บทที่ 168: บททดสอบ (3)

 

 

 

แมคคิลรู้สึกสิ้นหวังเมื่อเธอมองไปรอบๆ

ในเมื่อพวกเธอได้แตกแยกกันนานแล้ว

“บ้าเอ้ย! เราต้องรีบฆ่ามัน!”

“ไอ้เวรนี่! แกอยากจะให้พวกเราทำอะไรกัน!”

“แกคิดเหรอว่าพวกเราก็อยากจะตาย?”

ทางแยกของตัวเลือกที่มีชีวิตของพวกเขาเป็นเดิมพัน

และผู้คนที่แตกแยกกันอย่างสมบูรณ์หลังจากที่ยืนอยู่ด้านหน้าทางแยกนี้

แต่นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจน

ในเมื่อถนนสีเขียวที่พวกเขาวาดหวังเอาไว้สูงเป็นเพียงแค่เส้นทางไปสู่การทำลายล้างตนเอง

และจากคำพูดของหมอนั่น มันมีทางเดียวที่พวกเขาจะมีชีวิตรอด

การทรยศมนุษย์และเข้าข้างมัน

แมคคิลกัดฟันกรอด

พวกเธอเอาชนะไม่ได้

ความแตกต่างระหว่างพวกเขาและเผ่าพันธุ์ชั้นสูง อารูคอน มันมากมายเกินไป

และพวกเธอไม่แม้แต่รู้ถึงกองกำลังของพวกนั้นแม้แต่น้อย

พวกเอไม่อาจกระทั่งจัดการกับดาคิดัสที่มาตรวจสอบหมู่บ้านในทุกๆ สองสามเดือนได้

แต่ฆ่าดาคิดัสที่นี่และติดตามฮันซูไป?

อารูคอนจะไม่มีวันให้อภัยพวกเธออย่างแน่นอน

พวกมันจะเหยียบย่ำพวกเธอจนโงหัวไม่ขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่าง

การตัดสินใจว่าฝ่ายไหนที่มีโอกาสรอดชีวิตสูงมันง่ายมากสำหรับพวกเขา

มันก็แค่ตัวเลือกในการตายอย่างกล้าหาญหรือว่ามีชีวิตอยู่อย่างสุนัข

‘ฮันซู นายคิดอะไรอยู่…’

แมคคิลมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้างุนงง

กร๊าซซซซซซ!

ตูมมมม!

ในขณะที่ทุกคนกำลังแตกแยก

เคร้งงง!

พลั่ก!

การต่อสู้ได้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ฮันซู เอคิดู และคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งยังคงต่อสู้กับดาคิดัสอยู่

อืม พวกเธอมองไม่เห็นการต่อสู้นั่น แต่พวกเธอได้ยินมัน

ในเมื่อดาคิดัสและเหล่าคนที่แข็งแกร่งที่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ได้ออกห่างจากที่แห่งนี้ไปนานแล้ว

มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ถ้าพวกเธอล้อมพวกเขาเอาไว้ แต่การช่วยเหลือของพวกเธอได้หยุดลงเพราะความขัดแย้งภายในของพวกเธอ

ดาคิดัสใช้สิ่งนี้และออกห่างจากผู้คนที่ล้อมรอบมันไปพร้อมๆ กับพวกฮันซูและคนอื่นๆ นานแล้ว

‘บ้าเอ้ย… เราต้องรีบตามไป’

เหล่าผู้ที่สามารถไปได้ก็ต้องไล่ตามไปเป็นอย่างน้อย

ในตอนนั้นเอง

หนึ่งในคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง

“พวกแกทุกคนจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! ทุกคนหยุด!”

‘ไอ้สารเลวเสียสตินี่…’

กับการที่พวกนั้นขัดขวางทุกคนแทนที่จะแค่ทำตัวเป็นกลาง

บทสนทนาแบบไหนกันที่มันทำให้ผลลัพธ์กลายเป็นแบบนี้ไป?

แมคคิลแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

 

 

 

 

‘สมบูรณ์แบบ ฮี่ฮี่ฮี่’

ตูมมมม!

ตูมม!

ดาคิดัสหัวเราะใส่หอกของฮันซูที่พุ่งเข้ามา

แน่นอนว่าดาคิดัสไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายหรืออะไรแบบนั้น

ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บยับเยิน และการโจมตีที่พุ่งเข้ามาหาเขาก็ยังคงโหดเหี้ยม

แต่มันไม่มีอะไรให้กังวล

ตราบเท่าที่การโจมตีที่พวกที่อ่อนแอหยุดลง เวลาก็ได้อยู่ฝ่ายเขาแล้ว

แสงสีฟ้าที่เทลงมาจากท้องฟ้ากำลังส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ป้อมปราการดาวเทียมกำลังแพร่พลังงานปริมาณมหาศาลที่ไม่อาจเทียบกับคนคนหนึ่งออกมาได้

นั่นหมายความว่าอัททิลลานกำลังเอาชนะหยกผนึกและฟื้นฟูพลังแต่เดิมของมัน

มงกุฎบนศีรษะของเขาได้เริ่มส่องประกายขึ้นอีกเล็กน้อยและเริ่มที่จะกระตุ้นการทำงานระบบวิเคราะห์ภายในของอัททิลลานขึ้นอีกครั้ง

มันได้เริ่มขึ้นจากระบบลอยตัวและคืบคลานขึ้นไปเรื่อยๆ

มานาในร่างของเขายังไม่เคลื่อนไหว แต่มันสำคัญตรงไหน?

ในเมื่อความแข็งแกร่งส่วนมากของเขามาจากอัททิลลาน

ทันทีที่เครื่องยนต์มานาของอัททิลลานทำงานขึ้นอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ระบบการโจมตีก็จะกลับมาใช้งานได้ และทุกอย่างจะจบลง

‘ตอนนั้น… ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด’

ดาคิดัสกัดฟันกรอด

ทั่วทั้งร่างของเขาเจ็บปวดรวดร้าว

แม้แต่ตอนที่เขาสู้กับพวกนักปราชญ์ในอดีต เขาก็ยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้

เขาจะย้อนคืนความเจ็บปวดและโกรธแค้นทั้งหมดนี้กลับไปที่พวกมัน

‘เมทิรอน… เขาคงจะบ่นอะไรนิดหน่อย แต่… เขาคงจะเข้าใจ’

ดาคิดัสกัดฟันกรอดหลังจากที่คิดถึงผู้นำของพื้นที่มนุษย์ที่คลีไมนไทล์ได้ทิ้งเอาไว้

เขาสัญญาว่าจะปล่อยให้คนที่อยู่ข้างเขามีชีวิตรอด แต่ยิ่งเขาสู้มากแค่ไหน เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น

จะยังไงมันก็มีหมู่บ้านเยอะแยะ

มันไม่สำคัญมากขนาดนั้นแม้ว่าเขาจะฆ่าพวกมันทั้งหมด

ดาคิดัสรวบรวมความโกรธทั้งหมดของเขาและฟาดมันลงไปยังฮันซูที่อยู่ด้านหน้าเขา

ถ้าเขาพยายามขึ้นอีกหน่อย งั้นเขาก็อาจจะฆ่าเจ้าพวกนี้ทั้งหมดได้

แต่มันมีความเสี่ยงมากเกินไปและไม่ได้สนุกขนาดนั้น

‘ชิ มันไม่ง่ายขนาดนั้นสินะ’

ดาคิดัสกัดฟันกรอดขณะที่เขาเห็นฮันซูที่แทงดาบเข้าไปในสีข้างของเขาขณะที่รับการโจมตีของเขาเข้าไปและตะโกนใส่ฮันซูหลังจากที่อีกฝ่ายถอยหลังไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทุกคนกำลังจะตายกันหมดเพราะแก! ฉันไม่รู้หรอกว่าแกเริ่มเรื่องทั้งหมดนี่ทำไม แต่… ตอนนี้แกไม่รู้สึกเสียใจสักหน่อยเหรอ?”

ดาคิดัสแย้มยิ้ม

“ถ้าแกยอมแพ้ตอนนี้ อย่างน้อยฉันก็จะยกโทษให้แก ฉันกำลังพูดเรื่องนี้กับแกด้วยนะ เอคิดู ทำไมแกถึงคิดว่าพวกนั้นไม่ตามแกมาล่ะ? มันเป็นเพราะว่าแกมันไม่มีความน่าเชื่อถือ พวกมันเห็นว่าฝ่ายไหนจะชนะ ซึ่งหมายความว่าแกกำลังจะทำให้พวกนั้นทั้งหมดตาย!”

ในตอนนั้นเอง

ตูมมมมม!

“อ๊ากกก!”

ดาคิดัสโดนโจมตีอย่างรุนแรงในขณะที่เขากำลังพูดและกระเด็นออกไป

ฮันซูที่ฟาดท้องดาคิดัสโยนค้อนที่หักลงทิ้งไปก่อนจะพึมพำ

“อืม แกก็เห็น การตัดสินของแกมันค่อนข้างจะเร็วไปหน่อย ว่าใครจะชนะ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่”

ดาคิดัสหัวเราะ

ฮันซูมีความมุ่งมั่นดี แต่เขาไม่มีความแข็งแกร่งที่จะรองรับมัน

มันก็เหมือนกับขยะ

หมอนั่นจะทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้?

และกระทั่งอัททิลลานก็เตรียมการทำงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ระบบวิเคราะห์ภายในฟื้นฟูและเริ่มที่จะแสดงให้เห็นภายในของอัททิลลาน

ในตอนนั้นเอง

‘หือ?’

ดาคิดัสขมวดคิ้วขณะที่เขาอ่านข้อมูลที่ไหลมายังเขาผ่านมงกุฎบนศีรษะ

บางอย่างได้รุกรานเข้าไปในป้อมปราการดาวเทียม อัททิลลาน

สิ่งมีชีวิตที่คล้ายสัตว์อสูรกำลังวิ่งผ่านส่วนในของป้อมปราการดาวเทียมไป

‘…มันไม่ใช่สัตว์อสูรทั่วไป’

แม้ว่าม่านมานาจะหายไป โครงสร้างภายในของอัททิลลานก็ยังคงซับซ้อนอย่างมาก

แต่สัตว์อสูรที่รุกรานเข้าไปนี้กำลังวิ่งผ่านด้านในของอัททิลลานและมุ่งหน้าตรงไปยังบางแห่ง

สัตว์อสูรธรรมดาไม่อาจทำเช่นนี้ได้

“แกทำบางอย่าง”

มันชัดเจนว่าสัตว์อสูรนั้นมุ่งหน้าไปที่ไหน

เครื่องยนต์มานา

โครงสร้างพื้นฐานของอัททิลลานที่จะทำงานด้วยมานา

เครื่องยนต์มานาคือสิ่งที่ทำให้ป้อมปราการดาวเทียมเคลื่อนไหวและโจมตีได้

แต่อาคิดัสทำเพียงแค่หัวเราะใส่ฮันซู

“อะไรน่ะ? แกจะทำลายมันหรืออะไรแบบนั้นรึไง?”

การรู้เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่มันเป็นไปไม่ได้ในการทำลายมัน

พวกเขาจะปล่อยโครงสร้างที่สำคัญที่สุดไว้โดยไม่มีการป้องกันใดๆ ได้อย่างไร?

มานาคริสตัลได้ถูกป้องกันโดยกำแพงโลหะสามชั้น

ตำแหน่งพิเศษที่ถูกป้องกันไว้ดีกว่าห้องควบคุมเสียอีก

‘คาลีคราวน์งั้นเหรอ เขากล้าดียังไงเอาไอ้ตัวแบบนั้น…’

แม้ว่าจะไม่มีมานา ถ้าสิ่งนั้นพยายามจะทะลวงผ่านชั้นโลหะสามชั้น มันก็คงต้องใช้เวลาชั่วนิรันด์

มันไม่ได้ดูเหมือนคาลีคราวน์ทั่วไป

แต่ผลลัพธ์ก็จะยังคงเหมือนเดิม

เครื่องยนต์นั่นจะทำงานก่อนที่หมอนั่นจะสามารถทำลายมันได้

แล้วเขาก็จะได้พลังของเขากลับคืนมา

‘เขาเชื่อในไอ้นั่นเนี่ยนะ?’

ในตอนที่ดาคิดัสกำลังจะเหยียดรอยยิ้มใส่ฮันซู

กรรรรร

เสือดาวสีดำที่ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ คาลีคราวน์ เริ่มที่จะสร้างความวุ่นวายขึ้น

ราวกับบางอย่างที่ควบคุมมันได้หายไป

ในเวลาเดียวกัน

วูบบบบ

บางอย่างเริ่มที่จะแทรกซึมผ่านกำแพงไป

ผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างกำแพง ผ่านสายมานาที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ด้านนอกหรือช่องเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมเครื่องยนต์มานา

เมฆสีดำเริ่มที่จะแทรกซึมเข้าไปและเริ่มยึดครองแกนกลางของเครื่องยนต์มานา

ดาคิดัสไม่อาจทนได้อีกต่อไป

“ฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่า! มันจะทำอะไรได้? มันจะกินป้อมปราการดาวเทียมหรืออะไรแบบนั้นรึไง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ดาคิดัสกระทั่งหยุดสู้ขณะที่เขาหัวเราะเสียงดัง

บาดแผลเปิดออกและความเจ็บปวดมากขึ้น ทว่าเขาไม่อาจหยุดหัวเราะได้

มันไม่มีเหตุผลเลยที่ว่าฮันซูพยายามจะยึดครองป้อมปราการดาวเทียมด้วยแค่ของแบบนั้น

สถานที่แห่งนี้ ที่มีอำนาจในการควบคุมอัททิลลานทั้งหมดมีระบบบปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมด 27 ระบบอยู่ภายใน และแต่ล่ะระบบล้วนถูกป้องกันโดยระบบป้องกัน 12 ชั้น

มันถูกสร้างขึ้นในการที่จะต้องยึดครองพวกมันทั้ง 27 ระบบเพื่อที่จะควบคุมอัททิลลาน

นี่มันไม่ใกล้เคียงคำว่าพอเลยแม้แต่น้อย

“อย่ากังวลเลย แค่อันเดียวก็เกินกว่าพอแล้ว”

“อะไรนะ?”

ดาคิดัสขมวดคิ้ว

จากนั้นเขาจึงตรวจสอบว่าระบบใดที่เมฆดำกำลังกัดกินอยู่

‘… ตัวส่งถ่ายพลังงาน?’

ตำแหน่งที่เมฆดำเริ่มยึดครองไม่ใช่ตำแหน่งที่มีหน้าที่ในการควบคุมป้อมปราการดาวเทียม

แต่มันคือตำแหน่งที่มอบบาเรียสีฟ้ารอบร่างกายของเขา

ดาคิดัสเค้นเสียงขณะที่เขาเห็นพลังงานไหลไปยังตำแหน่งที่รับผิดชอบการมอบพลังให้กับผู้ใช้ป้อมปราการดาวเทียม

‘เขาไปยึดส่วนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดงั้นเหรอ’

ใครบางคนที่ไม่มีอำนาจก็ไม่อาจใช้พลังของเสี้ยวนั้นไดอยู่ดี

มันเป็นไปไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีมงกุฎบนศีรษะของเขา

แต่เพื่อที่จะได้รับการถ่ายทอดพลังงาน เขาต้องการตัวรับพลังงาน

ในตอนนั้นเอง

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นขณะที่เขาหยิบบางอย่างออกมา

“แกก็เห็น ฉันเก็บบางอย่างที่น่าสนใจมาในระหว่างทาง”

ดาคิดัสขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นว่ามันคืออะไร

“นั่นมัน…”

หยกฟ้า

ของเล่นที่เขามอบให้พวกสุนัขล่าเนื้อ

ไม่สิ มันไม่ใช่หยกฟ้า

ในเมื่อหยกฟ้าไม่อาจถกย้อมเป็นสีดำได้

ฮันซูที่กำอัญมณีสีดำอยู่หัวเราะขณะที่เอ่ยขึ้น

ป้อมปราการดาวเทียมไม่ใช่เป้าหมายของเขาตั้งแต่แรก

ในเมื่อการที่จะยึดครองมันทั้งหมด เมฆดำไมได้มีปริมาณที่ใกล้เคียงกับคำว่าพอเลยแม้แต่น้อย

‘ฉันค่อยๆ ทำมันไปได้’

แต่แค่นี้ก็เกินกว่าคำว่าพอแล้ว

จากนั้น

ตูมมมมมมม!

หยกดำได้เริ่มที่จะเปลี่ยนถ่ายพลังงานที่ได้รับมาจากเครื่องยนต์มานาส่วนที่ที่ถูกปนเปื้อนอย่างรุนแรง

อย่างดุดันสุดๆ

ครืนนนนนน

ข้อมูลทั้งหมดที่ถูกส่งไปยังดาคิดัสถูกตัดออก

และในเวลาเดียวกัน อัททิลลานที่เริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ ก็ได้ตกลงมาอีกครั้ง

เมื่อเครื่องยนต์มานาที่ถูกปนเปื้อนได้ถูกบีบบังคับให้ถ่ายเทมานา ส่วนอื่นๆ ที่เพิ่งจะเริ่มกลับมาทำงานจึงสูญเสียมานาของพวกมันไป

ตูมมมมมม!

หยกผนึกที่ต้องการจะปิดกั้นหยกดำที่กำลังแพร่พลังงานออกมาเริ่มที่จะเข้าปะทะอย่างรุนแรง

และผลคือหยกดำชนะ

มันเป็นไปไม่ได้ในการที่จะหยุดมานาที่ราวกับภูเขาไฟระเบิดที่ออกมาจากหยกดำได้ด้วยหยกผนึก

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง มันก็คือมานาที่ทำให้ปราสาทยักษ์นั่นลอยอยู่

มานาปริมาณมหาศาลที่ให้ความรู้สึกเหมือนจะหลอมละลายร่างของเขาลงได้ล้อมรอบร่างของฮันซูเอาไว้

และในระหว่างนั้นที่ไม่มีใครสามารถใช้มานาได้ มานาที่ออกมาจากร่างของฮันซูได้โดดเด่นยิ่งนัก

และดาคิดัสตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ได้ยังไง…”

กระทั่งเขายังไม่อาจควบคุมป้อมปราการดาวเทียมด้วยทักษะแบบนั้นได้

ในเมื่อถ้าเขาทำได้ งั้นเขาคงจะส่งพลังทั้งหมดไปยังมงกุฎบนศีรษะของเขาแล้ว

การถ่ายเทพลังงานคือระบบส่วนสุดท้าย

แต่กับการที่หมอนั่นปลดล็อคเครื่องยนต์มานาที่ถูกกำหนดมาให้ระบบส่วนที่สำคัญที่สุดใช้งานได้ก่อนไปตามลำดับและฝืนดึงพลังทั้งหมดออกมาเพื่อใช้

กระทั่งเขายังไม่อาจทำแบบนั้นได้

“แก… ได้ยังไง! แกทำได้ยังไง! แกคือทายาทของนักปราชญ์งั้นเหรอ?”

รู้โครงสร้างของป้อมปราการดาวเทียม รู้ความลับนั่น และกระทั่งสามารถฝืนปลดล็อคได้

มันคือบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าหมอนั่นจะเป็นทายาทของนักปราชญ์

“ฉันไม่ใช่นักปราชญ์ แต่ทำไมมันถึงได้น่าประหลาดใจล่ะ? มันไม่น่าใช่ครั้งแรกนี่”

ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

ทันใดนั้น คนสามคนได้แล่นผ่านความคิดของดาคิดัสราวกับสายฟ้า

“ไอ้เวรเอ้ย…”

“จำได้รึเปล่า?”

ฮันซูพึมพำขณะที่เขาควบคุมมานาที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา

เพื่อนของเขาได้ทำแบบนี้ไปแล้ว

เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับครั้งนี้

<เราจะถ่ายทอดทุกอย่างที่เราสัมผัสและเห็นมาให้ ใช้มันกำจัดพวกมันทั้งหมดออกไป เราหนีขึ้นมาเพราะเราไม่ได้เตรียมการอะไรเอาไว้และแข็งแกร่งไม่พอ แต่… นายคงจะทำมันได้ดีกว่า>

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นขณะที่เขามองไปยังดาคิดัส

“หัวขโมยไม่อาจใช้มันได้อย่างเต็มประสิทธภาพก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

เทคโนโลยีนี้ ป้อมปราการนี้ ทุกอย่างตั้งแต่หยกฟ้าจนถึงมงกุฎบนหัวของมัน

ถ้าทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยพวกมัน และพวกมันสามารถใช้มันได้จนสุดความสามารถ งั้นฮันซูคงไม่อาจแม้แต่จะสู้พวกมันได้

เผ่าพันธุ์ทาสทั้งสามที่มีชีวิตอยู่ภายใต้ความเมตตาของนักปราชญ์

แต่พวกมันได้ขโมยเอา <มานาคริสตัล> ที่เป็นพื้นฐานพลังของนักปราชญ์ไป และกระทั่งกำจัดพวกเขาทั้งหมด ขโมยเอาเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของพวกเขามา

ฮันซูจะไปสนใจพวกมันได้ยังไง?

เจ้าพวกนี้คือพวกที่ไม่อาจทำอะไรได้ด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง

เพราะพวกมันไม่มีความสามารถในการซ่อมแซมและสร้างอาร์ติแฟคของนักปราชญ์

กระทั่งเจ้พวกคนรวยที่ได้รับมรดกมหาศาลยังดีกว่านี้

ในเมื่ออย่างน้อยพวกนั้นก็เป็นทายาท

พวกมันคือคนบาปที่ฉุดรั้งพระเจ้าลงมาและแทนที่ตนเองในตำแหน่งนั้น

“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ มันยังมีอีกหลายอย่างให้ฉันจัดการนอกจากแก”

ประสาทสัมผัสของเขากลับมาเมื่อมานาปรากฏขึ้น และสกิลเสริมพลังมังกรปีศาจก็ทำงานขึ้นอีกครั้ง

ไม่สิ มันมากกว่านั้น

ในเมื่อปริมาณของมานานั้นมหาศาลเมื่อเทียบกับที่เขาเคยมี

มานาปริมาณมหาศาลที่ทำให้คมมีดระบาดที่เขามักจะรวบรวมมันไปที่ปลายหอกเท่านั้นปรากฏขึ้นราวกับม่านหมอก

สถานการณ์โดยรอบได้ไหลเข้ามาหาเขาผ่านประสาทสัมผัสที่เพิ่มมากขึ้น

และเขาก็รับรู้ว่าทำไมกำลังเสริมถึงไม่มา

‘… พวกนั้นตัดสินใจเลือกทางที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้งั้นเหรอ’

ฮันซูพึมพำขณะที่เขากวาดประสาทสัมผัสของเขาไปยังชาวบ้านที่รวมตัวกันอยู่ห่างออกไป