บทที่ 106 ชายร่างอ้วนอัปลักษณ์

เย่เฟิงรีบหนีออกจากบ้านหลังนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครจับได้

การมีอยู่ของพลังวิญญาณอันมหาศาลในชั้นใต้ดินของบ้านหลังนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง มันมีความเป็นไปได้สองข้อคือ หนึ่ง ไซ่เชาหงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ในบ้าน หรือสอง ไซ่เชาหงจงใจซ่อนบางสิ่งไว้ในห้องใต้ดิน

หากเป็นไปตามข้อแรก ในกรณีนี้ ไซ่เชาหงก็คงไม่ใช่ไซ่เชาจากองค์กรลึกลับ และพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งในห้องใต้ดินนั้น ก็ต้องเป็นของใครบางคน

แต่หากเป็นไปตามข้อสอง ก็อาจบอกได้ว่าชายคนนี้น่าสงสัยอย่างยิ่ง และมีโอกาส 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นที่ไซ่เชาหงจะเป็นคนเดียวกันกับไซ่เชา ซึ่งภายใต้สถานการณ์นี้ เย่เฟิงไม่กล้าเสี่ยงที่จะบุกเข้าไปในห้องใต้ดิน

ตอนนี้ เย่เฟิงมีวรยุทธ์แค่เพียงระดับ 5 ปี ยิ่งกว่านั้น เขาไม่รู้ว่ายังมีอะไรในห้องใต้ดินอีก ชายหนุ่มพลันคิดไปถึง‘มือดี’ที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้ หากมีจำนวนของเจ้าตัวประหลาดนั้นมีอยู่มากมายในห้องใต้ดิน แล้วเขาจะไม่กลายเป็นเต่าติดแจกันไปหรือไง? แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่เสี่ยงเข้าไปติดกับดักข้างในนั้น

‘เราต้องรีบสืบค้นเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะของที่มีพลังวิญญาณมหาศาลขนาดนี้ เราต้องเอามันมาให้ได้’

เย่เฟิงคิดในใจและรีบออกจากสถานที่นี้อย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มตั้งใจจะรอจนถึงพรุ่งนี้ โดยในระหว่างที่ไซ่เชาหงไม่อยู่บ้าน เขาจะลอบเข้ามาที่นี่อีกครั้ง แต่สำหรับคืนนี้ เขาต้องค้นหาเงื่อนงำของไซ่เชาต่อ และเพื่อให้เป้าหมายของเขาสำเร็จ เย่เฟิงต้องหาเบาะแสจาก‘แก๊งเทียน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเมืองเหยียนจิง

เมื่อเย่เฟิงได้สังหารซ่งหู่แห่งแก๊งอสรพิษสวรรค์และตู้ปางหลงแห่งสมาพันธ์มังกรดำ ตอนนี้ ชายหนุ่มต้องการไปเจอหัวหน้าของแก๊งเทียน ซึ่งบางที เขาอาจจะใช้ทักษะสะกดจิตใส่มัน และบังคับให้มันโทรศัพท์หาไซ่เชาได้

อย่างไรก็ตาม การไปที่แก๊งเทียนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเย่เฟิง แต่ตอนนี้ เขาต้องเตรียมความพร้อมบางอย่างสำหรับปฏิบัติการในพรุ่งนี้

ขณะชายหนุ่มกำลังจะออกจากหมู่บ้านเหยียนซี สายตาเขาก็พลันมองไปยังริมน้ำของบ้านใกล้ๆ ถึงแม้จะลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็หยุดเท้าและตัดสินใจมองไปยังข้างใน

เพราะบางสิ่งในบ้านหลังนั้นสะดุดสายตาของเขา ชายร่างอ้วนที่อยู่ในห้องนั้น กำลังมองรูปภาพในมือพร้อมด้วยอาการน้ำลายไหล

ชายร่างอ้วนคนนนี้เป็นคนๆเดียวกันกับที่มาด้วยหูเหมยเหม่ยในรถ Mercedes-Benz เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงต้องรีบหยุดเท้าคือภาพในรูปใบนั้น

ซูเหมิงหาน!

ถึงแม้ว่ารูปของซูเหมิงหานจะเป็นภาพในสมัยที่เธอยังเป็นเด็กผู้หญิงซึ่งน่าจะประมาณมัธยมต้น ซึ่งเด็กสาวก็ยังดูอ่อนหวาน น่ารัก และงดงาม

“เจ้าอ้วนนี่มันมีรูปของซูเหมิงหานได้ไงกัน?”

ด้วยความแปลกใจ เย่เฟิงขึงตามองไปที่ชายคนนั้น

ในกรณีนี้ เมื่อได้เห็นชายร่างอ้วนจ้องมองรูปของซูเหมิงหานจนน้ำลายไหล แล้วตัวเขาจะอยู่เฉยได้หรอ? ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่หากซูเหมิงหานรู้เรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวจะรู้สึกหวาดผวาหนักขนาดไหน

ขณะที่เย่เฟิงตั้งใจจะหันตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้น เขาก็พลันเห็นร่างของชายร่างอ้วนแข็งค้างไปในทันที ตาของมันเบิกกว้างเหมือนถูกบางสิ่งจู่โจมเข้าในใจอย่างรุนแรง และเมื่อประตูถูกเปิดออก สิ่งที่เย่เฟิงมองเห็นก็พลันทำให้เขาเป็นใบ้ไปในทันที

หูเหมยเหม่ยในสภาพกึ่งเปลือย!

บางที หญิงสาวอาจเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เรือนผมสีดำที่ยังไม่แห้งดี ผิวพรรณขาวเนียนอันน่าเย้ายวน และหน้าอกทั้งสองข้างอันเอิบอิ่มที่กำลังชูชัน ชายร่างอ้วนถูกเสน่หฺ์และความเย้ายวนของหญิงสาวเข้าไปเต็มๆ ขณะที่เธอกำลังเดินมาหาเขา

“เป็นไปตามที่คิดจริงๆ หูเหมยเหม่ยคนนี้เป็นพวกผู้หญิงขายร่างกาย ดูเหมือนว่าในระหว่างที่เธอยังอยู่กับซูซินฉาง หญิงสาวคนนี้คงพยายามยั่วยวนเขาไปไม่น้อย……..”

อย่างไรก็ตาม ร่างกึ่งเปลือยของหูเหมยเหม่ยไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเย่เฟิง เพราะเมื่อเทียบกับหลงหวางเอ๋อหรือซูเหมิงหานแล้ว ความน่าดึงดูดของหญิงสาวคนนี้ยังนับว่าห่างไกลกับพวกเธอทั้งสอง และยิ่งถ้าเป็นหลินชื่อฉิงแล้วละก็ ชัดเจนว่าหูเหมยเหม่ยไม่อาจเทียบกับเธอได้เลย หน้าอกของหญิงสาวนั้นถึงแม้จะใหญ่โตแต่ก็ดูหย่อนคล้อย เย่เฟิงจึงมองข้ามเรือนร่างของเธอไป

ยิ่งกว่านั้น หลังจากล้างเมคอัพออกไป ใบหน้าของหูเหมยเหม่ยนั้นไม่ได้แลดูสว่างสดใส แต่กลับมีฝ้ากระเล็กน้อยบนผิวหน้า เธอคนนี้จึงห่างไกลกับคำว่าสวยในสายตาของเย่เฟิง

“ผอ.เซี่ยขา~ อย่ามัวแต่ดูรูปอยู่สิคะ~”

ขณะที่พูดแบบนั้น หูเหมยเหม่ยเดินเข้ามาข้างๆชายร่างอ้วนอย่างเอียงอาย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน “พูดอีกครั้งสิคะ คุณบอกว่าถ้าขายบ้านตระกูลซูหลังนี้ได้เท่าไหร่ คุณจะเอาเงินที่ได้มาให้ฉัน”

ชายร่างอ้วนเป็นคนตระกูลเซี่ยจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ซูซินฉางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ บ้านของเขาถูกคนทั้งสองนี่ยึดไปแล้ว และรูปของซูเหมิงหานก็คงเป็นซูซินฉางเองที่ลืมไว้ที่นี่

“สบายใจได้เลยจ่ะคนสวย”

เวลานี้ ชายร่างอ้วนกำลังบีบเค้นหน้าอกของหูเหมยเหม่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผลการประเมิญสินทรัพย์ยังไม่ออกมาเลย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอกนะจ๊ะ แต่ยังไง ซูเหมิงหานคนนี้ช่างเป็นสาวน้อยที่น่ารักน่าชังจริงๆ จิ๊ จิ๊”

เมื่อเห็นชายร่างอ้วนสนใจแต่รูปใบนั้น หูเหมยเหม่ยก็รู้สึกหึงเล็กน้อยและไม่พอใจ ถึงอย่านั้น เธอก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเอ่ยขึ้นว่า “ทำไปผอ.เซี่ยถึงสนใจเธอจังละคะ?”

“ฉันสนใจสาวน้อยคนนั้นมานานแล้ว”

เมื่อชายร่างอ้วนคิดถึงภาพของซูเหมิงหาน ใจของเขาก็ลุกเป็นไฟจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว เขาเคยเจอกับเด็กสาวมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และพยายามจะคว้าเธอมาไว้ในมือตลอดแต่ก็ล้มเหลว ชายร่างอ้วนหลงไหลในความสดใส ไร้เดียงสา และความบริสุทธิ์ของเด็กสาว ซึ่งในอดีต เขาเคยมาเล่นเป็นเพื่อนซูเหมิงหานอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยคว้าเด็กสาวมาลิ้มรสได้เสียที

เวลานี้ ชายร่างอ้วนยุ่งอยู่กับการจินตนาการถึงใบหน้างดงามอันสดใสของซูเหมิงหาน เขาจินตนาการว่าเด็กสาวกำลังค่อยๆเปลื้องผ้าช้าๆออกจากร่างการอันบริสุทธิ์ของเธอ ซึ่งภาพนี้ทำให้ใจของเขาลุกเป็นไปแล้วรีบผลักหูเหมยเหม่ยลงบนโซฟา

สัญชาตญาณสัตว์ป่าครอบงำชายร่างอ้วนทันที เขารีบถอดเสื้อผ้าพร้อมกับหน้าท้องมันเยิ้มที่มีไขมันเป็นชั้นๆโผล่ออกมา ชายร่างอ้วนรีบเดินไปที่โซฟาก่อนจะทิ้งร่างของเขาลงมันร่างของหญิงสาวทันที

ผัวะ!

ทันใดนั้นที่อีกด้านหนึ่ง เย่เฟิงพุ่งเข้ามาเตะใส่หน้าท้องอันใหญ่โตของชายร่างอ้วนอย่างแรง และเตะอีกหลายครั้งจนร่างของมันกระเด็นออกไป ร่างอันใหญ่โตของชายร่างอ้วนตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรงก่อนจะกลิ้งไปชนกำแพงพร้อมกับน้ำลายฟูมปาก

“คะ ใครกันน่ะ!”

หูเหมยเหม่ยถามขึ้นก่อนจะเริ่มกรีดร้อง แต่ถึงอย่างไร เย่เฟิงได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ด้วยความรวดเร็ว เขาใช้ทักษะกรงเล็บมังกรรวบรวมเจินชี่ขึ้นมาก่อนจะปล่อยมันเข้าใส่หญิงสาวเพื่อปิดปาก

จากนั้น เย่เฟิงกวาดมืออย่างรวดเร็วเพื่อโยนร่างของหูเหมยเหม่ยไปทางชายร่างอ้วนที่นอนอยู่จนร่างคู่ทั้งคู่ชนกันอย่างรุนแรง ผลก็คือหญิงสาวนอนน้ำลายฟูมปากไม่ต่างกับชายร่างอ้วนคนนั้น

“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือ……”

ณ จุดๆนี้ เย่เฟิงได้ใช้ทักษะอำพรางเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปเป็นคนที่ดูธรรมดา และขณะที่พูดอยู่นั้น ชายหนุ่มหยิบรูปที่ตกอยู่ข้างๆชายร่างอ้วนขึ้นมา

“มองเข้ามาในตาฉัน หลังจากนี้ ถ้าได้เจอเด็กสาวคนนี้อีก เธอคือพระเจ้าของพวกแก และห้ามคิดร้ายต่อเธอเด็ดขาด!”

เย่เฟิงมองตาของทั้งคู่ และใช้โอกาสที่พวกเขายังไร้สติใช้ทักษะสะกดจิตเข้าใส่ ทักษะสะกดจิตนี้สร้างความเสียหายต่อสมองไม่เบา เพราะอย่างน้อย มันก็ลด IQ ของพวกเขาลงไปถึง 20% ถึงอย่างไร ทั้งชายร่างอ้วนและหูเหมยเหม่ยก็ไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เย่เฟิงจึงไม่รู้สึกผิดอะไรแม้แต่น้อย

ในโลกเทวะนั้น หากใครกล้าจินตนาการถึงผู้หญิงของเขาแบบชายร่างอ้วนคนนี้ เย่เฟิงคงกุดหัวมันไปแล้ว แต่สำหรับตอนนี้ การใช้ทักษะสะกดจิตใส่เป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะมันไม่สร้างความยุ่งยากให้เขาทีหลัง

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

ในทันที ชายหนุ่มตบหน้าคนทั้งคู่จนหมดสติ จากนั้น เขาเดินออกมาจากบ้าน ก่อนจะออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้พร้อมกับคว้าเอารูปของซูเหมิงหานกลับไปด้วย

แสงสลัวๆยามค่ำคืนส่องประกายไปทั่วเมืองเหยียนจิง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลานี้ พร้อมกับสายลมหนาวที่พัดผ่านไปเบาๆ

ความมือยามค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร เย่เฟิงมีลางสังหรณ์ว่าคืนนี้ เขาอาจจะได้สังหารผู้คน และไม่ใช่แค่คนสองคนเสียด้วย!

ชายหนุ่มจึงได้คว้าหน้ากากที่เก็บไว้ขึ้นมาใส่อีกครั้ง

แก๊งเทียนนั้นตั้งอยู่ในทิศตะวันออกของเหมืองเหยียนจิง และธุรกิจหลักของแก๊งนี้คือกันเปิดบ่อนพนัน ที่นั่นมีบ่อนชั้นใต้ดินที่เปิดอยู่อย่างลับๆ ซึ่งบางที คนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไร แต่เย่เฟิงได้ข้อมูลมาจากชายหน้าบากแล้ว เขาย่อมไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องนี้………

………………………..

แปลโดยทีมงานGSI