บทที่ 15: ดวงจันทร์ของอีกโลก (5)

 

 

แอรีสและเคลเดียนมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ เมื่อพวกเขาทำงานด้วยกันเพราะความเห็นที่แตกต่าง

แอรีสมักจะพูดแบบนี้

<นายไม่ควรสร้างศัตรูง่ายๆ แบบนี้ วันหนึ่งคนพวกนั้นจะเข้ามาขวางทางนาย>

เคลเดียนเอ่ยแบบนี้

<ถ้าเธอเห็นศัตรูอยู่ข้างหน้า เธอก็ต้องบดขยี้พวกมัน หรือไม่อย่างนั้นพวกมันก็จะจับข้อเท้าเธอไว้ไม่ปล่อยในที่สุด>

และเพราะแบบนั้นเขาจึงเอาความคิดของทั้งสองมารวมกัน

<อย่าสร้างศัตรูง่ายๆ แต่เมื่อสร้างแล้วก็ต้องทำให้มันใจว่าคุณบดขยี้พวกมันจดไม่เหลือซากเพื่อให้พวกมันไม่อาจลุกขึ้นมามองหน้าคุณได้อีก>

ฮันซูเห็นด้วยกับความคิดนี้

 

พรวดพรวด

“…หืม?”

แทซูนมีสีหน้างุนงงเมื่อเท้าที่เขาก้าวไปข้างหน้าหายไปเสมอข้อเท้า

และเขารู้ในเสี้ยววินาที

ว่าเท้าข้างนั้นที่เขาก้าวข้ามเส้นไปถูกตัด

แทซูนล้มลงและกรีดร้องออกมาเมื่อเขาเห็นมีดทำครัวที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ตัดข้อเท้าของเขาออกปักแน่นอยู่ในพื้นเบื้องหน้าเขา

“อ๊ากกกกกก!”

ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัวจนเข้ากระดูกดำเมื่อเขาเห็นแทซูนกลิ้งอยู่บนพื้นโดยไร้ซึ่งเท้า

เสียงกราดเกรี้ยวหายไปในทันที หลงเหลือเพียงความเงียบงัน

มันเป็นความจริงที่หมอนั่นถูกตัดเท้าเพราะเขาข้ามเส้น

และสายตานั่น

‘เวรเอ้ย นักศึกษามหาลัยประเภทไหนที่มีสีหน้าแบบนั้น… เขาทำงานอะไรกัน?’

กิลแต่กัดฟันกรอดเมื่อเขามองเห็นดวงตาของอีกฝ่ายจากที่ไกลๆ

แทซูนที่เห็นทุกคนลังเลได้กัดฟันกรอด

‘ไอ้บัดซบพวกนี้ที่มั่นใจอย่างมาก… ไอ้พวกฉิบหายนี่!’

เขาออกมาเพราะเขาเชื่อในตัวคนพวกนี้

แต่พวกมันกลับแสดงท่าทีแบบนั้น!

แทซูนที่มองไปยังเหล่าผู้คนที่กลัวจนหัวหดก่อนจะตวาดออกมาทั้งที่ยังดีดดิ้นด้วยความเจ็บปวด

“อ๊ากกกก… อั่กกก.. ไอ้เวรโสโครก! มึงทำถึงขนาดนี้กับเพื่อนเพียงเพราะมึงไม่ต้องการแบ่งเนื้อให้คนอื่น!”

บอกตามตรง เรื่องนี้ดูไม่เหมือนต้นเหตุของปัญหา

แต่ว่ามันไม่สำคัญ

สิ่งที่สำคัญคือไอ้หมอนั่นต้องตายในตอนนี้

และเพื่อทำแบบนั้น เขาต้องกระตุ้นคนอื่นๆ ตรงนั้นที่กำลังหดหัวดั่งสุนัขที่หางลู่หูตกพวกนั้น

แทซูนตะโกนคำพูดเลวร้ายออกมา

“พวกนาย! คิดให้ดี! พวกนายคิดเหรอว่าไอ้หมอนี่ที่ทำแบบนี้กับฉันเพราะเขาไม่ต้องการแบ่งชิ้นเนื้อให้จะปล่อยให้พวกนายมีชีวิตรอดถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น?”

จากนั้นทุกคนก็รู้สึกหวาดกลัวจนเข้ากระดูกดำ

คำพูดนั้นถูกต้อง

คนที่แข็งแกร่งอยู่แล้วได้แข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้เพียงแค่ในวันเดียว

ทั้งเขายังได้รับอาวุธแปลกประหลาดอีกด้วย

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากเขาเพิ่มช่องว่างขึ้นในเวลาไม่กี่วัน?

และถ้ามันเกิดขึ้น ไอ้หมอนั่นที่ส่งเท้าเพื่อนกระเด็นออกไปง่ายๆ แบบนั้นจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่เหรอ?

“จัดการเขาในตอนนี้! พวกนายมองอยู่แบบนี้เพราะพวกนายไม่มั่นใจว่าจะชนะใช่ไหมล่ะ!”

กิลแตกัดฟันกรอด

พวกเขาไม่รู้ว่าคำพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่

แต่พวกเขาไม่อาจยอมปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปได้

แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดแบบนั้น หากหมอนั่นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะจัดการพวกเขาด้วยมือของหมอนั่น และเขาต้องการรูนเพิ่มเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น มันก็จะพังพินาศไปกันหมด

ถ้าอีกฝ่ายโจมตีพวกเขาในตอนนั้น เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงเครื่องจักรผลิตรูนเท่านั้น

พวกเขาต้องฆ่ามันในเวลาที่ทุกคนยังตื่นเต้น มีอาวุธ และการหลบหนีก็เป็นไปไม่ได้เมื่อแสงได้ส่องประกายออกมาจากร่างของพวกเขา

“เตรียมตัวให้ดี”

ฮันซูยักไหล่ให้กับบรรยากาศที่กำลังน่าขนลุกขึ้นเรื่อยๆ

มันมีความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่บทสรุปก็เหมือนเดิม

มันไม่มีประโยชน์ที่จะโน้มน้าวคนที่พุ่งมาหาเขาด้วยความต้องการฆ่าแบบนี้

และไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูแลพวกนั้นทั้งหมดด้วย

เมื่อการจุดไฟขึ้นอย่างลวกๆ การดับมันลงก็ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน

‘ทีล่ะก้าว เริ่มจากผู้ที่ก้าวข้ามภูเขามาก่อน’

เขาต้องจัดการด้วยความเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง เมื่อมีเพียงแบบนั้นที่จะทำให้คนอื่นๆ ที่จะพุ่งเข้าหาเขาอย่างไร้สติหายไป

และดูเหมือนว่าจะมีคนที่มีทักษะอยู่บ้างในกลุ่มคนนั้น

พวกเขาไม่ได้ล่ามาก แต่ร่างกายของพวกเขาดีอยู่แล้วตั้งแต่เริ่ม ดังนั้นค่าพื้นฐานของพวกเขาจึงดี

และเพื่อจัดการคนพวกนั้นทั้งหมด พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ค่อนข้างขาดอยู่บ้าง

‘ใช้บุหรี่เมฆาก็เสียเปล่าเกินไป’

เขาไม่อาจใช้สิ่งที่เขามีอยู่เพียงแค่ 20 อันได้

เขาต้องสู้กับหมอนั่นที่ป้องกันชิ้นส่วนลับที่สองที่ <แท่นบูชา>

ฮันซูดูดซึมรูนที่อยู่ที่ข้อมือของเขาทั้งหมด

เมื่อมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแลกเปลี่ยนรูนไปสักพัก

ค่าสถานะทั้งหมดของเขาเช่นค่าพลังกายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในเสี้ยววินาที

 

[คังฮันซู]

พลังกาย: 40.3

ความอดทน: 39.8

ความคล่องแคล่ว: 26.1

ความเข้าใจ: 27.2

ค่าต่อต้านเวทมนต์: 13

 

ฮันซูยืนขึ้นจากที่นั่งของเขาหลังจากที่ดูดกลืนรูนทั้งหมดและเดินออกไปโดยหยิบเข็มมาด้วย

‘มันคงจะเจ็บสักหน่อย’

เมื่อมันเริ่มขึ้นแล้ว

ก่อนที่ค่ำคืนจะหมดลง เขาต้องพยายามทำทุกภารกิจที่มีมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็น

แฟรี่นั้นมีนิสัยโหดร้ายอย่างมากจนกระทั่งภารกิจส่วนมากเป็นภาพที่ไม่เหมาะสำหรับวัยรุ่น

แต่เมื่อพวกนั้นเริ่มหาเรื่องก่อน พวกนั้นก็ควรจะถูกลงโทษเท่านี้เป็นอย่างน้อย

‘อย่างแรก <แล่หนังของคนสิบห้าคนที่พุ่งเข้ามาหาโดยที่ยังให้พวกนั้นมีชีวิตอยู่>… ดูเหมือนว่าจะเป็นเอนบิ เอรินที่ทำภารกิจนี้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนฉันจะค่อนข้างยุ่งเพื่อทดลองภารกิจทั้งหมด 37 ภารกิจที่มีมนุษย์เป็นวัตถุดิบ’

ฮันซูมองไปยังผู้คนที่พุ่งมาทางเขาอย่างเย็นชา

 

ในที่สุดดวงจันทร์ที่ลอยค้างอยู่บนท้องฟ้าก็เริ่มกระพริบตาก่อนที่มันจะปิดเปลือกตาลง

ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เลยเวลาหกโมงไปแล้ว

เมื่อดวงจันทร์ปิดเปลือกตาลง แสงสีติดอยู่กับผู้คนก็เริ่มจางหายไป

มันได้ปิดดวงตาลง ทว่ามันก็ยังคงส่องแสงราวกับจะเผยให้เห็นความพินาศเบื้องล่าง

“อั่ก…”

“อ๊ากกก…”

คนราวๆ 20 คนหรือมากกว่านั้นกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นพร้อมด้วยรูที่แขนขาและหายใจอย่างแผ่วเบา

ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ติดตามชายที่ถูกเรียกว่ากิลแต

และแทซูนก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้เช่นกัน

มันผ่านไปสักพักแล้วหลังจากที่คนอื่นๆ วิ่งหนีไปในทุกทิศทุกทาง

และมิฮีที่มองฮันซูจากด้านข้างมีสีหน้าขยะแขยง

‘อี๋…’

การต่อสู้จบลงอย่างค่อนข้างง่ายดาย

เหล่าผู้ที่พุ่งมาทางเขานั้นไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของชายหนุ่มได้

ประสบการณ์ของพวกเขาแตกต่างกันเกินไป

ชายหนุ่มรู้ว่าต้องแทงไปที่ไหน และไม่มีความลังเลที่จะทำแบบนั้น

ไม่ แม้พวกเขาจะมีประสบการณ์และทักษะที่คล้ายคลึงกัน ค่าสถานะของพวกเขาก็แตกต่างกันเกินไป

ฮันซูที่ได้ดูดกลืนรูนของเขาทั้งหมดร่อนไปรอบๆ ราวกับเสือติดปีกและสร้างรูบนแขนขาของผู้ที่พุ่งมาทางเขาทีล่ะคน

ชายหนุ่มมีร่องรอยบาดเจ็บบนร่างบ้าง แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่นอนอยู่บนพื้นในตอนนี้แล้ว มันก็เรียกได้ว่าเขาไม่เป็นอะไรเลย

เมื่อผู้คนข้างหน้าล้มลงพร้อมด้วยรูบนร่าง คนที่เหลือที่ถูกกระตุ้นด้วยปัญหาเรื่องอาหารก็ตระหนักได้ว่าปัญหาในตอนนั้นคือการมีรูบนร่าง ไม่ใช่เรื่องอาหาร ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งหนีไป

และฮันซูที่กินอาหารอยู่ข้างๆ ร่างที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นของผู้คนก็หยุดกินเมื่อดวงจันทร์ตกลง

เพราะเขากินเยอะเกินไปแล้ว

‘ฉันคิดว่าฉันกินไปเกือบๆ เป็นอาหารของสามวัน…’

คนผู้หนึ่งจะรู้สึกเบื่อเนื้อหากพวกเขากินมากเกินไป และเพราะเขากินอาหารของเกือบสามวันไป ท้องของเขาก็จะแตกอยู่แล้ว

ขณะที่ฮันซูมองขึ้นบนอากาศ อากาศก็ได้แยกออกพร้อมกับแฟรี่ที่บินออกมา

ทันทีที่แฟรี่บินออกมา มันก็มองไปรอบๆ ก่อนจะแย้มยิ้ม

“คุณทำได้ดีมาก กระทั่งได้ภารกิจที่สองแบบนี้”

จากนั้นแฟรี่จึงยื่นถุงเล็กๆ ให้ก่อนจะเอ่ยอธิบาย

“ถุงนี้สามารถซ่อนอาหารจากแสงจันทร์ได้ ไหนดูซิ… ดูเหมือนว่ามันจะสามารถเก็บอาหารสำหรับสองอาทิตย์ได้ ฮี่ฮี่ฮี่ ถ้าคุณเอาอาหารไว้ในนี้มันจะไม่เน่า ดังนั้นใช้มันให้ดีล่ะ”

แฟรี่ที่พูดสิ่งที่ต้องการแล้วหายไปในอากาศไปยังที่อื่นแทน

‘อย่างที่คิด’

เขาคาดหวังอย่างมากเพราะภารกิจนี้มีโอกาสในการถูกเลือกสูง และการคาดเดาของเขาก็ไม่ได้ผิดพลาด

ในอนาคต มันจะมีสถานที่เช่นดันเจี้ยนที่ต้องทนหิวเป็นเดือนๆ เพราะไม่อาจหาอาหารได้

มันจะช่วยได้อย่างมากในสถานที่เช่นนั้น

ฮันซูผูกถุงไว้รอบเอวก่อนจะเริ่มเดินไปที่อื่นผ่านร่างของผู้ที่นอนอยู่บนพื้น

‘เอาเถอะ มันไม่มีเหตุผลที่จะหาพวกนั้นในตอนนี้’

เขาได้ทดลองภารกิจที่ใช้มนุษย์เป็นวัตถุดิบมาตลอดทั้งคืน

มันเกือบจะเรียกได้ว่าการทรมาน แต่เมื่อพวกนั้นเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มันก็ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องหยุดตัวเอง

ผลลัพธ์คือมันล้มเหลวทุกอย่าง

สองภารกิจ เมื่อภารกิจค่าสถานะ 50 แต้มและภารกิจเหยือกเสร็จสิ้นแล้ว มันก็หมายความว่าเหลือเพียงแค่หนึ่งหรือสองภารกิจเท่านั้น

เมื่อมันมีภารกิจนับร้อย ดังนั้นโอกาสที่จะยังเหลือภารกิจอยู่หนึ่งหรือสองภารกิจยังมีอยู่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

‘แต่เมื่อฉันได้รับ <เหยือกอาหารของคนรวยผู้เห็นแก่ตัว> มันก็ดีแล้ว’

มิฮีติดตามฮันซูที่ทานอาหารเสร็จแล้วไปอย่างระมัดระวังก่อนจะเอ่ยถามสถานการณ์

“…นายจะไม่ฆ่าพวกเขาเหรอ?”

คนพวกนั้นจะฟื้นตัวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยแม้ว่ามันจะเป็นไปอย่างช้าๆ ก็ตาม

เมื่อพวกเขาได้นำกลุ่มมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และมีพลังฟื้นตัวสูงพร้อมด้วยรูนจำนวนหนึ่งที่พวกเขาได้รับ

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เธอเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอะไรแบบนี้”

“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันพูดแบบนั้นเพราะฉันกังวลว่า…”

มิฮีตระหนักได้ว่าคำพูดของเธอนั้นน่าขันเพียงใดหลังจากพูดจบ

พวกนั้นไม่ใช่ปัญหาของเขาแล้ว

ในขณะที่พวกนั้นกำลังฟื้นตัวและนอนอยู่บนพื้น ฮันซูจะแข็งแกร่งขึ้นมาก

และความแตกต่างของพวกเขาจะมากขึ้นเมื่อพวกเขาก้าวเดินต่อไป

ไม่สิ ตั้งแต่ต้นพวกนั้นก็ไม่อาจหายใจได้เมื่อฮันซูเดินผ่าน

มันอาจกลายเป็นความเจ็บปวดชั่วชีวิตของพวกนั้น

‘ใช่ มันไม่ใช่เวลาไปห่วงคนอื่น’

แต่ว่ามันก็ยังคงมีคำถามเหลืออยู่

“แต่… ทำไมนายไม่ฆ่าพวกนั้นจะเอารูนที่ดรอปไปล่ะ?”

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เป้าหมายของเขามีเพียงแค่การกลับมายังอดีตเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นเขาจึงอาจทำแบบนั้น

แต่ว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในแผนของเขา

และส่วนหนึ่งของแผนได้รวมทั้งการที่เขาต้องตั้งกฎขึ้นเมื่อมนุษย์ได้เดินเข้าไปในอบิสในอีกโลก

หลังจากพวกเขาร่วงหล่นลงสู่อบิส เพื่อที่จะกำจัดการทะเลาะกันภายในและรวมพลังกัน พวกเขาจึงสร้างกฎแห่งความสามัคคีขึ้น

และเป็นหนึ่งในกฎที่ทรงพลังที่สุด

<ห้ามฆ่ามนุษย์เพราะต้องการรูน>

กฎที่ต้องยึดถือไว้เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์

เขาได้ทำตามกฎนี้มาอย่างยาวนาน

การฆ่ามนุษย์และเอารูนเพียงไม่กี่อันที่ดรอปนั้นไม่อาจแทนที่กับสิ่งที่คนคนนั้นอาจทำได้ได้

หนึ่งในเหตุผลที่มนุษย์ถูกปั่นหัวโดยสิ่งมีชีวิตในอบิสก็เป็นเพราะในระยะเวลาห้าปีหลังจากที่เขามา คนจำนวนมากจะถูกดึงมาและคนที่แข็งแกร่งก็ได้เริ่มมองคนอ่อนแอเป็นเพียงรูน ไม่ใช่มนุษย์

และหากเขาต้องการที่จะตั้งกฎนี้ขึ้น การฆ่าคนตั้งแต่เริ่มก็จะสร้างปัญหาจำนวนมากกับเป้าหมายของเขาเมื่อข่าวลือได้กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

และมันไม่ใช่ว่าพวกนั้นจะทิ้งไว้เพียงรูนเมื่อตาย

‘มีคนจับตามากเกินไป’

เมื่อเขาได้เคลียร์ภารกิจทั้งหมดที่มีมนุษย์เป็นวัตถุดิบแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาทดลองภารกิจที่ต้องทำกับสัตว์อสูร

‘ทำให้เสร็จให้มากที่สุดก่อนวันที่สี่ที่แท่นบูชาจะเปิดออก’

เมื่อแท่นบูชาเปิดออก ข้อกำหนดของชิ้นส่วนลับที่สองก็จะเริ่มขึ้นและดึงเวลาของเขาไปจนหมด

เขาต้องทำให้เสร็จให้มากที่สุดก่อนที่จะถึงเวลานั้น

‘เอาเถอะ เดี๋ยวก็มีคนโชคดีมาจัดการพวกนั้นเองแหละ’

ฮันซูทิ้งร่างที่นอนอยู่บนพื้นไว้ขณะที่เขาเดินไปยังที่อยู่ของสัตว์อสูรในมุมหนึ่งของสถานนีกังนัม

สถานที่ที่ดูอันตรายเพียงแค่เห็น

มิฮีกัดฟันแน่นขณะที่หญิงสาวเดินตามรอยเท้าของฮันซูไป

ชายหนุ่มมองไปยังมิฮีก่อนจะเอ่ย

“ฉันไม่น่ากลัวเหรอ?”

มิฮีมองการกระทำของเขาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา

และเธอยังคงตามเขามา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็กัดฟันกรอด

เขาน่ากลัว เขาจะไม่น่ากลัวได้ยังไง

เธอได้เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำอย่างชัดเจน

แต่นั่นทำให้เธอตระหนักได้

‘ฉันก็แค่อย่าข้ามเส้น’

หากเป็นแบบนั้นเธอกับฮันซูจะสามารถคงความสัมพันธ์ที่พวกเขาสามารถเดินและพูดคุยไปได้แบบนี้ไว้ได้

‘แม้ว่ามันจะค่อนข้างน่ากลัวจริงๆ ก็เถอะ’

ฮันซูหัวเราะใส่มิฮีที่ร่างกายสั่นสะท้านเล็กๆ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังพื้นที่ล่าสัตว์อสูร มิฮีหายไปหลังจากชายหนุ่ม

สถานที่ที่พวกเขาหายไป แทซูนที่ได้เอ่ยสบถสาปแช่งทุกอย่างที่คิดออกกำลังนอนอยู่บนพื้น

“กรอดดด… คิมกังแต ปาร์คจิซูน คิมซุนมิ ลีเฮจี… ไอ้พวกฉิบหาย กูจะฆ่าพวกมึง แน่นอน โดยเฉพาะมึง มิฮี!”

เหล่าผู้ที่เลียขาเขาในโลกแห่งความเป็นจริงและวิ่งหนีไปทันทีที่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ

‘ไอ้พวกเวร… กูจะล้างแค้น’

ในขณะที่แทซูนกัดฟันกรอดอยู่บนพื้น ใครบางคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือร่างของเขาและคนอื่นๆ ที่นอนอยู่

แทซูนมองขึ้นไปด้วยสีหน้าย่ำแย่ แต่ก็แย้มยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร

“ซังจิน! เยี่ยมไปเลย! ช่วยฉันสิ! แล้วฆ่าคนที่เหลือรอบๆ นี่!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กิลแตที่นอนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มก็กัดฟันกรอด

“ไอ้ฉิบหายนี่…”

กิลแตแสดงสีหน้าหวาดกลัว

ทุกคนมีรูอยู่บนแขนขา ไม่สิ มันเหมือนกับว่าพวกเขาทุกคนอยู่ในสถานะแย่สุดๆ จากการทรมานตลอดทั้งคืน

หากคนคนนั้นเพียงคนเดียวโจมตีพวกเขา พวกเขาก็คงจะตายลงแบบนี้

แต่การกระทำของซังจินกลับแตกต่างจากที่พวกเขาคิด

ฉึก

“อั่กก… ซังจิน… ไอ้ฉิบหายนี่ ทำไมเป็นฉัน…”

ซังจินเอ่ยขึ้นด้วยอาการกัดฟันกรอดขณะมองไปยังกิลแต

“พวกนายยังไม่รู้อีกเหรอ? สถานที่นี้เป็นที่ที่พวกนายต้องจัดการทุกคนเมื่อได้โอกาส นายมีความสุขในการใช้งานฉันลับหลังพ่อนายมากไหม? ไอ้เวรเอ้ย”

“อ๊ากกก…”

ทันทีที่แทซูนตาย รูนจำนวนหนึ่งก็ออกมาจากร่างของเขา

มันเป็นจำนวนที่น่าเศร้าเมื่อเทียบกับที่อีกฝ่ายกินเข้าไป

แต่มันไม่ใช่จำนวนที่จะสามารถเมินเฉยได้

‘มีกระทั่งรูนสกิล’

ซังจินที่เชื่อว่าโชคของเขาดีได้เก็บมันด้วยท่าทางยินดี

จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ พร้อมกับกำง้าวสั้นในมือของเขาแน่นขึ้น

แม้ว่าเขาจะเสียใจ แม้ว่าสถานการณ์จะพิเศษ แต่มันก็ยังคงเป็นการฆ่า

มือของเขาสั่นสะท้าน แต่ว่าชายหนุ่มกลับกัดฟันกรอด

เขาไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้

มันย่อมมีใครบางคนที่วิ่งหนีไปที่มีความคิดคล้ายกับเขาที่จะกลับมา

เขาต้องกินทุกอย่างไปก่อนหน้านั้น

‘ฉันก็แค่กำจัดขยะ’

“ไอ้เวรนี่…”

ซังจินกัดฟันกรอดขณะที่เขาเดินตรงไปยังกลุ่มนักเลงที่มองเขาอย่างหวาดกลัว

‘คังฮันซู ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมนายถึงทิ้งฉัน’

น่าล่าที่สมบูรณ์แบบ

ฮันซูคนนั้นได้ส่องประกายในดวงตาของเขามากนัก

แล้วหมอนั่นจะเห็นความอ่อนแอของเขาจากดวงตามากแค่ไหนกัน

เขาถูกโยนทิ้งไปเพราะเขาอ่อนแอ

ถ้าเขาแข็งแกร่งเท่าเทียมกับฮันซู ไม่สิ แม้เขาจะไม่แข็งแกร่งกว่า หากเขาแค่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสร้างความพึงพอใจให้หมอนั่นได้ ฮันซูก็จะไม่ไล่เขาออกมาแบบนั้น และการที่เขาจะทำแบบนั้นได้ เขาต้องล่า

‘แค่รอดู ฉันจะแข็งแกร่งขึ้น เหมือนกับนาย…’

และเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น ฮันซูก็จะมองเขาด้วยสายตาที่ต่างออกไป

และหากเขากระทั่งก้าวข้ามฮันซูได้…

‘อย่างแรกฉันก็จะแย่งที่ของหมอนี่ก่อน’

ซังจินมองไปยังที่ที่ฮันซูหายไปและเดินไปยังที่ที่ซุนมิและคนอื่นๆ จะอยู่

 


TL: จริงๆ แล้วซังจินเป็นตัวละครที่เทียร์ชอบนะ ทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในสายตา แอร๊ยยยย//บิดตัวเขิน

 

ติดตามข่าวสารที่รวดเร็วกว่าได้ทาง Facebook: Netear.ST นะคะ