บทที่ 174 เกาะภูเขาน้ำแข็ง

เมื่อใกล้ยามเที่ยง กลุ่มคน 5 คนประกอบด้วยเย่เฟิงที่อุ้มหลงหวางเอ๋อไว้ ชูชู หนานฟาง และเด็กหนุ่มสวมหน้ากากที่ไร้สติ ได้เดินทางฝ่าพายุมาจนถึงหมู่บ้านทางใต้ของเขตเซี่ยงซาน

ในเวลานี้ เย่เวิ่นเทียนและหลินชื่อฉิงใกล้มาถึงแล้ว แต่เย่เฟิงนั้นกลับไม่ได้ล่วงรู้ถึงสิ่งนี้เลย

‘สถานที่นี่ห่างจากฝั่งทะเลประมาณ 10 กิโลเมตร และดูเหมือนว่าบางที พวกชาวบ้านคงได้อพยพออกไปหมดแล้ว’

ขณะก้าวเข้าไปในหมู่บ้าน เย่เฟิงรู้สึกรู้สึกว่าบรรยากาศเงียบเชียบจนน่าแปลกใจ เขาจึงใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณสำรวจไปรอบๆในรัศมี 100 เมตร มันไม่พบแม้แต่เงาของใคนสักคน

“ดูเหมือนว่าพายุลูกนี้จะผิดปกคิจริงๆ บางทีคงมีแต่หน่วย NSA ที่รู้สถานการณ์ปัจจุบันในตอนนี้”

หนานฟางเอ่ยขึ้นมา

“อืม งั้นพักกันที่นี่เถอะ”

เย่เฟิงพยักหน้า เขาใช้ทักษะสัมผัสวิญญาณอีกครั้งและพบว่ามีบ้านหลังหนึ่งที่สะอาด จากพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังนั้น

ด้วยที่ทุกคนล้วนอพยพออกไปเพื่อหนีคลื่นสินามิ พวกเขาจึงใช้โอกาสนี้เข้าไปพักในบ้านอย่างถือวิสาสะ เพราะทุกคนต้องหาที่หลบฝนและพื้นที่ที่ใช้เพื่อการรักษา

เวลานี้นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก

เย่เฟิงถูกแทงด้วยกระบี่ที่กลางหน้าอกจากเพลงกระบี่บุปผาร่วงโรยของหลงหวู่เหริน เส้นลมปราณที่กลางหน้าอกของเขาจึงเป็นอัมพาตไป ถ้าไม่รีบทำการรักษาแล้วล่ะก็ มันอาจไม่สามารถรักษาให้หายได้สมบูรณ์

ส่วนหลงหวางเอ๋อนั้น หญิงสาวพึ่งผ่านกระบวนการทำลายตันเถียนของตัวเองมา ถึงแม้ว่าจะได้รับแกนวรยุทธ์ใหม่ในร่าง และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์วิถีเซียนแล้ว แต่เธอก็ยังอยู่ในสภาพอ่อนแอและไม่รู้สึกตัว ซึ่งไม่อาจปล่อยให้ร่างกายเปียกโชกแบบนี้ต่อไปได้

และสำหรับเด็กหนุ่มสวมหน้ากากจากวังไท่จี๋นั้น ตั้งแต่ที่ต้นขาของเขาถูกแทงด้วยรังสีกระบี่อัสนีของเย่เฟิง เขาก็สิ้นสติไปในทันทีและถือว่าเป็นผู้ที่มีอาการสาหัสที่สุด ด้วยที่เด็กคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตชูชูในช่วงเวลาเป็นตายไว้ เย่เฟิงย่อมไม่ทิ้งให้เขาต้องเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียวแน่

หนานฟางนั้นเดิมทีแล้วไม่เป็นไร แต่ด้วยความพยายามที่จะสังหารหลัวเฟิง เขาจึงถูกทับด้วยซากปรักหักพังของบ้านและเกิดอาการช้ำเลือดที่บริเวณหน้าอก บาดแผลนั้นทำให้ชายหนุ่มสามารถหายใจได้เพียงช่วงสั้นๆ

คนสุดท้ายคือชูชู แต่เดิมเธอเป็นผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เมื่ออยู่ในสภาพเปียกโชกเป็นเวลานาน เธอจึงมีอาการหนาวสั่น และไออย่างต่อเนื่อง

เมื่อมาถึง พวกเขาจึงก้าวเข้าไปในบ้านเพื่อหยุดพักและหลบพายุฝน

“ทุกคน หาห้องของตัวเองแล้วพักผ่อนเถอะ”

เย่เฟิงเอ่ยต่อ “หนานฟาง นายช่วยดูแลเด็กคนนั้นที เดี๋ยวอีกสักพัก ฉันจะลงมาดูเขา”

“เดี๋ยวก่อนนะโม่จิ่วเกอ…..”

ในเวลานี้ ชูชูพลันเอ่ยปากด้วยสายตาที่ดูกังวลเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นภาระแก่คนอื่น จึงอยากจะทำประโยชน์อะไรบ้างด้วยการรักษาแผลให้แก่ทุกคน

ในตระกูลหลง ชูชูมักมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ อย่างเช่นการเตรียมสมุนไพร ผ้าพันแผล ทำการรักษา และอื่นๆ เธอจึงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องพวกนี้ไม่น้อย

“เรียกผมว่าเย่เฟิงเถอะครับ”

เย่เฟิงถอดหน้ากากออกแล้วยิ้มให้ “คุณน้า คุณดูแลตัวเองก่อนเถอะ”

ชูชูและหนานฟางเห็นชายหนุ่มถอดหน้ากากออกพร้อมกับใบหน้าที่ดูหล่อเหลาปรากฏขึ้นมา พวกเขาก็พลันรู้สึกตกใจ

เย่เฟิง!

ตอนนี้เย่เฟิงเริ่มเชื่อมั่นในตัวหนานฟางและชูชูแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวเองอีกต่อไป

“ตอนนี้ทุกๆคนพักผ่อนให้สบายเถอะ ถ้ามีอันตรายอะไร ผมจะรีบเตือนให้รู้เอง”

หลังจากกล่าวดังนั้น เขาก็หันตัวเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้านพร้อมกับหลงหวางเอ๋อที่อุ้มเอาไว้ในอก

มันมีห้องหลายห้องอยู่ในบ้านหลังนี้ พร้อมกับห้องน้ำอีกหลายห้อง แต่ห้องนอนนั้นมีเพียงไม่กี่ห้อง ไม่นาน หนานฟางและชูชูก็พบห้องของตัวเอง และพบว่ามันมีน้ำร้อนอยู่ด้วย

เย่เฟิงได้ห้องแล้วเช่นกัน เขาก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกับล็อคประตู ด้วยที่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนรักษาบาดแผลของตัวเองในทันที เขาจึงดูแลหลงหวางเอ๋อก่อนเป็นอันดับแรก

พวกเขามีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันแล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยอะไรอีก

เมื่อเก็บความคิดที่วอกแวกไว้แล้ว เย่เฟิงวางหญิงสาวลงเพื่อจะทำความสะอาดร่างกายของเธอ เขาก้าวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อมองหาผ้าขนหนู จากนั้นจึงนำมาเช็ดทำความสะอาดผิวที่ขาวดั่งหิมะของหญิงสาว สุดท้าย เขาจึงวางเธอลงบนเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้

ต่อมา เย่เฟิงถอดเสื้อผ้าที่เปียกโยนเข้าไปในเครื่องซักผ้าเพื่ออบมันให้แห้ง แล้วจึงเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อทำการรักษาบาดแผลตัวเอง

ด้วยที่การต่อสู้ทำให้เจินชี่ในร่างของเขาแห้งเหือดไปหมด ถ้าชายหนุ่มไม่ทำการฝืนคืนเจินชี่กลับมาก่อน เขาจึงไม่สามารถใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์ได้

พายุฝนยังคงโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง ข้างนอกนั้นยังคงมีผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่หนีมากจากแถบชายหาด แตไม่มีใครเลยที่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพักอยู่ในบ้านหลังนี้ ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มเย่เฟิงทั้ง 5 คนจึงยังคงพักผ่อนต่อไปพร้อมกับฝืนคืนกำลังวังชาของตัวเอง

…………….

เหนือพื้นผิวทะเลในแถบทะเลจีนตะวันออกนั้น พายุฝนยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เฮลิคอปเตอร์สองลำของกองทัพบินวนอยู่รอบพายุในระยะไกล ธันเดอร์ที่นั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำนั้น ยังคงใช้กล้องส่องทางไกลสำรวจพื้นผิวทะเลไปเรื่อยๆ

ตามรายงานของหอสังเกตการณ์พิเศษทางอุตุนิยมวิทยาพบว่า พื้นที่ในบริเวณทะเลจู่ๆก็มีสภาพอากาศที่ผิดปกติ จึงกระตุ้นความสนใจของหน่วย NSA ให้เข้ามาสำรวจ ด้วยที่หลี่เฟิงอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส หน้าที่เฝ้าระวังทั้งหมดในแถบทะเลจีนตะวันออกจึงตกเป็นของธันเดอร์ที่ทำงานประสานงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง

“หัวหน้า ทางหอสังเกตการณ์ส่งภาพล่าสุดมาให้แล้วครับ”

ถัดจากธันเดอร์ ผู้ช่วยคนหนึ่งได้ชูภาพที่เขาได้รับมาเพื่อแสดงให้ธันเดอร์ดู

ธันเดอร์รีบลดกล้องส่องทางไกลลง แล้วก้มลงมองด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมทั้งขมวดคิ้ว

มันคือแผนภูมิสภาพอากาศของที่ซึ่งห่างออกไปเพียง 20 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง ในแผนภูมินั่น มันมีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่เป็นสีขาวและส่องสว่างแปลกๆ นอกจากนี้ มันยังมีบางสิ่งที่ดูลึกลับซึ่งหลุดจากการตรวจจับของดาวเทียมทางอุตุนิยมวิทยา

“มันคืออะไรกันแน่?”

ธันเดอร์ขมวดคิ้วแน่น แล้วจึงรีบสั่งให้เฮลิคอปเตอร์เปลี่ยนทิศทาง โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีเมฆฝนฟ้าคะนอง ขณะยังคงจับตามองทิศทางและความเร็วลมอย่างต่อเนื่อง

เฮลิคอปเตอร์สองลำจากสองทิศทางมุ่งหน้าไปยังแถบสีขาวที่แสดงอยู่ในแผนภูมิสภาพอากาศ แต่เนื่องจากท้องฟ้ามีที่เมฆหนา และสภาพอากาศอันเลวร้าย การทำงานด้วยเฮลิคอปเตอร์จึงค่อนข้างเสี่ยงต่อชีวิตพวกเขา

อย่างไรก็ตาม หน่วย NSA นั้นพร้อมปฏิบัติการเสมอแม้จะต้องเผชิญหน้ากับพระเจ้าแห่งความตาย นอกจากนี้ พวกเขายังผ่านการปฏิบัติงานที่ต้องเสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย แต่ก็ไม่เคยถอย

ในเวลานี้ ไม่ใช่มีเพียงคนของหน่วย NSA เท่านั้นที่ยังคงปฏิบัติงานอยู่ใกล้กับแนวชายฝั่ง นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้งสูงซึ่งอยู่ที่นี่โดยได้รับคำสั่งให้แย่งชิงปะการังราชันย์ ขณะที่ชาวบ้านทั่วไปได้ถูกหน่วย NSA อพยพออกไปหมดแล้วเพื่อรับประกันว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่น้อยที่สุด

เฮลิคอปเตอร์สองลำบินที่บินเหนือผิวทะเล กำลังเข้าใกล้จุดหมายปลายทางแล้ว

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้พื้นที่แถบสีขาวเท่าไหร่ ความรุนแรงของเมฆฝนฟ้าคะนองก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นตาม เป็นเหตุให้เฮลิคอปเตอร์ยกาที่จะเข้าใกล้จุดหมายได้

“ข้างหน้ามีคลื่นอากาศที่ปั่นป่วน พวกเราต้องเปลี่ยนเส้นทางแล้วครับ!”

เสียงของนักบินดังขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อน เดินหน้าเข้าไปอีกนิด!”

ความจริงแล้วธันเดอร์พบกับบางสิ่งบางอย่าง เขาจึงปรับโฟกัสของกล้องส่องทางไกลประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ภาพออกมาชัดเจนแม้อยู่ห่างออกไป

ภาพที่เห็นคือ กลุ่มของเกาะภูเขาน้ำแข็งได้ปรากฏขึ้นมากลางอากาศเหนือผิวน้ำทะเลอย่างน่าเหลือเชื่อ!

ไม่ ไม่ใช่ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาในอากาศ แต่เป็นอุณหภูมิที่ต่ำอย่างสุดขั้วแปลสภาพน้ำที่อยู่ใกล้ทะเลไปเป็นก้อนน้ำแข็ง และรวมตัวกันจนเป็นกลายเป็นเกาะภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ท้องฟ้าเหนือภูเขาน้ำแข็งนี้ครอบคลุมด้วยพลังงานลึกลับที่อยู่รอบๆเกาะ บางที ขนาดของพื้นที่สีขาวยังคงขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องช้าๆเมื่อดูจากภาพของหอสังเกตการณ์

“พระเจ้า พลังอำนาจขนาดไหนกันถึงทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้?”

ธันเดอร์ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ!

“หัวหน้า หรือมันจึงเกี่ยวกับเทพธิดาแห่งทะเลจีนตะวันออกตามข่าวลือในโลกยุทธภพ?”

ผู้ช่วยของเขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับตั้งสมมติฐาน

“ถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดี”

จากนั้น ธันเดอร์จึงออกคำสั่งด้วยใบหน้าจริงจัง “นำเฮลิคอปเตอร์กลับก่อน แล้วรีบนำเรือมา เราจะเข้าไปสำรวจมัน!”

ในตอนนี้ สภาพแวดล้อมรอบๆทะเลจีนตะวันออกเริ่มคล้ายคลึงกับเกาะแห่งนี้ มันเข้าขั้นเลวร้ายมาก บางทีศูนย์กลางของมันอาจจะเป็นใต้ฝุ่นระดับ 16 หากยังคงสำรวจต่อไปในสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ มันคงมีความเสี่ยงที่เกินจะรับไหว

ไม่จำเป็นต้องถามเลยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ใช้เฮลิคอปเตอร์มุ่งหน้าเข้าไปอีก เพราะหากเกาะภูเขาน้ำแข็งแห่งนี้ขยายตัวจนเกินกว่าที่คาดไว้ ก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น

หลังจากเตรียมการพร้อมแล้ว หน่วย NSA พร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครันได้นั่งเรือสปีดโบทมาจากชายฝั่งเพื่อทำการฝ่าพายุเข้าไปยังเกาะภูเขาน้ำแข็ง……

…………………………

แปลโดย Solar Spark