บทที่ 127 อาวุธคุ้มกัน จุยหุน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ทุกๆคนรวมทั้งทันเดอร์และหลินเต๋อเทียน ต่างตกตะลึงไปชั่วครู่ พวกเขาได้ยินเพียงเสียงอาวุธลับทั้ง 3 เล่ม ร่วงหล่นลงบนพื้นโดยไม่แม้จะทันได้มีปฏิกิริยาอันใด

“เกิดอะไรขึ้น!?”

แม้พวกเขาจะมีไนท์วิชั่น แต่ก็ยังไม่อาจมองเห็นมีดบินที่พุ่งมาในความมืดได้ ความเร็วของพวกมันเทียบเท่ากระสุนปืนทั่วไปได้เลย ถึงอย่างนั้น หากเย่เฟิงไม่อาจจัดการเอาไว้ได้ทัน ชีวิตของหลินเต๋อเทียนก็คงจบสิ้นไปแล้ว

ธันเดอร์และทหารหน่วย NSA ไม่ทันได้ทำอะไรจนกระทั่งได้ยินเสียงร่วงหล่นของสิ่งมีคมที่ดังไปทั่วบริเวณ หลังจากเสียงที่ดังขึ้น พวกเขาต่างก้มลงมองด้วยกล้องไนท์วิชั่น และพบอาวุธลับสองสามอันหล่นอยู่บนพื้นบริเวณเท้าของหลินเต๋อเทียน เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าทุกคนต่างเปลี่ยนไปทันที

มีใครบางคนต้องการลอบสังหารหลินเต๋อเทียน!

ถึงแม้หน่วย NSA ทั้ง 29 คนจะยังไม่ได้รับคำสั่งจากธันเดอร์ พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปคุ้มกันหลินเต๋อเทียนในทุกๆด้านอย่างหนาแน่น ขณะเดียวกัน พวกเขายังเก็บอาวุธปืนไว้ก่อนจะนำอุปกรณ์ป้องกันตัวออกมา ทันใดนั้น ทหารเหล่านี้ก็กลายเป็นหน่วยคุ้มกันโดยสมบูรณ์

ไม่นานนัก ระเบิดแสงแรงดันสูงก็ถูกโยนออกไป ระเบิดลูกนี้สามารถระเบิดแสงออกมาได้ไกลหลายกิโลเมตร เวลานี้ ทุกๆคนสามารถมองเห็นพื้นที่ในแทบนี้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งโรงงานร้างที่ดูเสื่อมโทรมและปกคลุมไปด้วยวัชพืชซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร

นอกจากนั้นยังมีศพของตัวประหลาดทั้งแปดที่ถูกยิงจนพรุนนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น รวมทั้งรถบรรทุกทั้งสองคันที่ถูกพลิกคว่ำ

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลินเต๋อเทียนอาศัยช่วงเวลาที่แสงจากลูกระเบิดส่องสว่าง ก้มหัวลงมองมีดอันแหลมคมทั้งสามเล่มซึ่งร่วงอยู่บนพื้นใกล้ๆปลายเท้าของเขา ชายวัยกลางคนเพ่งพิศคิ้วขมวด

“อาวุธคุ้มกัน จุยหุนงั้นหรอ?!”

หลินเต๋อเทียนระบุตัวตนของฝ่ายตรงข้ามได้ทันที!

“หัวหน้ารู้จักมันหรอครับ?”

สีหน้าของธันเดอร์เปลี่ยนเป็นเขร่งเครียดขึ้น “ฉันเคยได้ยินว่า 5 ปีก่อน มีชายคนหนึ่งนามว่า ‘จุยหุน’ ที่รู้จักกันในชื่อ ‘อาวุธคุ้มกัน’ มันเป็นนักฆ่าที่เชี่ยวชาญการใช้มีด และถนัดในการสังหารผู้คนจากมุมมืด หลังจากนั้น ชื่อของมันก็อยู่ในลิสอาชญากรที่รัฐบาลต้องการตัวมากที่สุด ถึงอย่างนั้นหลังจากติดประกาศจับ มันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่โพล่มาอีกเลยตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้…..”

“ถูกต้อง ฉันไม่คิดเลยว่าจู่ๆมันจะปรากฏตัวขึ้นมาในที่แห่งนี้”

หลินเต๋อเทียนขมวดคิ้วขณะเอ่ยขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นและหันไปมองเย่เฟิงที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ชายสวมหน้ากากคนนี้มีฝีมือที่น่ากลัวอย่างมาก ถึงขนาดสามารถหยุดการโจมตีของ‘อาวุธคุ้มกัน’ได้อย่างง่ายดาย ด้วยทักษะวรยุทธ์อันน่าทึ่ง!

อาวุธคุ้มกัน จุยหุน?

เวลานี้ เย่เฟิงยังคงใช้งานทักษะสัมผัสวิญญาณอยู่ เขาจึงได้ยินสิ่งที่หลินเต๋อเทียนและธันเดอร์พูดคุยกันจากระยะไกล เขารับรู้แล้วว่าในตอนนี้ ศัตรูคือผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับ และยังเป็นอาชญกรที่ต้องการตัวของรัฐบาล ชัดเจนว่ามันคือหนึ่งในหุ่นเชิดของไซ่เชาหงแน่นอน
ไซ่เชาหงต้องรู้จักกับ‘อาวุธคุ้มกัน’มานานแล้ว และเป็นไปได้มากว่า มันต้องอาศัยนักฆ่าคนนี้จัดการฆ่าล้างคนของแก๊งประตูสวรรค์ใต้ ด้วยระดับวรยุทธ์ที่สูงส่งและทักษะอาวุธลับที่ชำนาญ การจัดการกับแก๊งๆหนึ่งของโลกใต้ดินย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ขณะถือกระบี่สีทองไว้ในมือ เย่เฟิงมองไปรอบๆอย่างตื่นตัวตลอดเวลา หากมีสิ่งใดที่เข้ามาในระยะ 100 เมตร เขาจะจัดการมันทันที!

หลินชื่อฉิงที่นั่งอยู่บนพื้น อดไม่ได้ที่ร้องเสียง“ซีด”ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ เย่เฟิงปล่อยตัวเธออย่างกระทันหัน จนหญิงสาวต้องร่วงลงไปกระแทกพื้น

ถึงอย่างนั้น หลินชื่อฉิงไม่ใช่คุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาแบบเอาอกเอาใจ เธอไม่ได้โวยวายอะไรและรีบลุกขึ้นยืน เมื่อหญิงสาวมองเห็นภาพเงาอันเลือนราง เธอก็รีบมองไปรอบๆก่อนจะตะโกนออกมา “เสี่ยวฉีอยู่ไหน?”

ตอนนี้หลินชื่อฉิงหายใจคล่องขึ้นแล้ว สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของเธอคือ ในเมื่อเสี่ยวฉีไม่ได้อยู่ที่นี่ งั้นก็แสดงว่าเพื่อนของเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ?

เมื่อเห็นหลินเต๋อเทียนพ่อของเธอเกือบจะถูกสังหาร หัวใจของหลินชื่อฉิงก็แทบจะหยุดเต้น แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกกังวลกับเสี่ยวฉีได้อย่างไร หากชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู๋ใกล้เธอตอนนี้ไม่ได้เป็นคนลักพาตัวเพื่อนของเธอไป แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวฉีกัน?
หลินชื่อฉิงมองมายังเย่เฟิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆอย่างเงียบๆ ชายคนนี้ถือกระบี่สีทองเล่มยาวอยู่ในมือ เธอคิดว่าท่าทางที่องอาจของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกปลอดภัยจริงๆ

แล้วชายคนนี้เป็นใครกันแน่?

ทำไมเขาถึงต้องสวมหน้ากากไว้ด้วย?

หญิงสาวรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ เธอเข้าใจชายคนนี้ผิดไป……

“จุ๊ จุ๊”

น้ำเสียงน่าสยองของจุยหุนดังมาจากทั่วสารทิศราวกับภูติผีปีศาจ “สาวน้อยตระกูลเสี่ยวอยู่ที่ไหนงั้นหรอ? เธอไม่ลองถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆดูเล่า? คุณหนูหลิน”

เมื่อหลินชื่อฉิงได้ยินดังนั้น เธอรีบหันมามองเย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวปรากฏร่องรอยของความสงสัยขึ้นมาในทันใด

โดยไม่ปล่อยให้ผู้คนได้ตอบสนอง จุยหุนพูดต่อไปว่า “โม่จิ่วเกอ เล่ห์กลของแกคุ้มค่าแก่การยกย่องจริงๆ ใครจะไปคิดว่าแกวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ยังไงสุดท้าย แกก็ตั้งใจจะหักหลังคุณหนูหลงใช่ไหมล่ะ? แล้วแผนใหม่ของแกตอนนี้คือสาวน้อยตระกูลหลินงั้นหรอ? เยี่ยมจริงๆ จุ๊ จุ๊ ไม่ว่าจะเป็นโลกวรยุทธ์หรือโลกคนธรรมดา แกก็อยากอยู่บนจุดสูงสุดทั้งสองโลกเลยสินะ……”

คำพูดเหล่านั้น ส่งผลให้ทุกคนในที่นี้ต่างตกตะลึงไปตามๆกัน

หลินชื่อฉิงก้าวถอยหลังออกไปด้วยความตื่นตระหนก เธอจ้องมองเย่เฟิงด้วยความสับสน ส่วนหลินเต๋อเทียน ธันเดอร์ และคนอื่นๆที่อยู่ห่างออกไปตื่นตัวขึ้นมาทันที

ชายสวมหน้ากากและ‘อาวุธคุ้มกัน’รู้จักกันมาก่อนงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะถูกอธิบายออกมาแล้ว!

สังหารไซ่เชาหง ทำลายหลักฐาน และตอนนี้ ชายสวมหน้ากากยังปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อช่วยหลินชื่อฉิง

ไม่ว่าไซ่เชาหงตั้งใจจะทำอะไรในประเทศนี้ เป้าหมายของชายสวมหน้ากากนั้นชัดเจนว่าคือตระกูลหลิน! เมื่อได้ยินข่าวลือว่าไซ่เชาหงคือคนรักของหลินชื่อฉิง ชายสวมหน้ากากก็ย่อมต้องจัดการกางขวางคอออกไปแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หน้ากากบูดบึ้งสีขาวอันนั้น เย่เฟิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ชัดเจนว่าคำพูดของจุยหุนทำให้ทุกคนที่นี่รู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจ ทุกๆคนรวมทั้งหลินเต๋อเทียนเริ่มไม่ไว้ใจเขา ชัดเจนว่ามันคือกับดักที่จุยหุนสร้างขึ้น และมันยังประสบความสำเร็จอีกด้วย!

ถึงอย่างนั้น ทำไมเจ้านี่ถึงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลงหวางเอ๋อกัน? หรือมันได้พบกับหลี่ฮวาแห่งวังกระบี่สวรรค์ก่อนหน้านี่งั้นหรอ?

เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่หลงหวางเอ๋อจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของเขาและหลงหวางเอ๋อยังมีแค่เย่เวิ่นเทียนคนเดียวที่รู้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ปู่ของเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา เพราะฉะนั้น มันต้องเป็นเจ้าคนวิปริตหลี่ฮวาแน่นอน ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน ทุกคนในโลกยุทธภพคงได้รู้เรื่องนี้แน่……

ความจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรแก่เย่เฟิง เพราะเขาใช้ตัวตนของโม่จิ่วเกออยู่ เวลานี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสังหารจุนหุย ไม่อย่างนั้น หากมันยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขาคงนอนไม่หลับเป็นแน่

“ไร้สาระ”

เย่เฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ และทันใดนั้น เขาก็คว้าตัวหลินชื่อฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหันหน้าไปมองธันเดอร์และหลินเต๋อเทียน “พวกคุณอยู่ที่นี่ แล้วคอยดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”

เย่เฟิงคร้านจะอธิบายอะไรให้มากความ จึงพูดจาแบบอ้อมๆออกมาเพียงสองสามประโยค ชายหนุ่มเชื่อว่าในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ หลินเต๋อเทียนคงเข้าใจเจตนาที่เขาต้องการสื่อในสถานการณ์นี้

“รอคำสั่งก่อน! ให้ทุกคนตื่นตัวตลอดเวลาด้วย”

เป็นไปตามที่คาด หลินเต๋อเทียนเคยพบเจอประสบการณ์แบบนี้มามากมาย เพราะฉะนั้น เขาจึงออกคำสั่งไปแบบไม่กังวลใจมากนัก ถึงแม้จะเห็นชายสวมหน้ากากจับตัวหลินชื่อฉิงลูกสาวของเขาเอาไว้ต่อหน้าต่อตา แต่ชายวัยกลางคนยังคงมีสีหน้าใจเย็น และไม่ให้สิ่งใดมาทำให้จิตใจของเขาวอกแวก ไม่ว่าเป้าหมายของชายสวมหน้ากากคืออะไร อย่างน้อยตอนนี้ ชายคนนั้นก็ยังยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับพวกเขา

ทั้งสถานการณ์ตอนนี้ ศัตรูของพวกเขายังซ่อนตัวอยู่ในที่มืดอีกด้วย!

ขณะเดียวกัน หลินชื่อฉิงที่ถูกล๊อคตัวไว้แน่น พยายามดิ้นรน “ปล่อยฉันนะ!”

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวคนนี้ยังเด็กนัก จิตใจของเธอยังเทียบไม่ได้กับหลินเต๋อเทียน

“หยุดพูดได้แล้ว”

ความจริงแล้ว เย่เฟิงเพียงต้องการจับตัวหลินชื่อฉิงเอาไว้เป็นตัวประกัน ไม่อย่างนั้น หากหน่วย NSA โจมตีเข้ามา เขาคงต้องพบเจอกับความหายนะเป็นแน่

ชายหนุ่มใช้แขนข้างหนึ่งของเขารวบเอวอันบอบบางของหลินชื่อฉิงเอาไว้ ก่อนจะปลดปล่อยเจินชี่เพื่อใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาพุ่งตัวออกไป

ในเมื่อศัตรูของเขาไม่ยอมปรากฏตัวขึ้นมาเอง เย่เฟิงจึงจำต้องเป็นฝ่ายไล่ล่า ทักษะสัมผัสวิญญาณของเขาเปรียบเสมือนเรดาห์ซึ่งรับรู้ทุกสิ่งในระยะ 100 เมตร เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาอยู่ในระยะนี้ มันก็ไม่อาจหลุดรอดการรับรู้ของเขาไปได้

ขณะรวบร่างของหลินชื่อฉิงไว้ ทันใดนั้น ร่างของเย่เฟิงก็พลันหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ราวกับภูติผียามค่ำคืน

‘ตรงนั้นสินะ’

เย่เฟิงพุ่งไปยังโรงงานร้างอย่างเร่งรีบ ด้วยทักษะสัมผัสวิญญาณ เขาพบร่างของคนๆหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ซ้ำตำแหน่งนั้นยังเป็นที่ลับตาคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือจุยหุนแน่นอน!

………………………

แปลโดย Solar Spark , Tan Tan