บทที่ 132: การติดเชื้อ (1)

 

 

 

เมื่อฮันซูกลับมา ทารูโฮลก็กำลังสร้างเสียงกระแทกดังสนั่นขณะที่เขากำลังพังม่านพลังงานรอบเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

ตูมมมม!

การโจมตีสุดท้ายของทารูโฮลทำลายม่านพลังงานลงขณะที่ทารูโฮลรีบเปิดแคปซูลออก

เขาได้ยินวิธีการมาจากฮันซูแล้ว

นั่งในที่นั่งของเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

วางมงกุฎแห่งหนามไว้บนศีรษะ

จากนั้นอำนาจก็จะตกอยู่ในมือของทารูโฮล

‘ต้องรีบ!’

อคารอนกำลังทรมานและพลังต่อสู้ของพวกเขาได้ลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดความสูญเสียมหาศาลเพระพวกเขากำลังถ่วงเวลาอคาดัสเอาไว้

มนุษย์เองก็เช่นกัน

ฮันซูถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาเห็นทารูโฮลเข้าไปในแคปซูลจากที่ไกลๆ

‘ดี งั้นตอนนี้เขตสีส้มก็เรียบร้อยแล้วสินะ?’

งานในเขตสีส้มนับว่าสิ้นสุดลงเมื่อได้รับมงกุฎในการควบคุมอคาดัสเรียบร้อยแล้ว

ในเมื่อการรักษาลาร์ซาร์และกรากอซตัวอื่นๆ จะเป็นเรื่องง่ายเมื่อมีมงกุฎแห่งหนามอยู่ในมือ

เขาก็แค่ต้องนำอคาดัสไปฆ่าทิราดัสสีดำภายในกรากอซ และใส่ยารักษาเข้าไป

ทารูโฮลนั่งอยู่เหนือเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

และจากนั้นจึงสวมมงกุฎแห่งหนามไว้บนศีรษะด้วยสีหน้ายินดี

‘ด้วยสิ่งนี้… เราจะเข้าใกล้การฟื้นฟูอคารอนข้าไปอีกก้าว’

วินาทีที่ทารูโฮลสวมมงกุฎไว้บนศีรษะ การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

ฉึกกก

หนามบนมงกุฎแห่งหนามขยายออกอย่างรุนแรง

และหนามนับพันได้ทิ่มแทงเข้าไปในศีรษะของทารูโฮลที่สวมมันอยู่

“อึกกก…”

ผิวหนังของทารูโฮลที่อยู่ในระดับของคนระดับมาร์กอชไม่อาจต้านทานหนามนั้นได้และปล่อยให้พวกมันแทงเข้ามา

ความเจ็บปวดมหาศาล

ทว่าทารูโฮลกัดฟันและอดทน

‘นี่มันจะนับเป็นอะไรได้…’

ในเวลาเดียวกัน เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณที่ทารูโฮลนั่งอยู่ก็เริ่มทำงาน

คว้างงง!

บางอย่างออกมาจากร่างของเหล่าอคารอนที่ตายและถูกดูดเข้าไปในเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

ทีล่ะอัน

กิ้งงง

เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณทำงานและสั่นสะท้านพร้อมด้วยเสียงแปลกประหลาด ก่อนที่มงกุฎสีดำที่อยู่บนศีรษะของทารูโฮลจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นซูเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว

‘… ฉันไม่เคยได้ยินว่าจะมีขั้นตอนแบบนั้น เราต้องระมัดระวังในเรื่องนี้มากกว่าเดิมรึเปล่า?’

เรื่องแบบนี้ไม่ได้ถูกเขียนไว้ในผลึกความทรงจำของเอลคาเดียน

ในตอนที่ฮันซูกำลังครุ่นคิดว่าควรจะหยุดกระบวนการนี้หรือไม่นั้น

กรี๊ซซซซ!

‘ฉิบ เรียบร้อยแล้วเหรอ?’

อคาดัสสีทองที่จัดการมนุษย์เสร็จแล้วได้พุ่งมาเป็นเส้นแสงสีทองสิบเส้น

มันดูเหมือนว่าสองตัวถูกทำลายไปในระหว่างต่อสู้กับมนุษย์ ทว่าสิบตัวก็ยังนับว่าเป็นจำนวนที่ทรงพลัง

ฮันซูกำหอกแน่นก่อนจะขวางทางของพวกมัน

ก่อนจะโจมตีพวกมันเมื่อพวกมันบินมาหาเขา

ตูมมมม!

เส้นแสงสีทองทั้งสิบพลันเปลี่ยนทางและพุ่งไปหาฮันซูแทนพร้อมด้วยคลื่นกระแทกรุนแรง

ฮันซูดึงมานาทั้งหมดในร่างของเขาออกมาและเริ่มต่อสู้กับพวกมัน

‘ชิ ไม่มีอะไรให้คิดแล้ว’

ฮันซูพึมพำเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงที่โจมตีมายังสีข้างของเขาและทะลวงผ่านเกล็ดของเขาไป

ถ้าพวกเขาใช้มงกุฎไม่ได้ งั้นยังไงพวกเขาก็ต้องตายเพราะอคาดัสอยู่ดี

แขนขวาของฮันซูหักบิดขึ้นเพราะการโจมตีของอคาดัสสามตัว

อยู่ในสภาวะที่ไร้การป้องกันอย่างสิ้นเชิง

อคาดัสอีกสองตัวฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้และพุ่งไปยังฮันซูเพื่อที่จะทำลายหัวใจและอวัยวะภายในของเขา

ในตอนนั้นเอง

กึงงง

อคาดัสสีเงินทั้งหมดที่กำลังก่อเหตุสังหารหมู่อยู่รอบๆ พลันหยุดชะงัก

ในเวลาเดียวกัน อคาดัสสีทองสิบตัวที่กำลังโจมตีฮันซูก็ล้วนหยุดชะงักและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับแมงเม่าที่ไร้เรี่ยวแรง

ฮันซูผงกศีรษะเมื่อเห็นภาพนั้น

‘เสร็จแล้ว’

ฮันซูพึมพำขณะที่เขามองไปยังทารูโฮลที่กำลังยืนขึ้นจากที่นั่งของเขาด้วยท่าทีของราชาพร้อมกับมงกุฎแห่งหนามที่กลายเป็นสีแดงก่ำอย่างสมบูรณ์บนศีรษะของเขา

 

 

“โอ้ พระเจ้า…”

ร่างของทารูโฮลสั่นสะท้านจากข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลเข้ามาในศีรษะของเขา

‘… นี่คือสาเหตุที่ทำให้ฮันซูบอกข้าว่าต้องเป็นอคารอนที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุด’

ข้อมูลจากอคาดัสนับแสน

และพลังงานที่ต้องใช้ในการมอบคำสั่งต่างๆ เพื่อควบคุมพวกมัน

มันเกิดความเครียดมหาศาลขึ้นบนร่างกายและสมองของเขา

<กลับมา>

เมื่อสิ้นคำสั่งนี้ อคาดัสทั้งหมดก็กลับไปยังสถานที่ที่พวกมันจากมา

ฮันซูมองไปยังทารูโฮลและเอ่ยถามอีกฝ่ายเมื่อทารูโฮลเข้ามาใกล้เขา

“นายรู้สึกยังไง?”

ทารูโฮลหัวเราะขณะเอ่ยตอบ

“มันยอดเยี่ยมมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนข้ากลายเป็นราชาไปจริงๆ แต่ยังไงก็เถอะ มันมีบางอย่างที่ข้าอยากจะพูดเกี่ยวกับสัญญา…”

ฮันซูเริ่มเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินเผื่อไว้จากคำพูดของทารูโฮล

มันมีอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสัญญาระหว่างเขาและอคารอน

ฮันซูจะมอบมงกุฎแห่งหนามให้พวกเขา

และอคารอนจะต้องมอบการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายให้มนุษย์

และเขาจะนำเศษเสี้ยววิญญาณใส่ไปยังผู้ที่มีมงกุฎแห่งหนามเพื่อความปลอดภัย

อคารอนที่มีเศษเสี้ยววิญญาณจะไม่ได้อยู่ฝ่ายอคารอนหรือมนุษย์ แต่จะทำตัวเป็นสื่อกลางระหว่างทั้งสอง

เหมือนกับเอลคาเดียนที่ต้องการจะหยุดยั้งความขัดแย้งทั้งหมดด้วยพลังอันเป็นที่สุด

ทว่าความคิดสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา

ไม่สิ ไอ้พระเจ้านั่นสร้างสิ่งมีชีวิตให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว

ทารูโฮลก่อนและหลังจากได้รับมงกุฎแห่งหนามอาจมีความคิดที่แตกต่างออกไป

และภาพสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่ในผลึกความทรงจำยังคงสร้างความไม่สบายใจให้เขา

‘ถ้าเขาจะฉีกสัญญา…’

แต่ไม่เหมือนที่ฮันซูคิด ทารูโฮลทำเพียงหัวเราะขณะที่เขาพูด

“รีบๆ ใส่เศษเสี้ยววิญญาณมาในหัวข้าสิ ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่ข้าจะตอบแทนเจ้า จะยังไงก็เถอะ เจ้าคงไม่ใช้ให้ข้าทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม?”

อันซูผ่อนคลายลงจากคำพูดติดตลกของทารูโฮลและเอ่ยขึ้น

“อย่ากังวลเลย มันคงไม่มีอะไรให้ฉันต้องลงไปยุ่งมากขนาดนั้น”

ฮันซูนำเศษเสี้ยววิญญาณเล็กๆ ออกมาจากศีรษะของเขาก่อนจะใส่มันไปในร่างของทารูโฮล

วูบบบ

ทารูโฮลแสดงสีหน้าไม่สบายออกมาจากความรู้สึกของเศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังเข้าไปในร่างของเขา

‘มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกแน่ๆ สินะ’

แต่หากอคารอนและมนุษย์สามารถร่วมมือกันได้ด้วยสิ่งนี้ ทารูโฮลก็พอใจกับมันแล้ว

ในเมื่อมันไม่มีความจำเป็นให้สู้อีกต่อไป

ตอนนี้มาร์กอชจะถูกกำจัดโดยอคารอนหากพวกมันปรากฏตัว และเมื่อพวกเขารักษากรากอซได้ งั้นมันก็จะมีอาหารและดินแดนให้อาศัยอยู่อย่างมหาศาล

หากคนคนหนึ่งไม่ชอบอีกฝ่าย งั้นพวกเขาก็แค่สามารถย้ายไปอยู่ที่กรากอซตัวอื่นได้

‘ในไม่ช้า มันจะเกิดความสงบสุขขึ้น ในที่สุด’

ทารูโฮลที่ฮึดขึ้นเมื่อคิดถึงความสงบสุขรีบเอ่ยถามฮันซู

“เจ้าต้องทำงานของเจ้าให้เสร็จ แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ?”

ฮันซูมอบยารักษาให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ใช้ยารักษานี่รักษาลาร์ซาร์และกรากอซตัวอื่นๆ พวกเราจะจัดระเบียบที่นี่ในระหว่างที่นายจัดการเรื่องนั้น”

โอเทออนผงกศีรษะ

มันมีหลายอย่างที่ต้องทำ

พวกเธอต้องไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ สร้างมหาวิหารขึ้นใหม่และเตรียมที่อยู่อาศัยให้กับอคารอน

เหมือนกับสิ่งที่ฮันซูต้องทำ

ในเมื่องานเก็บกวาดหลังสงครามคือสิ่งที่สำคัญกว่าตัวสงคราม

ทารูโฮลนำอคาดัสและมุ่งหน้าออกไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

และโอเทออนที่ยังอยู่หัวเราะขณะที่เธอเอ่ยขึ้น

“มันมีบางอย่างที่เราต้องทำก่อนหน้านั้น ส่วนสุดท้ายของสัญญา”

“อืมมม”

ฮันซูผงกศีรษะให้กับคำพูดของโอเทออนและค่อยๆ เดินไปยังแคปซูลเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

กิ้งงงง

ฮันซูวางมือของเขาบนตำแหน่งที่มงกุฎแห่งหนามเคยวางเอาไว้

และเขาเริ่มควบคุมโลหะเหลวในร่างให้กลายเป็นมานาโค้ดจากผลึกความทรงจำ ก่อนที่ช่องลับด้านในแคปซูลจะเปิดออก

‘นี่งั้นเหรอ’

ฮันซูนำดาบสั้นออกมาจากช่องลับ

“โอ้…”

อาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ของอคารอน

และสัญลักษณ์แห่งพลังที่มีเพียงคนเพียงคนเดียวที่เป็นยอดผู้นำจะสามารถใช้ได้

<ดาบแก่นแท้มังกร>

ตามธรรมเนียมแล้ว ระดับบารองจะพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาโดยการนำส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างของมาร์กอชที่พวกเขาฆ่ามาและหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกันด้วยศาสตร์ของวิหาร

เพียงแค่เท่านี้ก็จะสร้างอาร์ติแฟคที่ทรงพลังขึ้นได้ ทว่านี่มันมากขึ้นไปอีกระดับ

พวกเขาจะนำดาบแก่นแท้มังกรไปวางไว้ที่ใจกลางมหาวิหารที่มีพลังของสิงโตขาว ลาร์ซาร์ ไหลเวียนและปล่อยให้มันดูดกลืนพลังงานนั้น

วินาทีที่คนใส่ดาบแก่นแท้มังกรที่สมบูรณ์ไปในร่างของพวกเขา พวกเขาจะได้รับพลังจากร่างกายของมาร์กอชและพลังของกรากอซ

นี่คือครั้งแรกที่โอเทออนได้เห็นสิ่งนี้เช่นกันในเมื่อมันมักจะอยู่ในร่างของยอดผู้นำตลดเวลา

‘ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ของอคารอน…’

โอเทออนที่กำลังแสดงสีหน้าเสียดายออกมาเล็กๆ สลัดความรู้สึกนั้นออกไปก่อนจะเอ่ยขึ้น

“รับมันไปเถอะ เราควรทำเท่านี้เป็นอย่างน้อยเพื่อผู้ทีช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของเรา”

ดาบแก่นแท้มังกรคืออาร์ติแฟคสำหรับสำหรับยอดผู้นำผู้มีพลังและอำนาจอันเป็นที่สุด

ในเมื่อยอดผู้นำจำเป็นต้องใช้พลังของเขาในการควบคุมลูกน้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่มงกุฎแห่งหนามนั่นและอคาดัสยังเหนือกว่ามัน

การมีอาร์ติแฟคทั้งสองอย่างนี้หลังจากที่ได้ครอบครองมงกุฎแห่งหนามนั้นค่อนข้างจะเกินไป

จะยังไง ฮันซูที่กำลังจะเดินทางไปอีกโลกย่อมใช้มันได้ดีกว่า

ทว่าฮันซูกลับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเล็กๆ

‘… มันไม่ดีเท่าที่ฉันคาด’

มันไม่ได้เลวร้าย

ในเมื่อมันดูจะเป็นอาร์ติแฟคระดับสูงแม้ว่าจะเทียบกับอาร์ติแฟคสองหลัก

แต่มันด้อยกว่าหอกสายฟ้า แหวนเนอร์มาฮ่า หรือทหารพันเกราะ

‘ชิ บางทีมันอาจเป็นเพราะพลังทั้งหมดของกรากอซหายไป’

แน่นอนว่ามันย่อมไม่หลงเหลือพัลงอยู่ด้านในมากในเมื่อมันอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว

ฮันซูรีบตั้งสติเพื่อที่จะไม่แสดงความรู้สึกของเขาออกไปขณะที่เขาเอ่ยขึ้นกับโอเทออน

“ขอบคุณ ฉันจะใช้มันให้ดี”

‘ฉันทำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้อยู่แล้ว’

ฮันซูหัวเราะ

เขาไม่ได้สนใจกับการแข็งแกร่งขึ้นด้วยตนเองมากนัก และอาร์ติแฟคในระดับนี้ก็สามารถหาได้จากที่อื่นๆ เช่นกัน

เขาทำงานของเขาสำเร็จได้อย่างดี

ในเมื่อเขาได้รักษากรากอซและสร้างสภาพแวดล้อมที่มนุษย์ทั้งหมดที่มาจะสามารถอาศัยอยู่ได้และได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย

‘ฉันควรจะออกไปจัดการเหมือนกัน’

ไม่ช้า ฮันซูและอคารอนได้มุ่งหน้าออกจากเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณและตรงไปยังสนามรบที่คงจะสงบลงแล้วในตอนนี้

 

 

กิ้งงง

ทารูโฮลเคลื่อนย้ายอคาดัสสีทองจำนวนมากไปขณะที่เขาบินไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของลาร์ซาร์

‘งานที่เร่งด่วนที่สุดคือการรักษาลาร์ซาร์’

การรักษาลาร์ซาร์เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อที่จะหาเสบียงให้กับผู้มีชีวิตรอดจำนวนมากบนหลังของมัน

‘เราจะสามารถให้เด็กๆ ของเรากินจนอิ่มได้ มนุษย์เองก็จะมีความสุขเช่นกัน’

ทารูโฮลยิ้มขณะที่เขาบินลงไปพร้อมกับอคาดัสสีทองทั้งสิบ

และจากนั้นจึงมองไปยังเถาเป่า สถานที่ที่ยอดผู้นำเคยอาศัยอยู่ด้วยความรู้สึกมหาศาล

เช่นเดียวกับเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณที่อยู่ใจกลางที่แห่งนี้

‘โอมหาเมคิโด้… ลูกหลานของท่านได้กลับมาแล้ว’

เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณสามเครื่องที่ทำให้ลาร์ซาร์ติดเชื้อภัยพิบัติแห่งความตาย

เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณเครื่องแรกได้ถูกนำมายังแดนศักดิ์สิทธิ์โดนเอลคาเดียนเพื่อทำการค้นคว้า ทว่าอีกสองยังคงอยู่ภายในร่างของลาร์ซาร์และถูกป้องกันโดยทิราดัส

และทั้งสองเครื่องได้ส่งพิษไปยังลาร์ซาร์ในเวลาเดียวกัน

และยอดผู้นำ เมคิโด้ ที่คิดจะทำลายพวกมันได้ลงมือกับอันที่เอลคาเดียนกำลังศึกษาอยู่ในทันทีและมุ่งหน้าไปยังอีกสองเครื่อง ทว่าเขากลับถูกโจมตีโดยทิราดัสสีดำสองตัว

เขาสามารถฆ่าทิราดัสสองตัวนั่นได้ด้วยพลังของอาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ <ดาบแก่นแท้มังกร> ทว่าก็ตายไปในระหว่างการต่อสู้

ทว่าเอลคาเดียนตระหนักได้ว่าการทำลายเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณไม่มีผลอะไรจึงย้ายเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณทั้งสองมายังแดนศักดิ์สิทธิ์และศึกษามันเพื่อที่จะย้ายไปยังอีกโลก

เครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณนั่น

หนึ่งอยู่ในอาร์คลาร์ทอรี่ และอีกหนึ่งในแดนศักดิ์สิทิ์

‘ไหนดูสิ เขาบอกว่าแค่ต้องใส่ยารักษาเข้าไป… ที่นี่ใช่ไหม’

ขณะที่เขาหยดยารักษาไปยังเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ เสียงของบางอย่างทำงานได้ดังขึ้นพร้อมกับที่แสงสีขาวระเบิดออก

ไม่ช้า บางอย่างที่เป็นสีขาวได้เริ่มแผ่ขยายออกจากเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณไปยังทั่วทั้งร่างของลาร์ซาร์

ทารูโฮลแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะที่เขามองภาพนั้น

‘มันง่ายมาก’

งานตอนนี้บนลาร์ซาร์มันง่ายเกินไป

ในเมื่อทิราดัสทั้งสองได้ถูกฆ่าไปแล้วด้วยความสามารถของวีรบุรุษอย่างเมคิโด้

ทารูโฮลเริ่มเคลื่อนไหวไปยังกรากอซสีดำตัวอื่นๆ ที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเขาห่างออกไป ทว่าพลันหยุดชะงักลง

ในเมื่อศีรษะของเขาเริ่มจะปวดขึ้นมาในวินาทีที่เขาคิดถึงเมคิโด้และดาบแก่นแท้มังกร

มงกุฎแห่งหนามบนศีรษะของเขายิ่งแดงยิ่งขึ้นและทิ่มแทงเข้ามาในศีรษะของเขามากขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลอีกจำนวนหนึ่งได้ไหลเข้ามาในสมองของเขา

‘… ดาบแก่นแท้มังกรอยู่ที่อื่น?’

ความรู้สึกรบกวนปรากฏขึ้นภายในศีรษะของเขาเล็กน้อย ทว่าทารูโฮลเมินความรู้สึกนั้นไป

ในเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับดาบแก่นแท้มังกรนั้นสำคัญกว่าความรู้สึกไม่สบายตัวเล็กๆ น้อยๆ

มงกุฎแห่งหนามได้บอกเขา

ว่าดาบแก่นแท้มังกรที่อยู่ในเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณเป็นเพียงสิ่งล่อลวงผู้บุกรุกเท่านั้น

ของจริงถูกซ่อนอยู่ที่อื่น

ทารุโฮลครุ่นคิดถึงตำแหน่งของดาบแก่นแท้มังกรไปชั่วครู่ก่อนจะผงกศีรษะ

“หืมม… ดี ยังไงมันก็ดูเหมือนว่าของขวัญของพวกเราจะด้อยไปเสียหน่อย ข้าควรจะหามันและมอบมันให้กับเขา”

ฮันซูคงจะตกใจเหมือนกัน

เมื่อเขาได้รับของจริงหลังจากที่รู้สึกไม่พอใจกับของกากๆ ในตอนนี้

ทารูโฮลหยุดคิดและทะยานขึ้นไปพร้อมกับอคาดัสสีทองด้วยสีหน้ายินดี

 


TL: แง ทารูโฮลลล นิสัยดีเกินไปแล้ววว เรื่องนี้คนดียิ่งตายไวๆ อยู่