บทที่ 129: มงกุฎแห่งหนาม (3)

 

 

 

ศีรษะของผู้ที่ก่อการชุมนุมในสถานการณ์นี้ปลิวออกไปและผู้คนเริ่มจะสงบลงในตอนนี้ ในขณะที่เอนบิ อารินและผู้นำกิลด์คนอื่นๆ เริ่มควบคุมสถานการณ์

แต่ก็แค่ในตอนนี้

ทุกคนรู้สึกไม่มั่นใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเมื่อตัวสถานการณ์เองนั้นค่อนข้างจะสิ้นหวัง และพวกเขาเองก็มีข้อมูลจำกัด

พวกเขาเหมือนกับถังดินปืนที่กำลังจะระเบิด

‘ฉันต้องจัดการสถานการณ์นี้ก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น’

ฮันซูกวาดตามองไปยังเหล่านักผจญภัยที่ใจเย็นลงชั่วคราวขณะที่เขาเตรียมตัวต่อไป

กร๊อบ กร๊อบ

กรึ่บ กร๊อบ

เสียงของบางอย่างที่ถูกเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ฮันซูให้อาหารทหารพันเกราะด้วยอาวุธและชุดเกราะ ตัวเกราะเองก็ทำตัวเหมือนกับลูกนกที่หิวโหยและเคี้ยวอุปกรณ์เหล่านั้นลงไปอย่างต่อเนื่อง

กิลด์มักจะมีอาวุธสำรองเอาไว้ในฐานเผื่อว่าอาวุธที่พวกเขาใช้พังลง

ฮันซูได้ยึดพวกมันทั้งหมดมาเมื่อผู้คนทิ้งพวกมันไปในช่วงเวลาที่เร่งรีบในระหว่างทางกลับจากการเทแกรปไฟต์

ในเมื่อมันจะเป็นการดีกว่าในการที่เขาจะใช้มันแทนที่จะปล่อยให้พวกมันจมลงไป

เมื่อเกราะกินอุปกรณ์เหล่านั้น ส่วนที่แตกหักก็เริ่มฟื้นฟูสู้สภาพเดิม รูถูกเติมเต็ม และมันกระทั่งหนากว่าแต่ก่อน

ไม่ช้า ทั่วทั้งร่างของฮันซูที่สูงราวๆ สองเมตรก็ถูกปกปิดด้วยเกราะ

หลังจากที่ฮันซูซ่อมแซมทหารพันเกราะได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็เริ่มตรวจสอบสถานะของแหวนเนอร์มาฮ่าขณะที่เขาคว้าหอกสายฟ้าเอาไว้

‘ดี ถึงแม้ฉันจะยังไม่ฟื้นตัวดี…’

มันยังไม่ทันผ่านไปพ้นวันหลังจากที่เขาแทบจะถูกฉีกเป็นสองชิ้นด้วยฝีมือของทิราดัส

การจะคาดหวังการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หลังจากที่สกิลกลายพันธุ์ถูกปลดไม่ใช่การพนันที่ดี

‘แต่ฉันจะเคลื่อนไหวในเมื่อฉันเกือบจะสู้ได้แล้ว’

พยายามจะสู้ในสภาวะที่เขาสมบูรณ์พร้อมนั้นค่อนข้างจะเกินไปหน่อย

ในเมื่อพวกเขาจะต้องสู้ตราบเท่าที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ในอบิส

เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการได้รับมงกุฎแห่งหนาม

หลังจากที่ฮันซูให้อาหารทหารพันเกราะเสร็จเขาก็ลุกขึ้นยืน

เอนบิ อารินเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฮันซูเตรียมจะออกเดินทาง

“นายจะไปที่ไหน?”

ฮันซูชี้ไปยังใจกลางแผงคอที่อยู่ห่างออกไป

เมื่อโอเทออนเห็นเช่นนั้น ดวงตาของเธอก็สว่างวาบ

ในเมื่อเธอรู้ว่าฮันซูชี้ไปที่ใด

“แดนศักดิ์สิทธิ์…”

แดนศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนแห่งพระเจ้า

สถานที่ที่มีพลังงานไหลผ่านมากที่สุดในร่างของลาร์ซาร์

สถานที่ที่เป็นที่พักอาศัยของบาทหลวง เถาเป่า และตำแหน่งที่มหาวิหารตั้งอยู่

ในตอนนั้นเองที่เสียงตะโกนดังขึ้นจากรอบๆ

“บ้าบออะไรเนี่ย? มีบางอย่างกำลังมุดออกมาจากดิน?”

“ส่งข่าว! มีบางอย่างอยู่ที่นี่!”

ครืนนนน

ครืนนนนน

บางอย่างได้มุดออกมาหลังจากที่หลบซ่อนอยู่ด้านล่าง

ผู้คนแสดงสีหน้ากระวนกระวาย แต่จากนั้นก็เริ่มผ่อนคลายลง

ในเมื่อพวกเขาพอจะคาดเดาถึงตัวตนของสิ่งเหล่านั้นได้

“พวกแฟรี่นี่ล้อเล่นแรงไม่น้อยเลยไม่ใช่รึไง ใส่พวกมันลงไปใต้พื้นเนี่ย?”

ทุกคนหัวเราะขณะที่พวกเขามองไปยังพื้นดินที่ขยับไปมาใต้เท้า

ในความคิดของพวกเขา สิ่งเดียวที่สามารถออกมาจากภายในตัวกรากอซได้คือสัตว์อสูรที่แฟรี่สร้างขึ้น

และสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาสักเท่าไหร่

มันอาจจะต่างออกไปถ้าพวกเขาแยกกันไปหมด แต่คนจำนวนมหาศาลรวมตัวกันอยู่ที่นี่เพราะการอพยพครั้งใหญ่

“ไหนดูสิว่าสตัว์อสูรที่นี่หน้าตาเป็นยังไง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

ความจริงแล้วมันยังมีคนที่มีความสุขที่สัตว์อสูรแสดงตัวออกมาด้วย

ในเมื่อศัตรูที่พวกเขามีร่วมกันพลันปรากฏตัวขึ้น ช่วยทำลายสถานการณ์ตึงเครียดที่พวกเขาหวาดระแวงกันเองได้

ไม่ช้า สิ่งที่สร้างเสียงดังอยู่ด้านใต้ก็ปรากฏตัวขึ้น

กี๊ซ

ส่วนสูงประมาณสามเมตร

และหน้าตาของมันเป็นสิ่งที่พวกเขาล้วนคุ้นเคย

ทุกคนตื่นตระหนกเมื่อเห็นภาพนั้น

“เหี้ยอะไรเนี่ย! นั่นมันลูกทิราดัสรึเปล่า?”

“ว๊ากกกก!”

สัตว์อสูรสีเงินที่มุดออกมาจากพื้นนั้นดูคล้ายคลึงกับทิราดัสที่ก่อเหตุสังหารหมู่มนุษย์ในอดีตอย่างมาก

แม้ว่ามันจะตัวเล็กและมีสีเงิน มันก็คือทิราดัสเวอร์ชั่นอ่อนแอลงแน่นอน

ผู้คนทำได้เพียงตื่นตระหนกในเมื่อพวกเขาเคยเห็นหายนะที่ทิราดัสสร้างขึ้นมาแล้ว

แต่ไม่ช้า ผู้คนก็ทำใจให้สงบลงได้และตะโกนออกไปในขณะที่กัดฟันกรอด

“บ้าเอ้ย! เรามีคนเยอะน่า! แค่โจมตีมัน!”

“ใช่แล้ว! ตัวมันก็เล็กด้วย!”

มันตัวเล็กกว่าทิราดัสที่สูงสิบเมตรก่อนหน้ามาก

และการที่ทุกคนรวมตัวกันได้สร้างความมั่นใจให้พวกเขา

ไม่ช้า สกิลโจมตีจำนวนมากก็ถูกส่งออกไป

ไปยังสิ่งมีชีวิตที่ได้สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาในสถานการณ์ที่พวกเขาล้วนกระวนกระวาย

ตูมมมมมม!

สิ่งนั้นที่มุดออกมาจากพื้นดูเหมือนทิราดัสมากในเมื่อมันต้านทานการโจมตีของสกิลทั้งหลายได้ค่อนข้างดี

แต่จำนวนของพวกเขาทำให้มันต่างออกไป

สกิลจำนวนมหาศาลได้เปลี่ยนทิราดัสสีเงิน 20 กว่าตัวให้กลายเป็นผ่าขี้ริ้ว

“อุวะฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันเป็นการผ่อนคลายความเครียดชั้นเยี่ยมเลย!”

“เวรเอ้ย! ดูเหมือนว่าไอ้ตัวนี้จะไม่ใช่สัตว์อสูร! มันไม่ดรอปอะไรเลย!”

ทุกคนหัวเราะขณะที่มองไปยังเป้าหมายของพวกเขาที่ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย

ทว่าฮันซูทำเพียงส่ายศีรษะ

“นี่แค่เริ่มต้น”

“อะไรนะ?”

ในตอนที่โซเฟียขมวดคิ้วนั่นเอง

พื้นเริ่มที่จะสั่นไหวราวกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

“หือ? หือออ? บ้าอะไรเนี่ย? ไอ้เจ้าตัวนี้จะกลิ้งอีกตัวรึเปล่าเนี่ย?”

ทุกคนตื่นตระหนก

ทว่าไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบถึงสาเหตุของแผ่นดินไหว

ครืนนนนน

ไม่เหมือนกับความกังวลของผู้คน แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวของกรากอซ

แต่มันมีความอันตรายในระดับเดียวกัน

“เชี่ย…”

สีหน้าของผู้ที่ทำลายทิราดัสสีเงินไปและกำลังหัวเราะพลันมืดทะมึนลง

กี๊ซซซซ!

ทิราดัสสีเงินจำนวนมหาศาลได้ปรากฏตัวขึ้นจากพื้นขณะที่พุ่งเข้ามาหาเหล่ามนุษย์

ด้วยจำนวนที่สร้างแผ่นดินไหวจากแค่เพียงการที่พวกมันมุดออกมาจากพื้น

“ไอ้… นั่นมันอะไรกัน ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

โอเทออนขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปยังคลื่นสีเงินที่เข้ามาใกล้พวกเธอ

สถานที่แห่งนี้ สิงโตขาวลาร์ซาร์ คือบ้านเกิดของพวกเธอ

พวกเธออาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มาเป็นเวลาหลายปี และคนในระดับนักบวชหญิงก็สามารถพูดได้ว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โอเทออนเห็นสิ่งนี้

ขณะที่โอเทออนมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฮันซูก็เอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว

“มันคือมรดกของเอลคาเดียน เราต้องจัดการพวกมัน”

ผลงานชิ้นเอกของเอลคาเดียน

หนึ่งคือ <การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย> ที่ทุกคนรู้จักกันดี

และอีกอย่างคือสิ่งนั้น

อาวุธไร้คนขับ <อคาดัส>

ฮันซูคิดถึงความทรงจำของเอลคาเดียนจากก่อนหน้า

 

 

 

<…หนึ่ง… ชั่วโมง>

ข้าสร้างการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายได้สำเร็จด้วยข้อมูลมหาศาลเกี่ยวกับกรากอซที่ข้าได้รับจากเครื่องเคลื่อนย้ายวิญญาณ

ในตอนนั้นเองที่ข้ารู้สึกกระหายในอีกเรื่องหนึ่ง

<แม้ว่าพวกเราจะได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายแล้ว ผู้ที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าก็ยังคงเป็นอคารอน>

มันไม่มีสิ่งใดที่จะสร้างความเสียหายไปได้มากกว่าการต่อสู้ในแนวหน้าอีกแล้ว

และอีกปัญหาหนึ่ง

การดัดแปลงร่างกายนั้นมีส่วนสำคัญในการขับไล่มาร์กอช

แต่หลังจากที่ศัตรูร่วมที่ทรงพลังได้ถูกขับไล่ออกไปแล้ว อคารอนก็ไม่อาจควบคุมพลังงานมหาศาลที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของพวกเขาได้และเริ่มต่อสู้กันเองแทน

เหมือนกับมหาสงครามครั้งที่หนึ่งในอดีต

ยามที่แต่ล่ะเผ่าต่อสู้กันเอง และยามที่ผู้นำเผ่าและนักบวชทะเลาะกันเอง

สุดท้ายแล้วข้าจึงสรุปได้

ว่าข้าต้องการพลังอันเป็นที่สุดเพื่อที่จะควบคุมและหยุดการต่อต้านทั้งหมด

บางอย่างที่จะสามารถลดความสูญเสียของอคารอนในการต่อสู้กับมาร์กอช และในเวลาเดียวกันก็ควบคุมอคารอนเพื่อไม่ให้พวกเขาสู้กันเอง

มันจำเป็นต้องมีกองทัพที่ทรงพลังที่จะขัดขวางพวกเขาจนกว่าความขัดแย้งภายในของอคารอนจบสิ้นลง

โชคดีที่ข้ามีข้อมูลและวัสดุมหาศาล

วัสดุและข้อมูลที่ข้าได้รับมาจากการแยกชิ้นส่วนและค้นคว้าทิราดัส

<เจ้าสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคน แล้วทำไมข้าจะสร้างมันบ้างไม่ได้?>

หากข้าสามารถใช้ข้อมูลเกี่ยวกับทิราดัสและสร้างทหารที่แข็งแกร่งขึ้นได้ แผนของข้าก็จะสำเร็จอย่างน่าทึ่ง

แต่ข้าต้องคิดและเลือกผู้ที่ข้าจะมอบพลังนี้ให้อย่างระมัดระวังและรอบคอบ

หากพลังนี่ตกอยู่ในมือของผู้ที่ชั่วร้าย งั้น… หายนะก็จะเกิดขึ้น

 

 

 

‘น่าเศร้าที่ทุกอย่างล่มสลายกระทั่งก่อนที่เธอจะสามารถใช้มันได้’

ฮันซูขมวดคิ้ว

ทหารอันแข็งแกร่งที่ไร้คนควบคุม อคาดัส

และโรงงานที่ไม่มีคนขับเคลื่อนที่สามารถสร้างอคาดัสพวกนี้ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง

และสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่จะสามารถควบคุมอคาดัสได้ มงกุฎแห่งหนาม

แม้ว่าพวกมันจะอ่อนแอกว่าทิราดัสอย่างมาก พวกมันก็มีจำนวนมากกว่าพวกเขามาก

ราวกับว่าเอลคาเดียนกำลังพิสูจน์ว่าเธอคือนักวิจัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของอคารอน เธอได้สร้างกองกำลังที่สามารถควบคุมอคารอนทั้งเผ่าพันธุ์ไว้ได้ด้วยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

แต่มันสายเกินไป

กระทั่งก่อนที่โรงงานจะเริ่มทำงานและสร้างอคาดัสจำนวนมหาศาล ภัยพิบัติแห่งความตายได้โจมตีกรากอซ และเอลคาเดียนจำต้องไปยังอีกโลกกระทั่งก่อนที่มงกุฎแห่งหนามจะถูกใช้

ปัญหาคือโรงงานอัตโนมัติที่สร้างอคาดัส <อาร์คลาเทอรี่> ได้สร้างอคาดัสออกมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเอลคาเดียนจะจากไปแล้ว

และอคาดัสเหล่านี้ได้หลบซ่อนอยู่รอบๆ และโจมตีมนุษย์เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้

ในเมื่อพวกมันได้ถูกกำหนดมาให้โจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างเมื่อพวกมันรับรู้ได้

“งั้นไม่ใช่ว่าพวกเราแค่ต้องไปอยู่ด้านหน้าเหรอ?”

เสาที่หนึ่ง ทารูโฮล เอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง

หากอาวุธไร้คนควบคุมเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องอคารอน งั้นมันก็มีเหตุผลถ้าพวกมันจะไม่โจมตีเหล่าอคารอน

แต่ฮันซูส่ายศีรษะ

“มันจะโจมตีพวกนายด้วย”

ตอนที่เอลคาเดียนสร่างสิ่งนี้ ยอดผู้นำและบาทหลวงกำลังทะเลาะกันเอง และเอลคาเดียนได้กำหนดให้อคาดัสโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในเมื่อเธอหวาดกลัวว่ามงกุฎแห่งหนามจะถูกขโมยไป

มันจะฉีกกระชากทุกอย่างรวมทั้งอคารอนด้วย

โอเทออนแสดงสีหน้าหดหู่ออกมาเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้

“ทำไม… ไม่ใช่ว่าท่านเอลคาเดียนได้ทิ้งมงกุฎแห่งหนามเอาไว้…”

ฮันซูอ่านความจริงจากภายในผลึกความทรงจำ

“ดูเหมือนว่าก่อนหน้าเธอจะไม่อาจส่งมอบมันไปได้เพราะความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเผ่าและฝ่ายนักบวชรุนแรงเกินไป หากมีฝ่ายหนึ่งได้รับพลังนี้ไป พวกเขาก็จะใช้มันในการกำจัดอีกฝ่าย และมันไม่ได้ช่วยในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรากอซได้มากอยู่ดี”

“…”

โอเทออนถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ในเมื่อมันเป็นความจริงทั้งหมด

เธอมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น

หากมงกุฎนั่นถูกมอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่นนั้นฝ่ายนั้นก็จะใช้มันในการทำลายอีกฝ่าย

ในเมื่อในช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและเกลียดชัง

และพวกเธอล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอลคาเดียน

“… มันไม่มีอะไรที่ข้าจะพูดได้ เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไรต่อ?”

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านคลื่นอคาดัสยักษ์นี้ไป

พวกเขาจะกลายเป็นชีสสวิส1จากการโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วนของพวกมัน

แม้ว่าพวกเขาอาจจะยื้อไว้ได้สักพักใหญ่ๆ ในเมื่อมนุษย์ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเอาชนะกองทัพนั้นได้

ฮันซูเอ่ยตอบอย่างง่ายๆ

“ไปทางอุโมงค์ลับ ไปยังโรงงานที่ไร้คนควบคุมใต้แดนศักดิ์สิทธิ์ อาร์คลาเทอรี่ เราแค่ต้องนำมงกุฎแห่งหนามที่อยู่ที่นั่นกลับมา”

ทุกคนเดาะลิ้นขณะที่มองไปยังฮันซู

‘… ไม่มีอะไรเลยที่เขาไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย เขาเตรียมตัวมาดีจริงๆ’

หลังจากที่โอเทออนรู้สึกซาบซึ้งที่มีฮันซูอยู่ฝ่ายเดียวกัน เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก

“…มันคงจะลำบากมาก แต่มันก็คงดีกว่าสู้กับเจ้าพวกนั้นตรงๆ”

ฮันซูส่ายศีรษะ

“อุโมงค์ลับก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”

‘งั้นเหรอ’

โอเทออนขมวดคิ้ว

ในเมื่อมันไม่มีเหตุผลให้อุโมงค์ลับจะง่ายดายและสะดวกสบายจริงๆ

ไม่สิ มันคงจะมีการป้องกันแน่นหนากว่าในเมื่อมันต้องปกปิดบางอย่าง

“เราต้องแบ่งกำลังของพวกเราออก งั้น… ใครจะอยู่ใครจะไป?”

เอนบิ อารินพึมพำขณะที่เธอมองไปยังเหล่าคนระดับมาร์กอชรอบๆ ตัวเธอ

ระดับมาร์กอชส่วนมากรวมตัวกันอยู่ที่นี่

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถไปด้วยกันได้

ในเมื่อคนระดับมาร์กอชเองก็เหมาะสมในการเป็นผู้สั่งการพอๆ กับพลังของพวกเขา

ต้องมีคนอยู่ที่นี่และควบคุมการต่อสู้ขัดขวางกองทัพสีเงินนั่น

โอเทออนต้องตามฮันซูไปและช่วยเขานำมงกุฎแห่งหนามคืนมา

ในตอนนั้นเอง แอเรียลที่ฟังอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยขึ้น

“ฉันจะไปกับนาย ฮันซู”

“… เธอวางแผนอะไรอยู่”

เอนบิ อารินขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังแอเรียล

 


หมายเหตุ: (1) = เป็นชีสของประเทศสวิสเซอร์แลน จะมีรูเยอะๆ

 

TL: พอหาข้อมูลเกี่ยวกับชีส มันก็จะรู้สึกหิวขึ้นมาหน่อยๆ ล่ะค่ะ…