บทที่ 172 กรรมตามสนอง

ถ้าหากไม่ใช่สภาพอากาศเช่นนี้ ชีพจรเทวะในร่างของหลงหวางเอ๋อคงไม่สามารถแสดงผลกระทบที่ร้ายแรงขนาดนี้เมื่อมันตื่นขึ้นมาได้

ในโลกทุกใบ พลังธรรมชาติคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด อย่าว่าแต่หลงโม่หรันเลย แม้แต่ยอดผู้ฝึกยุทธ์แห่งเซียนก็ไม่กล้าที่จะหยิบอาวุธขึ้นต่อต้านมัน

เมื่อหลงโม่หรันพยายามเข้าใกล้หลงหวางเอ๋อ เขาก็ถูกพายุเฮอริเคนดูดเข้าไปจากนั้นก็ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า ร่างในชุคคลุมสีขาวเหมือนดั่งเทียนขาวในพายุพลันถูกพัดปลิวจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ภายใต้การปกคลุมของพลังวิญญาณ พายุได้ก่อตัวขึ้นโดยมีร่างของหลงหวางเอ๋อเป็นจุดศูนย์กลาง ชุดกระโปรงยาวของหญิงสาวพัดโบกปลิวไสวไปตามสายลมทำให้ดูราวกับว่าเธอคือเทพธิดา

ถึงแม้หญิงสาวจะอยู่ในสภาพไร้สติ พลังวิญญาณก็ยังคงถูกแปรสภาพเป็นเจินชี่อยู่ภายใต้ร่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับวรยุทธ์ค่อยๆสูงขึ้น

ด้วยการระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า การปะทุหลายต่อหลายครั้งได้กระจายไปทั่วร่างของหญิงสาว มันเกิดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง จากจุดชีพจรลับที่มีอยู่ทั้งหมด 7 จุด แต่ละครั้งที่จุดชีพจรลับถูกเปิดออก มันทำให้พายุเฮอริเคนขยายวงกว้างออกไปมากขึ้น

เย่เฟิงรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่ล่วงหน้าแล้ว เขาจึงพาเด็กหนุ่มสวมหน้ากากจากวังไท่จี๋ที่ไร้สติพร้อมด้วยชูชูหนีออกไปจากหมู่บ้านเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ดูจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายก็รีบกระจัดกระจายหายไปในทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายสองคนจากสำนักหมัดเทพทวาราที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 40 ปี ไม่ได้รู้เรื่้องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นจึงรีบวิ่งออกไปนอกตัวบ้าน

เดิมที พวกเขาได้รับหน้าที่ให้คุ้มกันหลัวเฟิงที่ไร้สติอยู่ หากมีเสียงหรือเหตุการณ์เล็กๆที่เกิดขึ้นภายนอก พวกเขายอมไม่กล้าออกไปดูโดยพลการ แต่ในตอนนี้ เสียงที่เกิดจากพายุเฮอริเคนนั้นถึงกึกก้องไปทั่ว พร้อมด้วยเสียงของกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน พวกเขาทั้งคู่จึงประหลาดใจและเตรียมพร้อมอยู่ตอลดเวลา

หนึ่งในนั้นจึงตัดสินใจออกไปข้างนอกบ้านเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันทีที่ออกไป พายุเฮอริเคนที่ขยายวงกว้างขึ้นก็แทบจะปะทะกับใบหน้าอยู่ร่อมร่อ ชายคนนั้นไม่มีเวลาพอจะได้ตอบสนองอะไรก็ถูกพายุดูดเข้าไปในทันที

“อ้ากกก-”

เสียงร้องด้วยความตื่นตกใจดังลั่น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะร่างของเขาถูกพัดกระเด็นไปยังที่ใดสักแห่ง

“เกิดบ้าอะไรขึ้นว่ะ?”

ชายอีกคนได้ยินเสียงร้องตะโกนนั่นก็พลันรู้สึกหวาดกลัว เขารีบวิ่งไปยังหน้าต่างชั้นสองของตัวบ้าน และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องถึงกับตื่นตะลึงจนตัวแข็งทื่อ พายุลูกใหญ่ที่ทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้ากำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

นี่มันอะไร?!

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดพายุขึ้นมาในสภาพอากาศเช่นนี้ แต่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นมาโดยมีศูนย์กลางเป็นหมู่บ้านแห่งนี้ นี่มันจะแปลกเกินไปแล้ว!

ชายคนนั้นรีบเก็บความตื่นตระหนกแล้วมองเข้าไปยังใจกลางของพายุ เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับเป็นต้นเหตุของพายุลูกนี้

ปัง!

ขณะที่เขาอยู่ในสภาพตื่นตกใจ เสียงปืนก็ดังขึ้น

“ชิ-หายแล้ว!”

ชายคนดังกล่าวใจเต้นรัวแล้วรีบหันตัวกลับมา แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็พลันซีดเผือก

สิ่งที่เขาเห็นก็คือร่างไร้สติของหลัวเฟิงเกือบถูกย่างเป็นถ่าน และมีเลือดสดๆไหลออกมาจากขมับ ใครบางคนอาศัยโอกาสนี้ลอบเข้ามาใช้ปืนยิงเขา ทำให้หลัวเฟิงตกอยู่ในสภาพปางตายอีกครั้งหนึ่ง

ใครเป็นคนทำ!

ถ้าหลัวเฟิงตายภายใต้การคุ้มกันที่หนาแน่นแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะหนีความผิดพ้น เมื่อกลับไปยังสำนักหมัดเทพทวารา เขาก็ต้องพบกับการลงโทษอย่างแสนสาหัส

แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะทันได้ทำอะไร พายุเฮอริเคนก็ได้เคลื่อนที่เข้ามาและพัดเอาตัวบ้านให้กระจายออกไปครึ่งหลัง แรงลมที่เข้มข้นสูงได้ดูดชายคนดังกล่าวเข้าไป แม้แต่ต้นไม้ที่หยั่งรากลึกก็ไม่อาจทนต่อแรงลมนี้ได้

“อ้ากก-”

เสียงกรีดร้องของเขาดังก้องอย่างโหยหวนเหมือนดังชายคนก่อนหน้านี้ เขาถูกพายุพัดขึ้นไปบนฟ้า

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่สามารถหลบหนีไปจากหมู่บ้านได้ทัน ก็ล้วนแต่ถูกพายุดูดเข้าไปและมีสภาพไม่ต่างจากชายทั้งสองคนนั้น แม้แต่อิฐ กระเบื้องหลังคา ต้นไม้ ทราย และขยะทั้งหลายก็ถูกพายุพัดปลิวไปด้วยเช่นกัน

สายฟ้าและฟ้าฝ่ายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสภาพอากาศในบริเวณหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ธันเดอร์ หัวหน้าหน่วยNSA ได้ให้คนของเขาช่วยกันอพยพชาวบ้านในละแวกนี้ออกไปแล้ว มันถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะไม่เช่นนั้น ยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตคงมากมายจนเกินจะนับไหว

สิ่งที่เกิดขึ้นมันราวกับวันสิ้นโลกในคำทำนาย!

เมื่อเวลาผ่านไปนาน หลังจากการปะทุอย่างรุนแรงทั้ง 7 ครั้ง พายุเฮอริเคนก็ค่อยๆสงบลง เหลือทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง ในเวลานี้ หลงโม่หรันและคนของเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะเดียวกันก็มีบ้านเรือนหลายหลังที่ย่อยยับอย่างสมบูรณ์

เย่เฟิงรอคอยอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในพื้นที่ เมื่อพบร่างของหลงหวางเอ๋อ เขาก็รีบพยุงเธอขึ้นมาแล้วกอดไว้ในอ้อมอก

“หนานฟาง!”

ทันใดนั้น ทักษะสัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มก็พบร่างของหนานฟางถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้าน นี่ทำให้เขาถึงกับมึนงงไปชั่วครู่

หมอนี่ช่างมีไหวพริบจริงๆ ขณะที่สถานการณ์ในหมู่บ้านตกอยู่ในความวุ่นวาย หนานฟางได้ใช้โอกาสนี้ย่องเข้าไปในบ้านเพื่อจุดไฟสังหารหลัวเฟิง หึ มันสมควรตายแล้ว! แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาพอจะหลบหนีได้ทันจึงถูกทับอยู่ใต้ตัวบ้าน

เย่เฟิงได้ใช้เจินชี่ที่เหลืออยู่ในร่างอันน้อยนิด ควบแน่นเป็นกระบี่เจินชี่แล้วใช้มันขุดร่างของหนานฟางขึ้นมา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ถึงแม้จะมีสภาพสาหัสจนเลือดอาบเนื่องจากถูกเศษซากทับถมไว้ หนานฟางก็ยังคงหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อถูกเย่เฟิงช่วยขึ้นมา

หนานฟางรู้สึกโล่งใจ ไม่เพียงแก้แค้น แต่เขาสามารถลบสวะตัวนั้นออกไปจากตระกูลได้แล้ว!

ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสาว น้องชาย…….

ทุกคนอยู่บนนั้นสบายดีไหม?

ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ หนานฟางหัวเราะราวกับควบคุมตัวเองจากกระแสของความสุขที่เอ่อล้นออกมาไม่ได้ ถึงแม้จะมีรอยยิ้ม แก้มทั้งสองข้างก็อาบไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมา ผู้ที่จากไปแล้วก็ไม่อาจหวนคืนได้อีก ถึงแม้ชายหนุ่มจะแก้แค้นได้แล้วในวันนี้ ครอบครัวของเขาก็ไม่สามารถกลับคืนมาได้

“รีบไปกันเถอะ”

เย่เฟิงเข้าใจในความรู้สึกของหนานฟางดี แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพร่ำเพ้อในสิ่งต่างๆ เขาจึงเตะหนานฟางเพื่อให้คืนสติกลับมา “ฉันบอกให้นายอยู่ในเขตอำพรางไม่ใช่หรือไง แต่ช่างเถอะ ตอนนี้สถานการณ์ยังเลวร้าย ถ้าพวกศัตรูกลับมาที่นี่ พวกเราจะแย่เอา”

“เข้าใจแล้ว……”

หนานฟางที่คืนสติ เข้าใจในคำพูดของเย่เฟิง

ชูชูที่สวมเสื้อคลุมของเย่เฟิงอยู่ รีบวิ่งเข้ามาหาหลงหวางเอ๋อที่หมดสติ และเอ่ยถามด้วยความกังวล “เธอเป็นไงบ้าง?”

“เธอไม่เป็นอะไร”

เย่เฟิงเอ่ยเสียงนุ่มเพื่อปลอบประโลม “พวกเรารีบหาที่ซ่อนตัวกันเถอะ”

หลังจากกล่าวแบบนั้น เขามองเห็นเด็กหนุ่มสวมหน้ากากที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“เราจะพาเขาไปด้วย รีบไปกันเถอะ”

หนานฟางก้าวเข้าไปพยุงเด็กหนุ่มขึ้นมา และหันกลับมามองไปรอบๆชายหาดที่ห่างไกล ที่นั่นมีกลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่ที่วิ่งกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ เพราะพวกเขารู้ว่าต้องรีบหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว

ในสภาพอากาศที่เลวร้าย การมองเห็นของผู้คนนั้นย่ำแย่กว่าปกติหลายเท่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับทักษะสัมผัสวิญญาณของเย่เฟิง

“ชายชราเคราขาวของสำนักหมัดเทพทวารากำลังกลับมาแล้ว”

ใจของเย่เฟิงหนาวสั่น เขารีบอุ้มหลงหวางเอ๋อขึ้นมาและพาเธอพร้อมกับคนที่เหลือไปจากหมู่บ้านนี้อย่างรวดเร็ว

……..

ในตอนนี้ หมัดเทพหนานเต่า ฉีเสี่ยวหยูเต็มไปด้วยเกรี้ยวกราด

ชายชราออกไปเพื่อตามหาตัวชายสวมหน้ากาก แต่ก็ไม่พบร่องรอยอันใด แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร? ด้วยพรสวรรค์ที่หลัวเฟิงมี แต่กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หากเขาไม่ได้แก้แค้นมัน แล้วศักดิ์ศรีของสำนักหมัดเทพทวาราจะยังมีอยู่อีกหรือ!

ในที่สุด ฉีเสี่ยวหยูก็นำกลุ่มคนกลับมาที่หมู่บ้าน แต่แม้จะอยู่ห่างออกไป เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ในหมู่บ้านมีบางสิ่งผิดปกติแล้ว

เมื่อมาถึง พวกเขาที่มองเห็นบ้านเรือนกระจัดกระจายก็ทำได้แต่อ้าปากค้าง ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ตู้ม

ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งพลันร่วงลงมาจากฟ้าและตกอยู่ตรงหน้าฉีเสี่ยวหยู

ทันทีที่ฉีเสี่ยวหยูก้มหน้าลง เส้นเลือดที่หน้าผากก็พลันปูดโปน นี่มันคือหลัวเฟิง! นอกจากนี้ ที่ขมับของหลัวเฟิงยังมีรูเหมือนถูกยิงด้วยปืน ทั้งหมดนี่มันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาสั่งให้คนสองคนคอยคุ้มกันไว้หรือไง แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?

เสียงฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และพายุฝนโดยรอบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้คลื่นทะเลที่แสนรุนแรงก็ดูจะอันตรายยิ่งขึ้นไปอีก

บางที ด้วยผลของพายุเฮอริเคน ในที่สุด คลื่นสึนามิที่สูงกว่า 10 เมตรก็ได้เข้าปะทะชายฝั่งของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แล้วเขมือบทุกสิ่งเข้าไป

…………………..

แปลโดย Solar Spark