บทที่ 168 พลังจากสายฟ้า!

ในที่สุดหลงโม่หรันก็ปรากฏตัว

เย่เฟิงกัดฟันแล้วค่อยๆยืนขึ้นโดยมีหลงหวางเอ๋อคอยพยุง จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลังคาบ้านหลังหนึ่งที่มีเงาทั้งสามร่างปรากฏอยู่

หลงโม่หรัน หลงจื่อ และหลงชิง

เย่เฟิงไม่คิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการรีบร้อนเพื่อสังหารหลงหวู่หรัน ในตอนนี้ สถานการณ์เข้าขั้นเลวร้ายแล้ว ถ้าต้องการหลบหนีไป ความเร็วของเขาย่อมเทียบกับหลงโม่หรันไม่ได้แน่

“แกสังหารสมาชิกตระกูลฉัน รอดูได้เลยว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง อย่าคิดว่าแกจะมีชีวิตรอดไปได้อีก!”

สีหน้าของหลงโม่หรันแสดงออกถึงความโกรธเกรี้ยวขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างกัน นอกจากนี้ ในมือข้างหนึ่งได้กุมกระบี่เล่มที่เขามักแขวนไว้ข้างเอวไว้แล้ว

นอกจากหลงโม่หรัน ก็มีหลงชิงยืนอยู่ด้วยท่าทีไม่แยแส สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว แต่สำหรับหลงจื่อนั้น คิ้วของเขาขมวดแน่นเมื่อมองไปยังเย่เฟิงราวกับกำลังขบคิดบางอย่างในใจ

เย่เฟิงพลันโบกมือเบาๆส่งผลให้ผลของทักษะอำพรางหายไปขณะยังคงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้อยู่ ในที่สุดตอนนี้ รูปลักษณ์จริงของเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อที่สวมหน้ากากไว้ก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าทุกคนในบริเวณนี้

“นั่นมัน หวางเอ๋อ?”

เดิมที หลงชิงที่ไม่ได้รู้สึกสนใจสิ่งใดที่นี่เลยก็พลันตื่นตระหนก ภายใต้ผลของทักษะอำพราง เขาไม่อาจจดจำหลงหวางเอ๋อได้เลย แต่เมื่อทั้งสองคนกลับสู่รูปลักษณ์เช่นเดิม แม้จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ ไม่ว่าใครในตระกูลหลงก็ล้วนจดจำหญิงสาวได้

“บัดซบ”

เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของหลงโม่หรันพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน ลูกสาวของเขาร่วมมือกับคนนอกสังหารคนในตระกูลหลง สิ่งนี้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด

สำหรับหลงหวู่เหรินนั้น ถึงแม้จะเป็นคนที่มีความสำคัญน้อยในกองกำลังของตระกูล แต่ก็ถือว่าเป็นสะพานที่ใช้เชื่อมระหว่างตระกูลหลงกับโลกสังคมเมือง ชายร่างอ้วนคนนี้เป็นผู้นำเงินเข้าสู่ตระกูล และยังมีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลมากมายอีกด้วย เงินทุนมากมายของตระกูลหลงก็ล้วนแล้วแต่มีหลงหวู่เหรินเป็นผู้จัดการ

แต่ชายร่างอ้วนกลับมาตายอย่างอนาถแบบนี้ หลงโม่หรันจะยอมรับได้งั้นหรือ? ต่อให้สังหารเย่เฟิงไปซะในวันนี้ มันก็ยังยากที่จะลบความโมโหที่อยู่ในใจออกไปได้!

“ฉันจะขวางเขาเอง นายรีบหนีไปเร็ว”

ใจของหลงหวางเอ๋อตื่นกลัวเมื่อเห็นเย่เฟิงถูกหลงโม่หรันจับได้คาหนังคาเขา พ่อของเธอต้องสังหารเขาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าเธอสามารถถ่วงเวลาไว้ได้สักเล็กน้อย ชายหนุ่มก็ยังมีโอกาสที่จะรอดชีวิต

ต่อให้ต้องตายในเงื้อมมือของหลงโม่หรัน เธอก็จะไม่เสียใจเลยสักนิด ขอแค่เย่เฟิงยังมีชีวิตต่อไป แล้วจดจำเธอไว้……….

“อย่ามาพูดบ้าๆ ฉันจะไม่ทิ้งเธอ”

สายฟ้าได้ผ่าลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับพายุฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำ เย่เฟิงที่สวมหน้ากากพร้อมกับฉากหลังเช่นนี้ ทำให้เขาดูน่ากลัวราวกับภูติผี แต่น่าเสียดายที่กระบี่ครึ่งด้ามยังคงปักอยู่ที่อกของชายหนุ่ม พร้อมกับเสื้อที่ชุมไปด้วยเลือดสีแดง สองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบาดแผลของเขานั้นเข้าขั้นร้ายแรงอย่างมาก

เนื่องจากท่วงท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่พร่ำเพ้อที่หลงหวู่เหรินใช้ “กระบี่บุบผาล่วงโรย” เส้นลมปราณบริเวณอกของเย่เฟิงจึงถูกเจาะทะลวงอย่างสาหัส และเขายังไม่สามารถรักษามันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ฉึก!

เย่เฟิงใช้มือดึงกระบี่ครึ่งด้ามที่ปักอยู่ที่หน้าอกออก ทำให้เลือดสาดกระจายไปบนพื้น ชายหนุ่มยกขาข้างหนึ่ง ก่อนจะเหยียบลงบนศรีษะของหลงหวู่เหรินอย่างแรงจนมันจมลงในพื้นทราย จากนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลงโม่หรันที่ยืนอยู่บนหลังคา

สภาพอากาศเลวร้ายขึ้นและมากขึ้นไปอีก ฟ้าแลบและเสียงฟ้าร้องทำให้หัวใจของชายหนุ่มเตรียมพร้อมราวกับเขารับรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี

ชิง!

เย่เฟิงชูมือขึ้นพร้อมกับกระบี่สีทองที่ปรากฏขึ้นมา เขาชี้ไปยังหลงโม่หรันก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ให้ผมได้โจมตีท่าหนึ่ง หากคุณรับมันไว้ได้ ผมจะยอมจำนนโดยไม่ขัดขืนใดๆ!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

หลงโม่หรันเหมือนได้ยินเรื่องตลกที่แสนจะไร้สาระ มันทำให้เขาหัวเราะเสียงดังลั่น “ถึงตอนนี้แล้วแกยังมีหน้ามาตั้งเงื่อนไขกับฉันอีกหรือไง? แต่ก็ช่างเถอะ หากมันเป็นคำขอสุดท้ายก่อนที่แกจะตาย ฉันก็จะสนองให้เอง”

ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ชายวัยกลางคนจึงมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก อย่าว่าแต่ท่าหนึ่งเลย ต่อให้โจมตีมาเป็นสิบท่า ชายสวมหน้ากากนั่นก็ไม่มีทางทำให้เขาระคายเคืองได้แม้แต่น้อย

ด้วยพรสวรรค์ที่เขามีในตอนนี้ ต่อให้เป็นฉีเสี่ยวหยูที่มีระดับวรยุทธ์ถึง 80 ปี ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวได้ แล้วกับอีแค่เด็กหนุ่มสวมหน้ากากคนหนึ่ง มันจะทำอะไรเขาได้?

ในวันนี้ หลงโม่หรันมั่นใจแล้วว่าชายสวมหน้ากากไม่มีทางหนีรอดไปได้อีก การที่ทำให้มันต้องขายหน้าก่อนตายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว!

“นายรีบหนีไปเร็ว!”

หลงหวางเอ๋อที่เห็นเย่เฟิงในสภาพนี้ ก็รู้สึกกังวลและร้อนใจจนเกินจะทนไหว

“ไม่! หวางเอ๋อ เชื่อฉัน!”

ประกายตาเย็นเยียบพลันปรากฏขึ้นมาในดวงตาของชายหนุ่ม เขาผลักหญิงสาวออกไปอีกด้านหนึ่งเบาๆ จะนั้นจึงหันไปเผชิญหน้ากับหลงโม่หรัน

ภายใต้ฝนฟ้าคะนองและท้องฟ้าที่ร้องคำราม การเผชิญหน้าของพวกเขาทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่แทบจะลืมหายใจ!

ในเวลานี้ เย่เฟิงรู้สึกถึงอุณหภูมิ สายฝน ฟ้าแลบ และฟ้าร้อง สิ่งเหล่านี้ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในโลกเทวะ ในสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ มีผู้ฝึกวรยุทธ์วิถีเซียนมากมายสามารถสำเร็จทักษะเซียนในระดับที่สูงขึ้นได้!

‘ถ้าเราใช้รังสีกระบี่ชี่ขั้นแรก อำนาจการทะลุทะลวงของมันจะสูงกว่าการฟันปกติถึงสิบเท่า แต่ถ้ารวบรวมเอาพลังธรรมชาติมาใช้จนบรรลุขึ้นเป็นขั้นที่สอง พลังของมันจะสูงขึ้นเป็นร้อยเท่า!’

ลาวาที่เร่าร้อน! น้ำแข็งที่เย็นเยือก! พายุที่โหมกระหน่ำ! สายฟ้าที่ร้องคำราม!

พลังธรรมชาติทั้งปวงจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน!

เคราะห์ดีที่พายุฝนเกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเขาใช้กระบี่ชี่ที่หลอมรวมพลังธรรมชาติเข้าด้วยกัน การเอาชนะหลงโม่หรันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ชิง!

กระบี่สีทองชี้ไปยังหลงโม่หรันอีกครั้ง ขณะที่ทั้งคู่ยืนเผชิญหน้ากันในระยะห่างเกือบ 10 เมตร

ทันใดนั้น สายฟ้าก็ผ่าลงมาใส่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ แต่เย่เฟิงยังคงยืนนิ่งโดยไม่สนใจต่อสิ่งใด แม้ทั่วร่างจะเปียกชุ่มไปด้วยสายฝน ที่อีกด้านหนึ่ง หลงหวางเอ๋อกุมมือทั้งสองข้างไว้แน่นด้วยความกังวลอย่างถึงที่สุด

ถ้าเย่เฟิงเกิดตายขึ้นมา แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป?

ผู้มีพรสวรรค์สองคนได้มาเผชิญหน้ากันในเย็นวันนี้ โดยที่การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตาย

หลงหวางเอ๋อยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา หยาดน้ำตาผสมกับหยดน้ำฝนไหลรินลงมาที่แก้มทั้งสองข้าง อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่ได้คิดจะเข้าไปห้ามเย่เฟิง ลึกเข้าไปในจิตใจ เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวเขาว่าจะสามารถเอาชนะหลงโม่หรันได้ ถึงแม้ความเป็นไปได้จะต่ำมากแค่ไหนก็ตาม……….

หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้แวดล้อมไปด้วยฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน พวกเขาจับจ้องมายังเย่เฟิงและหลงโม่หรันด้วยสายตาที่แทบจะไม่กระพริบ คนแทบทั้งหมดต่างรู้สึกดายที่ชายหนุ่มสวมหน้ากากคนนี้ คนที่สามารถสังหารหลงหวู่เหรินได้อย่างง่ายดาย จะต้องมาถึงจุดจบเพราะความหุนหันพลันแล่นของตัวเองในวันนี้

ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถสังหารหลงโม่หรันได้!

เพราะในปัจจุบันนี้ ที่แถบทะเลจีนตะวันออก อาจกล่าวได้ว่าหลงโม่หรันคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีใครกล้าเล็งกระบี่ไปที่เขา ถ้าเกิดชายสวมหน้ากากสามารถสร้างบาดแผลให้ชายวัยกลางคนได้ เขาจะไม่เสียหน้าต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่นี่หรือไง?

ในเวลานี้ เด็กหนุ่มจากวังไท๋จี๋ที่ถูกเย่เฟิงช่วยไว้ เขาจ้องมองสถานการณ์ในตอนนี้พร้อมทั้งลอบกัดฟัน

ส่วนหญิงงามที่ทรงเสน่ห์อย่างชูชูที่ยืนอยู่ใต้ชายคาบ้าน ปรากฏร่องรอยของความกังวลขึ้นบนใบหน้าสวย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังเย่เฟิงอย่างแน่นิ่ง ในสถานการณ์ตอนนี้ ผู้หญิงอ่อนแอที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์อย่างเธอ ไม่มีความสามารถจะช่วยพลิกสถานการณ์ตอนนี้ได้เลย

แต่ชูชูก็ยังคงหวังว่าเย่เฟิงจะสามารถสังหารหลงโม่หรันได้ แล้วหลังจากนั้น เธอและหลงหวางเอ๋อจะได้เป็นอิสระจากตระกูลหลง แต่ถึงอย่างนั้น ความเป็นไปได้ก็มีต่ำจนแทบจะเป็นศูนย์…….

ฟุบ!

ทันใดนั้น ร่างของเย่เฟิงเริ่มเคลื่อนไหว ชุดสีดำของเขาโบกสะบัดไปในอากาศพร้อมกับหยดน้ำที่กระจายออกไปเล็กน้อย ในทันที ชายหนุ่มกวัดแกว่งกระบี่สีทองกลางอากาศ ก่อร่างขึ้นเป็นรังสีกระบี่ชี่สีน้ำเงินรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

เปรี้ยง!

เจินชี่ได้ดึงดูดสายฟ้าให้ผ่าลงมาจากท้องฟ้า เข้าหลอมรวมกับรังสีกระบี่ชี่ ในตอนนี้ หมู่บ้านเล็กๆพลันสว่างจ้าด้วยประกายแสงที่ราวกับส่องสว่างมาจากดวงตะวัน

แสงสว่างที่เข้มข้นทำให้ผู้คนโดยรอบ รวมทั้งหลงโม่หรันและเย่เฟิงต้องหลับตาไว้

ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนถูกกลืนกินไปด้วยแสงสว่างที่ดูราวกับจะไร้สุดสิ้นสุด!

……………………

แปลโดย Solar Spark