*ขอเปลี่ยนคำว่า ‘ผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน’ เป็น ‘ผู้ฝึกเซียน’ นะครับ มันสั้นดี XD

บทที่ 176 ควบคุมตัวเองหน่อยนะ

อย่างไรก็ตาม หลงหวางเอ๋อไม่ได้เชื่อคำพูดของเย่เฟิงทันที เพราะในโลกใบนี้ ทักษะที่แปลกประหลาดเช่นนั้นมันน่าเหลือเชื่อเกินไป

ทักษะที่เหมือนกับเรดาร์ที่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่รอบๆตัว นอกจากนี้ ถ้าทุกๆคนในโลเทวะเป็นผู้ฝึกเซียนกันหมด งั้นก็หมายความทักษะนี้ไม่ใช่ความลับอันใดเลยงั้นหรอ?

“ด้วยผลของทักษะนี้ ผู้ฝึกเซียนสามารถรับรู้ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวในระยะหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และมันก็เหมือนกับโล่คุ้มกันตัวเองโดยธรรมชาติ”

เย่เฟิงยิ้ม “เพราะงั้นในโลกเทวะ ทักษะนี้ไม่ใช่ทักษะพิเศษอะไร แต่บนโลกใบนี้ ตราบใดที่ใช้ทักษะนี้อยู่ ก็ยังไม่มีสิ่งใดหลุดรอดการรับรู้ของพวกเราไปได้”

ในเวลาถัดมา สุดท้ายหลงหลงหวางเอ๋อก็เชื่อในคำพูดของเย่เฟิง เพราะสามารถรับรู้ได้ถึงมันแล้ว

ด้วยที่เย่เฟิงช่วยหญิงสาวในการฝึกฝนทักษะนี้ เธอจึงสามารถบรรลุทักษะได้อย่างรวดเร็ว แม้ในทีแรกจะยังมึนงง แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหลงหวางเอ๋อก็ปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปทั่วห้องได้

หญิงสาวร้องวาวด้วยความรู้สึกทึ่ง เพราะทักษะนี้เป็นทักษะที่สุดยอดมาก

หลงหวางเอ๋อสามารถรู้สึกได้ถึงตู้เสื้อผ้า ประตูห้อง ตลอดจนสถานการณ์ทุกอย่างภายในห้อง! ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่การมองเห็น แต่ยังมีความรู้สึกที่เหมือนกับได้สัมผัสสิ่งนั้นๆด้วย

ความรู้สึกน่าทึ่งนี้ทำให้หญิงสาวหลงใหลในทักษะนี้ เธอกอดเย่เฟิงไว้อย่างมีความสุขพร้อมกับกระหน่ำจูบเขาหลายต่อหลายที

ความรู้สึกที่นุ่มละมุ่นจากร่างของหญิงสาวทำให้เย่เฟิงทนไม่ไหวอีกต่อไป และอยากจะจับกดเธอเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการอยู่อีก

เขาไม่รู้ว่าสภาพของเด็กหนุ่มสวมหน้ากากจากวังไท่จี๋เป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ เพราะถูกแทงด้วยรังสีกระบี่อัสนี เด็กคนนั้นถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีสภาพที่ไม่ดีนัก

นอกจากนั้นในคืนนี้ ปะการังราชันย์กำลังจะโตเต็มที่แล้ว เขาต้องเอามันมาให้ได้ เพราะงั้นจึงต้องเก็บแรงเอาไว้ ถ้าเขาถูกปีศาจราคะเข้าสิงแล้วทำเรื่องอย่างว่ากับหลงหวางเอ๋อ เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้ เขาต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้าย

เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นอีก 5 ปี เขาต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้!

“นี่ น้าอยู่ข้างนอก”

ขณะที่หลงหวางเอ๋อกำลังเริงร่าอยู่ในผ้าห่ม เธอก็พลันรู้สึกว่าด้านนอกประตูที่เงาของใครบางคนยืนอยู่ หญิงสาวจึงรีบกดเย่เฟิงเอาไว้

เย่เฟิงคลายแขนที่โอบร่างหญิงสาวไว้ออก พร้อมกับใช้ปลดปล่อยทักษะสัมผัสวิญญาณออกไปและพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านนอก เธอคือชูชูนั่นเอง และดูเหมือนกำลังลังเลที่จะเคาะประตูห้อง

ในเวลานี้ ชูชูอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอพบชุดเดรสยาวที่ดูสะอาดหนึ่งตัวในห้องจึงนำมาสวมใส่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เย่เฟิงเกือบจะทนไม่ได้ก็คือ ชุดมือสองตัวนั้นที่เป็นสีดำคอต่ำ ทำให้เสน่ห์ผู้หญิงที่โตเต็มวัยดูน่าดึงดูดและน่าเย้ายวน

“เฟิงน้อย หวางเอ๋อ อยู่ในห้องนี้ไหม?”

หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดชูชูก็เคาะประตูห้องและเอ่ยถาม

“คนบ้า แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?”

หลงหวางเอ๋อใช้หมัดทุบอกของชายหนุ่มเบาๆ ในเมื่อพวกเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัว แล้วแบบนี้จะไปเปิดประตูได้ยังไง?

หญิงสาวใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณสำรวจไปทั่วห้องและพบว่าที่ห้องน้ำมีชุดของเธอแขวนไว้กับชุดของเย่เฟิง พร้อมกับลูกไฟก้อนหนึ่งที่กำลังอุ่นชุดให้แห้ง แต่ชุดพวกนั้นก็ยังไม่แห้งสนิท

“ฉันไปเอง เธอพักผ่อนเถอะ”

เย่เฟิงจูบหญิงสาวอย่างรุนแรงที่ต้นคอขาว จากนั้นจึงกระโดดลุกออกจากเตียงไป

“คุณน้า อีกสักครู่นะครับ”

เย่เฟิงตะโกนบอก จากนั้นจึงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่ยังคงเปียกอยู่ จะอย่างไรเดี๋ยวเขาก็ต้องไปที่ทะเลอยู่แล้ว และก็ต้องเปียกใหม่อยู่ดี ส่วนเสื้อผ้าของหลงหวางเอ๋อนั้น ถ้าใช้ไฟอุ่นต่อไปเรื่อยๆอีกไม่นานก็คงแห้งแล้ว

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เย่เฟิงก็เปิดประตูห้องออกไปและมองเห็นชูชูที่สวมชุดเดรสสีดำคอต่ำยืนรอเงียบๆอยู่ข้างนอก

เมื่อเย่เฟิงมองดูชูชู หญิงสาวก็พลันใบหน้าขึ้นสี เพราะเธอรู้ดีว่าชุดที่สวมอยู่นี่ค่อนข้างเปิดเผยมากไปหน่อย แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเสื้อผ้าของเธอยังคงเปียกโชกอยู่ จึงต้องจำใจสวมใส่มัน

“คุณน้าเข้ามาเถอะครับ”

เย่เฟิงเอ่ยชวนชูชูเข้ามาในห้องอย่างสุภาพ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่กลับไปตระกูลหลงอีกแล้วเหมือนกับหลงหวางเอ๋อ

“ไม่ต้องสุภาพมากหรอกจ้ะ”

เมื่อเห็นเย่เฟิงที่ดูสุภาพ ชูชูจึงส่งยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี “ยังไงพวกเธอก็ยังเด็ก พยายามควบคุมตัวเองหน่อยนะ………”

ก่อนหน้านี้ เมื่อชูชูเคาะประตูห้องและยืนรออยู่ข้างนอกก่อนที่เย่เฟิงจะเปิดประตู เธอก็พอจะเดาได้จากการมองเห็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน ยังไม่นับเรื่องที่เธอมองเข้าไปในห้องและเห็นหลงหวางเอ๋อที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มราวกับไม่ได้สวมเสื้อผ้าใดๆ นี่ทำให้ชูชูมั่นใจในความคิดของเธอมากขึ้นไปอีก

เย่เฟิงมึนงงอยู่ชั่วครู่ เขาต้องควบคุมอะไรงั้นหรือ?

หรือว่าชูชูจะคิดว่าเมื่อกี้นี้ เขากำลังทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมบางอย่างกับหลงหวางเอ๋อ?

แต่มันก็ดูน่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ……….

เย่เฟิงส่ายหัวแล้วตัดสินใจไม่คิดอะไรอีก เขายิ้มอย่างคนทำอะไรไม่ถูก “คุณน้าเข้ามาพูดคุยกับเธอก่อนเถอะครับ ผมจะออกไปดูเด็กคนนั้นหน่อย”

“เอ๊ะ?”

ชูชูรู้สึกตกใจ “จริงๆแล้ว น้ามาที่นี่ก็เพื่อทำแผลให้เธอนะ……”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมสบายดี”

เย่เฟิงยิ้ม บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกรักษาให้หายดีจากแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว

“คนหนุ่มนี่เลือดร้อนตลอดเลยนะ”

ชูชูมองใบหน้าของเย่เฟิงที่ดูมีความรำคาญเล็กน้อย และคิดว่าสมัยนี้คนหนุ่มสาวไม่ค่อยถนอมร่างกายเอาเสียเลย หน้าอกของเขาถูกแทงด้วยกระบี่ของหลงหวู่เหรินอย่างแรงไม่ใช่หรอ? แล้วบาดแผลของเขาจะหายเร็วแบบนี้ได้อย่างไร?

“มาเถอะ ให้น้าคนนี้ทำให้เธอให้เรียบร้อยก่อน”

ชูชูดึงแขนของชายหนุ่มเข้าไปในห้อง

ทันใดนั้น เย่เฟิงก็พลันรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ฝ่ามือของชูชู และในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างของเธอก็ลอยมาแตะจมูกทำให้เขารู้สึกเขินและก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่สิ่งที่อยู่ต่อหน้าชายหนุ่มก็คือหน้าอกอันอวบอิ่มและร่องตรงกลางที่น่าดึงดูดใจที่อยู่ใต้ชุดเดรสสีดำคอวี

ให้ตายเถอะ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้นะ เธอไม่เชื่อว่าแผลของเขาหายแล้วงั้นหรอ?

เย่เฟิงรู้สึกเคืองใจ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าชูชูนั้นมีเจตนาดี ในเมื่อเขาไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ จึงถูกดึงเข้ามาในห้องและให้นั่งอยู่บนโซฟา

“เธอเขินอีกแล้ว พวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันแล้วนะ ทำไมเธอถึงยังดูเคอะเขินอยู่อีกล่ะ?”

ชูชูเห็นสีหน้าของเย่เฟิงก็ยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงใช้มือที่ขาวผ่องแหวกเสื้อของชายหนุ่มออกจนมองเห็นหน้าอกของเขา

เพราะกระบี่ของหลงหวู่เหริน เสื้อของเย่เฟิงจึงฉีกขาดเล็กน้อย ชูชูจึงฉีกส่วนที่เหลือออก แต่ทันทีที่เห็นหน้าอกของเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างมาปิดปาก นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

มันไม่มีแม้แต่รอยแผลอยู่บนหน้าอกของเย่เฟิง!

“น้า ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ”

หลงหวางเอ๋อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม จ้องมองสีหน้าของชูชูแล้วรู้สึกขบขันเล็กน้อย “ระดับการฝืนตัวของเขาสูงอย่างกับสัตว์ประหลาดเลยแหละ”

หลงหวางเอ๋อรู้อยู่แล้วว่าเย่เฟิงต้องใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์ในการรักษา!

“เออ….งั้นผมไปก่อนนะครับ ทั้งสองคนคุยกันไปเถอะ”

เย่เฟิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าชูชู เขาจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องพร้อมกับความรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากวิ่งออกมาแล้ว ชายหนุ่มก็อดคิดถึงร่างกายที่สุกงอมและน่าดึงดูดของชูชูไม่ได้………..

เย่เฟิงส่ายหัวและยักไหล่ให้กับความคิดนี้ ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือการตรวจเช็คร่างกายของเด็กหนุ่มที่ไร้สติ และเตรียมตัวสำหรับการแย่งชิงปะการังราชันย์ในคืนนี้

เขาเชื่อว่าปะการังราชันย์คือสมบัติสวรรค์ที่จะมอบความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ได้มากพอ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายย่อมไม่มีทางปล่อยมันไป แม้สภาพอากาศจะเลวร้ายและคลื่นสึนามิจะน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม!

……………………………….

แปลโดย Solar Spark