าใจกันเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ไป หวางเอ๋อคือลูกสาวสุดรักของฉัน ส่วนเย่เฟิงก็คือลูกเขยของฉัน ใครที่คิดจะล่วงเกินเย่เฟิง มันต้องข้ามศพฉันไปก่อน!”

นี่คือคำประกาศกร้าวที่ทำให้หลงชิงตื่นตะลึง เขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรที่ทำให้หลงโม่หรันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันแบบนี้? เขาไม่รู้สึกสงสัยว่าหลงโม่หรันเป็นตัวปลอมเพราะไม่มีใครสามารถปลอมตัวได้เหมือนขนาดนี้

นอกจากนั้น เมื่อมองดูกระบี่ซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของหลงโม่หรัน หัวใจของเขาก็รู้สึกหนาวเหน็บ คุณภาพของกระบี่เล่มนี้เหนือล้ำกว่ากระบี่ทุกเล่มที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตนี้

เมื่อคิดถึงหญิงงามก่อนหน้านี้ หลงชิงก็ตระหนักได้ทันที หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนนั้น?

เขาคิดว่าการที่หลงโม่หรันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ อาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากผู้หญิงคนนั้น แต่ด้วยที่หลงโม่หรันไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ออกมา หลงชิงจึงไม่กล้าเอ่ยปากถาม

เทียบกับหลงชิงแล้ว หลงจื่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆกลับรู้สึกโล่งใจ

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมหลงโม่หรันถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ แต่เขาก็คาดเดาคล้ายๆกับหลงชิง หลงจื่อคิดว่าตราบใดที่สามารถปรองดองกับเย่เฟิงได้ และทำให้หลงหวางเอ๋อกลับไปยังตระกูลหลง นี่คือเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

“ต่อจากนี้ไป หวางเอ๋อจะอาศัยอยู่กับเย่เฟิง”

หลงโม่หรันจู่ๆก็กล่าวออกมา

คำพูดที่จู่ๆก็กล่าวออกมานี้ทำให้ทั่วร่างของหลงจื่อถึงกับสั่นสะท้าน นี่มันผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว! เดิมทีเขาคิดว่าหลงโม่หรันจะดึงเย่เฟิงให้เข้าร่วมกับตระกูลหลง แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?

ปล่อยให้หลงหวางเอ๋ออาศัยอยู่กับเย่เฟิง นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการยกหลงหวางเอ๋อให้กับเย่เฟิงเพื่อแต่งเข้าเป็นลูกสะใภ้ตระกูลเย่ ทำไมหลงโม่หรันถึงได้ตัดสินใจอะไรแบบนี้?

ดูเหมือนว่าเทพธิดาคนนั้นจะมีอิทธิพลกับหลงโม่หรันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้เสียแล้ว หลงจื่อและหลงชิงต่างคิดเหมือนกัน เพราะมันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้อีกแล้ว

ในเวลานี้ เรือสปีดโบทสีขาวได้แล่นออกห่างเกาะแห่งนั้นไปเรื่อยๆโดยมีหลงชิงเป็นผู้ขับเรือ

เรือ Destroyer และเรือคุ้มกันของกองทัพได้ไปจากหมู่เกาะแถบนี้แล้ว โดยเปลี่ยนให้คนของหน่วย NSA ทำหน้าที่ออกค้นหาแทน แต่ต่อให้พวกเขาพลิกแผ่นดินหาก็ไม่มีทางพบร่องรอยใด เพราะเย่เฟิงได้ใช้ทักษะอำพรางทำให้เรือสปีดโบทลำนี้จากไปอย่างเงียบเชียบ

เย่เฟิงที่ยืนอยู่บนเรือหันหลังกลับไปมองหมู่ออกที่ออกห่างไปเรื่อยๆ ขณะที่ในใจยังคงคิดถึงซูเฟยหยิ่งอย่างเหลือล้น รอจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย แล้วเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน

สำหรับตอนนี้ จะเป็นการดีที่สุดหากเขารีบกลับไปที่เมือง

เมื่อมีหลงโม่หรันแบบนี้ เย่เฟิงจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการคุกคามจากคนของโลกยุทธภพชั่วคราว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการคุ้มกันจากตระกูลหลง จะมีใครคนไหนกล้าล่วงเกินเขา?

แต่เรื่องของหน่วย NSA และทางกองทัพนั้น เย่เฟิงยังคงต้องเก็บมาพิจารณา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมายังแถบทะเลจีนตะวันออกในครั้งนี้ ทำให้หน่วย NSA และทางกองทัพต้องเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าเดี๋ยวเย่เฟิงอาจถูกอีกฝ่ายชวนไปร่วมดื่มชาด้วยก็ได้ แต่เขาไม่ได้เกรงกลัวอะไรอยู่แล้ว ตราบใดที่ตอบปฏิเสธทุกสิ่ง พวกคนนั้นก็ไม่มีทางเอาเรื่องเขาได้

ในสมัยนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับหลักฐาน หากไม่มีหลักฐาน ต่อให้หน่วย NSA จะมีกฏพิเศษ มันก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้!

แน่นอนว่าปัญหาย่อมมีอยู่แล้ว หลังจากที่เย่เฟิงกลับไป สิ่งแรกที่เขาต้องเจอก็คือแรงกดดันจากหน่วย NSA ซึ่งบางที เขาอาจต้องอาศัยความสัมพันธ์ของตระกูลหลินเข้ามาช่วยในเรื่องนี้

ในช่วงบ่าย คำประกาศกร้าวของหลงโม่หรันก็กระจายไปทั่วทั้งโลกยุทธภพ

ใครที่คิดจะล่วงเกินเย่เฟิง มันต้องข้ามศพเขาไปก่อน!

คำประกาศกร้าวนี้ทำให้คนของโลกยุทธภพต้องพากันตกตะลึง! ไม่ว่าใครที่มีความขุ่นเคืองกับตระกูลเย่ หรือใครที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเย่ ทุกๆคนต่างรู้สึกมึนงงไปหมด ทำไมเพียงแค่คืนเดียว หลงโม่หรันถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้?

ทุกๆคนต่างรู้ว่าเมื่อสองคืนก่อน หลงหวางเอ๋อและเย่เฟิงร่วมมือกันจนเกือบสังหารหลงโม่หรันได้แล้ว ซ้ำยังตัดแขนของเขาไปข้างหนึ่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว หลงโม่หรันยังญาติดีกับเย่เฟิงได้อยู่อีกหรือ?

แต่ไม่ว่าใคร ก็ล้วนไม่ติดใจสงสัยในคำพูดเหล่านั้น เพราะมันออกมาจากปากหลงจื่อและหลงชิงโดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าหลงโม่หรันต้องรับรู้อยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มพันธมิตรปิดล้อมตระกูลเย่ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อสองวันก่อนก็ได้เงียบหายไปทันที

โลกยุทธภพในปัจจุบันนี้ จะมีสำนักใดที่เทียบกับตระกูลหลงได้? ต่อให้ตระกูลถังและวังไท่จี๋ร่วมมือกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอ! นี่ยังไม่นับเรื่องที่ตระกูลเย่ก็มีบุคคลที่แข็งแกร่งอยู่อีกเช่นกัน เพราะนอกจากเย่เวิ่นเทียนแล้ว อาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อนั้นเป็นที่น่าจับตามองมาก

………………

ณ ใจกลางของเขตเซี่ยงซาน เย่เวิ่นเทียนและคนอื่นๆอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาสองวันแล้ว เมื่อทุกคนได้ยินข่าวนี้ก็พากันตกตะลึงไปตามๆกัน โดยเฉพาะชูชู

ด้วยที่เป็นคนตระกูลหลง ชูชูรู้ว่าหลงโม่หรันนั้นเป็นคนที่มีทิฐิมากที่สุดคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นคนที่โหดร้ายและจิตใจคับแคบ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ชายคนนั้นจะพูดออกมาว่าจะปกป้องเย่เฟิง?

แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร นี่ถือเป็นข่าวที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เย่เฟิงจึงไม่ต้องกังวลกับการคุกคามจากคนของโลกยุทธภพอีกต่อไป

ในเวลานี้ เย่เวิ่นเทียนกำลังนั่งคิ้วขมวดแน่นอยู่ในห้อง หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็นั่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน

เจ้าหลงโม่หรันมันมีแผนอะไรกันแน่?

ขณะที่แต่ละคนต่างยังคงสับสนงงงวยอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อก็ได้เดินทางมาถึงโรงแรมที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้วตอนนี้

……………………..

แปลโดย Solar Spark

(แปลจากเว็บ lnmtl.com และ Raw จีนโดยใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย)