บทที่ 178 ทักษะร่างวิญญาณหยินเทียม

ในทันทีที่เย่เฟิงก้าวเท้าลงไปในน้ำ ความรู้สึกหนาวเย็นจนแสบกระดูกก็พลันเข้าจู่โจม แต่เขายังคงต้องเดินหน้าต่อไป

หลงหวางเอ๋อได้บอกถึงตำแหน่งของปะการังราชันย์แกเขาแล้ว เย่เฟิงนั้นจำได้ขึ้นใจจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหาทางไปที่นั่น

ชายหนุ่มใช้ทักษะล่องหนมุ่งไปยังจุดหมายปลายทางอย่างเงียบเชียบ ในขณะเดียวกัน เขาพบว่ายิ่งเข้าใกล้ทิศใต้เท่าไหร่ ความลึกของน้ำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ คลื่นยักษ์ยังคงโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับอุณหภูมิของน้ำที่หนาวอย่างจับใจ

ทักษะเซียน – เต่ามังกรกลั้นใจ

หลังจากวิ่งมาเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร เย่เฟิงก็ใช้ทักษานี้และกระโดดลงไปในน้ำ ในสถานที่แห่งนี้ ระดับน้ำนั้นสูงท่วมหัวของคนทั่วไปแล้ว ท้องฟ้านั้นมืดครึ่มขณะที่ปรากฏการณ์ฟ้าร้องและฟ้าแลบยังคงแสดงพลังของมันออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยพายุที่รุนแรงที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ทุกๆสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศภายนอกของทะเลจีนตะวันออกนั้นวิปริตแปรปรวนเพียงใด

เมื่อเย่เฟิงดำลงไปในน้ำ เขาว่ายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณไปพร้อมกันจนรับรู้ได้ถึงหมู่ปลาที่แหวกว่ายในทะเลนี้ ชายหนุ่มสามารถแหวกว่ายพร้อมกับหลบหลีกสิ่งต่างๆที่ลอยอยู่ในน้ำอย่างเช่น ท่อนไม้ เศษซากปรักหักพัก และอื่นๆได้อย่างง่ายดาย

เขาเชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงระดับหลงโม่หรันก็ไม่มีทางไล่ตามความเร็วของเขาได้ทันในทะเลแห่งนี้!

ขณะที่เย่เฟิงมุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับน้ำทะเลที่ลึกและหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เข้าใกล้จุดหมายปลายทางแล้ว เมื่อไปถึงฝั่งทะเล ผลของทักษะสัมผัสวิญญาณก็ทำให้รู้ว่ามีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ไม่ไกลจากนี้

ผู้ฝึกยุทธ์ประมาณ 20-30 คนรวมตัวกันเพื่อเตรียมแย่งชิง! ตำแหน่งของพวกเขาอยู่บนหน้าผาที่สูงชันของชายฝั่ง เพราะในตอนนี้มีเพียงที่นี่ที่ไม่จมอยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้ ระยะทางจากที่นี่ถึงที่ซึ่งปะการังราชันย์เติบโตอยู่ก็ถือว่าใกล้ที่สุด

เย่เฟิงหยุดว่ายน้ำและตัดสินใจตรวจสอบอยู่ชั่วครู่ เพราะเขาต้องการจะหาว่าคนเหล่านั้นเป็นใครบางเพื่อจะได้เตรียมตัวต่อไป

“อืม หลงโม่หรันยังไม่ตายจริงๆด้วย”

ทักษะสัมผัสวิญญาณทำให้เย่เฟิงรับรู้เหตการณ์บนหน้าผา ท่ามกลางสายฝน ร่างของหลงโม่หรันยืนตระหง่านอยู่ต่อหน้าคนของตระกูลหลง

อย่างไรก็ตามเวลานี้ ฝักกระบี่ของหลงโม่หรันถูกเสียบไว้ด้วยกระบี่อีกเล่มหนึ่ง เย่เฟิงรับรู้ได้อย่างง่ายดายว่าคุณภาพของกระบี่เล่มนั้นเทียบกับเล่มก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าการระเบิดสั่นพ้องจากร่างของหลงหวางเอ๋อได้พัดพาหลงโม่หรันให้กระเด็นออกไปที่ใดสักที่ และกระบี่ของมันได้สูญหายไปในทะเลนี้และไม่มีทางที่จะหาพบ

เย่เฟิงเค้นเสียงอยู่ในใจและเริ่มตรวจสอบคนที่เหลือต่อ

ในตระกูลหลงนั้น มีเพียงผู้แข็งแกร่งทั้งสามรวมทั้งหลงโม่หรันที่มีระดับวรยุทธ์มากกว่า 50 ปี ส่วนที่คนที่เหลือนั้นเป็นเพียงตัวประกอบ หรือบางทีพวกเขาอาจมีหน้าที่เพียงแค่เสียสละตัวเอง ช่างน่าตกใจที่หลงจื่อและหลงชิงไม่ได้เป็นหนึ่งในสามของผู้ที่แข็งแกร่งดังกล่าว

นอกจากตระกูลหลงแล้ว มีผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นสูงอีก 12 คนจากตระกูลถัง วังกระบี่สวรรค์ และจากสำนักนิกายอื่นที่เข้าร่วมการแย่งชิงในครั้งนี้

เย่เฟิงพบว่าผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ขณะมองคนอื่นๆด้วยแววตาที่ดูมุ่งร้าย นี่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขบขันในใจเมื่อคิดว่าเมื่อเวลามาถึง แต่ละคนคงมัวแต่ต่อสู้ขัดขวางกันจนเปิดทางให้เขาสามารถเข้าไปคว้าปะการังราชันย์มาได้

หลังจากรอคอยอยู่ชั่วครู่ เย่เฟิงก็ตัดสินใจใช้ทักษะเซียนอันใหม่ที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนในโลกใบนี้ – ทักษะร่างวิญญาณหยินเทียม!

เมื่อผู้ฝึกเซียนใช้ทักษะนี้ เขาจะสามารถสร้างร่างเทียมขึ้นมาเพื่อใช้เป็นหุ่นเชิดได้ อย่างไรก็ตาม ทักษะนี้มีข้อเสียของมันอยู่ เมื่อสร้างร่างเทียมขึ้นมาแล้ว ระยะการตรวจจับของทักษะสัมผัสวิญญาณของผู้ฝึกเซียนจะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เย่เฟิงไม่เคยใช้ทักษะนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้ การใช้ร่างเทียมถือว่าเหมาะสมยิ่ง ตรายใดที่ชายหนุ่มควบคุมมันได้ดีพอ ร่างเทียมนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้คนและเปิดโอกาสได้เขาได้ลงมือ

เย่เฟิงหดระยะของทักษะสัมผัสวิญญาณลงไปพร้อมๆกับการรวบรวมเจินชี่เพื่อสร้างร่างหุ่นเชิดของชายสวมหน้ากากขึ้นมา ร่างเทียมนี้มันดูเหมือนกับตัวเขาไม่ผิดเพี้ยน!

………….

ขณะที่เย่เฟิงปฏิบัติภารกิจของเขาอยู่ ที่อีกด้านหนึ่ง รถ Hummer H2 ที่มีเย่เวิ่นเทียนและซูเหมิงหานนั่งอยู่ ในที่สุดก็มาถึงเขตเซี่ยงซานและหยุดอยู่ที่ใจกลางเมือง

“คุณปู่เหนื่อยหรือเปล่า? พักกินอาหารเย็นก่อนไหมคะ?”

ซูเหมิงหานเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ “ดูสิคะ พวกเราไม่รู้จักใครที่นี่เลย เพราะงั้นการหาคนก็ดูจะยากเกินไป”

“ฉันคิดวิธีไว้แล้วสาวน้อย หนูไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนี้หรอก”

เย่เวิ่นเทียนคิดว่าเด็กสาวคงกำลังหาทางท่วงเวลา เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกไป และคนกลุ่มเดียวที่เขาสามารถติดต่อเพื่อสั่งให้หาคนให้ได้คือหน่วย NSA ด้วยที่ชายชราได้ยินมาว่าคนของหน่วย NSA อยู่ที่นี่ เขาจึงคิดจะขอให้คนกลุ่มนั้นช่วยเขาในการค้นหา

ธันเดอร์รีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเย่เวิ่นเทียน ใบหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนราวกับกินยาขมเข้าไป

ในตอนนี้ ธันเดอร์กำลังยุ่งอยู่กับการหาทางส่งคนของเขาเข้าไปในเกาะภูเขาน้ำแข็ง ด้วยที่อยู่ในระหว่างปฏิบัติการ เขาจึงไม่มีเวลาช่วยชายชราในการค้นหาใครสักคน ธันเดอร์จึงแค่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านชาวประมง

ด้วยที่เย่เวิ่นเทียนมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน ธันเดอร์จึงต้องแสดงความเคารพต่อชายชราอย่างมาก

“มันกำลังจะไปทางใต้”

เย่เวิ่นเทียนรู้ว่าชายสวมหน้ากากคือเย่เฟิง ดังนั้นเขาจึงรีบวางสายแต่ตัดสินใจ

“คุณปู่คะ หนูหิวแล้วอ่ะ หาอะไรกินกันก่อนนะคะ โอเคไหม?”

ซูเหมิงหานเริ่มใช้ไม้แข็งด้วยการแสดงความเอาแต่ใจออกไป

“สาวน้อย เธอก็รู้ดีว่ามันชักช้าไม่ได้อีกแล้ว”

เย่เวิ่นเทียนเอ่ยตอบ แต่เมื่อเขามองใบหน้าอันแสนน่ารักของเด็กสาว ใบหน้าของชายชราก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเขาไม่อาจแสดงความโมโหออกไปต่อหน้าเธอคนนี้ได้ จึงทำได้เพียงพูดว่า “คิดดูสิ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กนั่น หนูจะเป็นคนที่ต้องเสียใจที่สุดนะ! เออ งั้นก็ได้! งั้นหาอะไรกินก่อน”

ถึงแม้ซูเหมิงหานจะยิ้มออกมา แต่เธอก็อดกังวลลึกๆอยู่ในใจไม่ได้

ตั้งแต่ที่เย่เฟิงออกจากเมืองเหยียนจิงไป เด็กสาวก็ไม่ได้รับโทรศัพท์ของเขาเลย เธอจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรบาง มันจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นรึเปล่านะ?

…………….

ใจกลางเขตเซี่ยงซาน ณ ห้องรับรองส่วนตัวชั้นหนึ่งของภัตตาคาร

“คนสวยทั้งหลาย สบายใจเถอะครับ”

หวังเฉ่าตงพร้อมด้วยจี้หยกรูปทรงสุนัขที่ห้อยไว้ที่คอ เอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ในตอนเช้า ผมได้จ้างคนในท้องที่กว่าสิบคนให้มองหน้าชายสวมหน้ากากแล้ว ผมเชื่อว่าไม่นานก็คงได้ข่าวว่าเขาอยู่ที่ไหน”

ในเวลานี้ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่กับสาวสวยที่น่าดึงดูดที่สุดในที่นี้ ความงดงามอันสุดยอดนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเพียงอันดับหนึ่งของเหยียนจิง แต่เธอยังเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลหลิน

หลินชื่อฉิง!

ทั้ง 4 คนจะอยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีหวังเฉ่าตง หลินชื่อฉิง เสี่ยวฉี และเสี่ยวเยวี่ยนั่งรวมกันอยู่ในห้องนี้

“พี่คะ พี่เห็นเขาแล้วทำไมไม่บอกหนูล่ะ?”

เสี่ยวฉีนั่งอยู่ใกล้กับเยวี่ยด้วยใบหน้าแง่งอน ทำให้เธอดูน่ารักยิ่งขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะหลินชื่อฉิงได้รับข้อมูลมาจากหน่วย NSA เธอคงไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ถึงแม้พี่สาวได้พบเขาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ยอมบอกอะไรเธอเลย!

“นี่ยัยฉี ผู้ชายคนนั้นมีผู้หญิงอื่นอยู่แล้ว เธอยังหน้ามืดตามัวไปตามเขาอยู่หรือไง?”

เสี่ยวเยวี่ยอารมณ์เสียจึงดุน้องสาว พร้อมกับภูเขาทั้งสองลูกใต้ชุดเดรสสีแดงที่สั่นไหวเป็นจังหวะตามอารมณ์ของเธอ

“พี่คะ!”

ใบหน้าของเสี่ยวฉีพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง “หนูตามหาเขาไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น……..เอาง่ายๆ เขาช่วยชีวิตหนูไว้ หนูก็เลยอยากตามหาเขา!”

“หวังเฉ่าตง ฉันหวังว่าคนของคุณจะค้นหาได้เร็วเหมือนที่พูดไว้ ถึงแม้วันนี้จะมืดแล้วก็เถอะ……”

หลินชื่อฉิงพูดอย่างใจเย็น ถึงแม้จะแต่งกายด้วยชุดชุดสีขาวทั่วไป แต่มันก็ยังไม่อาจปกปิดรูปลักษณ์อันโดดเด่นที่แสนงดงามได้

ความจริงแล้วหญิงสาวรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ตามข้อมูลที่หน่วย NSA ส่งมา เพราะภาพของสภาพอากาศที่ไม่ชัดเจน ถนนทุกสายที่มุ่งไปยังชายทะเลของเขตเซี่ยงซานจึงถูกปิดกั้น การไปที่นั่นเพื่อตามหาชายสวมหน้ากากจึงไม่ใช่แค่ยากลำบาก แต่มันสุดแสนจะอันตราย

ด้วยสถานะของหลินชื่อฉิง ชัดเจนว่าธันเดอร์ไม่มีทางปล่อยให้เธอออกไปเสี่ยง นอกจากนี้ หญิงสาวยังคิดว่าแค่เธอก้าวออกไปจากภัตตาคารแห่งนี้ ก็มีคนคอยจับตาดูเธอไม่ให้หนีไปไหนได้แน่นอน

“สบายใจเถอะครับ ผมจะพยายามหาจากผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น………”

หวังเฉ่าตงรับปากอย่างจริงจัง แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็พลันดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมันออกมาดูและทันทีที่เขาเห็นเบอร์โทรศัพท์ สีหน้าดีใจก็พลันปรากฏขึ้นมา “มาแล้ว พวกเราพบเขาแล้วแน่นอน!”

………………………..

แปลโดย Solar Spark