บทที่ 11

 

ทุกคนอ้าปากตาค้าง แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับสตรีที่บำเพ็ญเพียร แต่ที่ทำให้พวกเขาตกใจก็คือ

 

ตั้งแต่หัวลงมา เธอคนนี้ผิวใสราวกับหยกแก้ว 

 

“นั่นนางตายแล้วหรือมีชีวิตอยู่?” เหลียวไฮ่ขมวดคิ้วพูด

 

“นางตายแล้ว หน้าอกไม่กระเพื่อม บ่งบอกว่าไม่หายใจ” ฉินห่าวพูดต่อ “และนางสมควรเป็นสตรีที่เป็นต้นตอของปัญหา แต่ศพนางมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครเป็นคนนำมาซ่อนเอาไว้?”

 

“ ศิษย์พี่ ท่านลืมเหตุการณ์คืนแรกที่ท่านเล่าไปแล้วหรือไร? หากข้าเดาไม่ผิด สตรีนางนี้สมควรถูกคนในหมู่บ้านใช้เป็นของเล่น”

 

อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อตอนนางยังมีชีวิตอยู่ คงโดดเดี่ยวเดียวดาย เลยไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน”

 

“ก็คงประมาณนั้น” เหลียวไฮ่เห็นด้วย

 

ฉินฮ่าวพยักหน้าอย่างเงียบๆ เขาจำสีหน้าผิดธรรมชาติของหัวหน้าหมู่บ้านตอนพูดถึงสตรีนางนี้ได้ ไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นมนุษย์จะมีจิตใจดั่งสัตว์อำมหิตเช่นนี้ 

 

“ตอนนี้เราควรทำอย่างไร? นางฆ่าสหายของเราไปสามคน!” ฉินห่าวนึกถึงหวังหยาง ก็ปวดใจอย่างแรง

 

“ดวงจิตนางน่าจะกลายเป็นผีร้ายไปแล้ว ไม่งั้นก็คงมีศึกษาวิชามารบางอย่าง ศพจึงเป็นเช่นนี้”

 

เหลียวไฮ่ขมวดคิ้วและพูดว่า “ถ้าเป็นสองสถานการณ์ที่ว่ามา คงยากจะรับมือ เพราะหากหาดวงจิตไม่พบ ยังไงก็ไม่สามารถกำจัดนางแบบเด็ดขาดได้”

 

“ เฮ้อ ถ้างั้นเรานำศพนางกลับไปที่นิกาย แล้วขอให้ผู้อาวุโสจัดการเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างศพเลยดีไหม?” ฉินฮ่าวกล่าว

 

“ก็คงทำได้แค่นี้แหละ”

 

ทุกคนพยักหน้า

 

ฉินห่าวทำใจดีสู้เสือ เดินเข้าหาศพของนาง นำผ้าผืนใหญ่ออกมาคลุม แล้วตัดโซ่เหล็กสี่เส้นที่พันสองแขนสองขา จากนั้นอุ้มเธอไว้ เมื่อสัมผัสเกิดอาการหนาวเย็นเล็กน้อยส่งผ่านลงมา

 

ทุกคนจ้องมองอย่างใกล้ชิด ในมือมีเม็ดเหงื่อซึม 

 

“กรร!”

 

ทันใดนั้นเอง ไม่รู้ว่าศพหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน มันเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเลือดทั้งสองข้างที่ไม่มีตาขาว อ้าปากและกัดฉินห่าว

 

“เชี่ยแล้วไง!”

 

ฉินห่าวตกใจ สบถคำหยาบโดยไม่รู้ตัว ไม่คิดอุ้มร่างเธอไว้อีก จับเหวี่ยงออกไปสุดแรง

 

“ฉินห่าว! นี่เจ้าขว้างมาทางไหนของเจ้า …”

 

เหลียวไฮ่สะดุ้งโหยง เห็นเพียงฉินห่าวโยนศพผู้หญิงมาทางเขาอย่างกะทันหัน รีบชักกระบี่และฟันออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เคร้ง!

 

เกิดเสียงที่คมชัด ฝ่ามืองามของศพหญิงสาวกำใบกระบี่ไว้ เธออ้าปากกว้างและขย้ำเข้าที่คอของเหลียวไฮ่

 

“ไม่ผิดแล้ว นี่คือศพผีดิบ!” เหลียวไฮ่เอี้ยวคอเพื่อหลบเลี่ยง แต่นี่ก็ทำให้เขาเห็นศพหญิงสาวในระยะเผาขน เกิดอาการตกใจกลัวจนหน้าซีด

 

“ขอโทษที ข้าแค่ตกใจเลยโยนไปมั่วๆ”

 

ฉินห่าวผายมืออย่างช่วยไม่ได้

 

“เรื่องนั้นเอาไว้คิดบัญชีกันทีหลัง แต่ตอนนี้เจ้ามาช่วยข้าก่อน!” เหลียวไฮ่ร้อนรน กระบี่ในมือตวัดวูบไปมาดูยุ่งเหยิง แต่ซักพักก็เริ่มเอะใจ

 

‘ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปพบเจอกับความชั่วร้ายอันใดมา แต่เหตุใดถึงต้องเล่นงานแต่ข้า??’

 

คนอื่นๆยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครกล้าเข้าไป

 

“ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง!” ฉินห่าวกำค้อนศึก เอ่ยตอบประโยคหนึ่ง แล้วกระโจนเข้าร่วมสู้

 

บรึ้ม!

 

ศพแข็งกระด้างของหญิงสาวถูกตีกระเด็นถอยหลังกลับ

 

“กรรร!”

 

ศพหญิงสาวคล้ายมีท่าทีหวาดกลัว ไม่ต้องการต่อสู้กับฉินห่าว หันไปอีกทาง จ้องแต่จะเล่นงานเพียงเหลียวไฮ่คนเดียว

 

เหลียวไฮ่กำลังจะเป็นบ้า ประสานสองมือเป็นรูปแบบผนึกต่างๆอย่างเร็วไว

 

“วิชาสายฟ้า สายฟ้าพิโรธ!”

 

เปรี้ยง!

 

สายฟ้าฟาดเข้าใส่ผู้หญิงคนนั้น

 

“ฮ๊าาาา!”

 

โครม!

 

ศพหญิงสาวไหม้เกรียมล้มลงกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

 

“ ฮู้ว … ฮู้ว …. ฮู้ว …. ตาย … ตายแล้วใช่ไหม?”

 

เหลียวไฮ่หายใจหอบ เห็นได้ชัดว่าวิชาสายฟ้านี้กินพลังงานเขามาก

 

“อันที่จริงมันตายตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังไงก็เถอะ เจ้านี่เจ๋งจริงๆ ” ฉินห่าวยกนิ้วโป้งขึ้น

 

“จบแล้วสินะ …”

 

ฟัฟฟฟฟ

 

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น จู่ๆรอยยิ้มของเหลียวไฮ่พลันแข็งค้าง หัวค่อยๆพลิกคว่ำ และกลิ้งตกลงจากคอ เลือดไหลนองเต็มพื้น

 

คนอื่นๆ มองด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่ยังไม่มีใครทันได้โศกเศร้ากับความตายของเหลียวไฮ่ —

 

–บรึ้ม!

 

ฉินห่าวโฉบวูบไปโผล่มาด้านหลังร่างไร้หัวของเหลียวไฮ่และฟาดออกไป

 

โครม! 

 

ร่างสีแดงเลือดที่ซ่อนอยู่ชนเข้ากับกำแพง

 

ทุกคนเพ่งมองอย่างตั้งใจ และพบว่าร่างสีแดงนี้คือดวงจิตของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผีร้ายไปแล้ว

 

“แก้แค้น … ต้องแก้แค้น!”

 

เสียงของผีร้ายฟังคล้ายกับหินที่นำไปขูดกระจก มันรุนแรงและบาดแหลม ดวงตาสีแดงเลือดจับจ้องไปทางฉินห่าว