…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชูยี่มองไปที่โอหยางลูลู่อย่างลึกซึ้งขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกว่า

“เพื่อนเก่า อำนาจที่ตระกูลโอหยางของเธอมีบนเกาะจิงเหมินนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด เครือข่ายข้อมูลของคุณอาจเรียกได้ว่าไม่มีใครสามารถเทียบได้ ดังนั้นคุณควรจะได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องอาหารร้อยงานฉลองเมื่อคืนใช่หรือไม่? ”

โอหยางลูลู่รู้สึกประหลาดใจขณะที่เธอตอบว่า

“แน่นอน! แต่บอกฉันมาหน่อยสิว่าแล้วมันยังไงหละ? ”

ชูยี่ได้พูดต่อว่า

“เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีผู้เชี่ยวชาญสามคนได้ฝ่าเข้าไปในค่ายกลพันโคจรและถังซิ่วเองก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นที่สามารถฝ่าไปได้ถึงชั้นที่หกยังไงหละ”

“อะไรนะ?”

โอหยางลูลู่ได้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมถ้วยชาที่กำลังถืออยู่นั้นได้ตกลงมาแตกกระจายอยู่ตรงพื้นห้องของเธอ นายหญิงน้อยของห้องอาหารร้อยงานฉลองและเธอนั้นได้เป็นเพื่อนกันมากว่าสิบปีแล้ว ถึงจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ได้แต่พวกเขาเองก็สนิทกันอย่างมาก เธอรู้เกี่ยวกับค่ายกลพันโคจรดีและรู้ว่าการจะฝ่าค่ายกลนั้นได้จะต้องเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนที่มีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น หากว่าเป็นคนธรรมดาแล้วละก็ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“ผู้บ่มเพาะพลัง? ถังซิ่วเป็นผู้บ่มเพาะพลังงั้นหรอ? ”

ในหัวใจของเธอนั้นตกใจเป็นอย่างมากหลังจากได้ยินเรื่องนี้ และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถังซิ่วเป็นผู้บ่มเพาะพลังอยู่แล้ว แต่มันเป็นเพราะเขาสามารถฝ่าค่ายกลพันโคจรเข้าไปในชั้นที่หกได้ต่างหาก

นั่นเป็นชั้นที่หก

นั้นจำเป็นจะต้องมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก เขาทำได้ยังไงกัน ?!

ความจริงก็คือค่ายกลพันโคจรนั้นได้ถูกนำมาใช้กว่าทศวรรษ แต่ก็ไม่มีใครสามารถฝ่าเข้าไปถึงชั้นที่หกได้เลยได้

ชูยี่ได้มองไปที่โอหยางลูลู่ที่ยังอยู่ในอาการช๊อคพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า

“เพื่อนเก่า ตอนนี้คุณควรเข้าใจว่าทำไมฉันถึงได้ห้ามคุณใช่ไหม? ฉันไม่สามารถเข้าใจชายคนนั้นได้แม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถมั่นใจได้ก็คือเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากถึงขั้นที่สามารถทำให้เลือดเดือดพล่านได้เชียวหละ เพราะงั้นอย่าได้ไปกระตุ้นเขาโดยเด็ดขาด ชายคนนั้น ต่อให้เป็นเพื่อนกันไม่ได้ก็ห้ามเป็นศัตรูกับเขาโดยเด็ดขาด ”

ริมฝีปากสีแดงที่เร้าใจของโอหยางลูลู่ยกตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เธอยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ

“สิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าฉันได้ไปกระตุ้นผู้เชี่ยวชาญนี้เข้าละก็ อย่าว่าแต่ฉันไม่สามารถแบกรับมันได้เลย แม้แต่ตระกูลฉันเองก็คงต้องพบกับหายนะแน่นอน เมื่อ20กว่าปีก่อนได้ทีตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งได้ไปกระตุ้นความโกรธของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาก บทสรุปก็คือภายในวันๆเดียวพวกเขาก็ถูกฆ่าล้างตระกูลทั้งหมด ”

ชูยี่พูดด้วยความรู้สึกทึ่งว่า

“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ถูกระงับโดยเจ้าพ่อของประเทศนี้เพื่อไม่ให้เปิดเผยให้ประชาชนรู้ไม่ใช่? ”

โอหยางลูลู่กระซิบว่า

“ลุงของฉันคือคนที่รับผิดชอบในการจัดการกับเรื่องนี้ในตอนนั้น”

“ลุงของคุณเป็นเจ้าพ่องั้นหรอ?”

ชูยี่และใบเต่าโห่ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง

โอหยางลูลู่โบกมือและพูดว่า

“คุณพูดเรื่องอะไรกัน นามสกุลของเจ้าพ่อคือ ? แล้วของเรา ? สิ่งที่ฉันหมายถึงคือเจ้าพ่อได้ส่งลุงของฉันไปดำเนินการจัดงานศพ! ”

“อา,เป็นอย่างงี้นี่เอง!”

ชูยี่และใบเต่าเข้าใจได้ในทันที

โอหยางลูลู่ก็ได้พูดต่อว่า

“แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจจริงๆคือ เจี่ยหลุยเดาจะไปรู้จักกับตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างเขาได้ยังไงกัน ? ขนาดถังซิ่วยังเด็กเท่านี้ เขายังแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ แล้วถ้าหากเป็นผู้อาวุโสจากนิกายของเขาจะมีระดับพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ? ”

“ผู้อาวุโสของนิกาย? (*จะให้เลือกว่าใช้สำนักหรือนิกายดี แต่ที่โลกเก่าของมันเป็นนิกายนะ)

“บ่มเพาะ?”

ชูยี่และใบเต่ามองไปที่โอหยางลูลู่ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

โอหยางลูลู่ได้กรอกตาไปมาขณะที่เธอถามออกมาว่า

“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ว่าถังซิ่วเป็ฯผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียน? อย่าบอกฉันนะว่าด้วยหน่อยข่าวกรองที่ทรงพลังของตระกูลพวกนายนะไม่สามารถรู้ว่าในโลกนี้นั้นมีการดำรงอยู่ของผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนหนะ?! ”

ชูยี่และใบเต่าได้กลายเป็นเป็นหินในทันที!

บ่มเพาะพลังแห่งเซียน!

พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกเขา ผู้คนที่เป็นเหมือนดั่งตำนานนั้น มันเป็นปกติที่พวกเขาไม่สามารถพบเจอผู้คนเหล่านั้นได้ แต่ในขณะนี้ที่โอหยางลูลู่ได้บอกว่าถังซิ่วนั้นเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนได้ทำให้หัวใจของพวกเขาถูกถาโถมไปด้วยพายุหิมะที่รุนแรง

อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็บอกได้ว่าโอหยางลูลู่นั้นพูดถูกต้อง ถังซิ่วนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นหากเขาไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนแล้วละก็ เขาจะผ่านค่ายกลเหล่านั้นไปได้อย่างไรกัน?

“ไม่ดีแล้ว! เราต้องรีบสืบข้อมูลทั้งหมดของเขาทันทีและหาสิ่งที่เขาต้องการ! ถ้าหากว่าเราไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างที่เขายังเป็นเด็กได้นั้น หากว่าเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ การที่เราจะสร้างสัมพันธ์กับเขานั้นมันจะเป็นเรื่องที่ยากมากอย่างแน่นอน ”

ชูยี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด

ใบเต่าก็ยังพยักหน้าและพูดวว่า

“ฉันจะส่งข่าวกลับไปให้ตระกูลของฉันได้ทันที ต่อให้จะต้องใช้แหล่งข่าวทั้งหมดของตระกูล เราก็ต้องค้นหาว่าถังซิ่วต้องการอะไร ถึงแม้ว่าเราจะใช้ลูกไม้ทั้งหมดแล้วยังไม่สามารถเป็นเพื่อนสนิทกับเขาได้ เราก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้เขาติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับเรา ”

“ถูกต้อง!”

ชูยี่พยักหน้าอย่างหนัก

โอหยางลูลู่มองไปที่การแสดงออกที่แน่วแน่ของพวกเขาขณะที่จิตใจของเธอกำลังหมุนเร็วขึ้น เธอได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของถังซิ่วแต่ทำไมความคิดนี้ถึงได้ไม่เกิดขึ้นในใจเธอ?

หลังจากล่องลอยอย่างยาวนานในเวลากลางคืน เรือสำราญสุดหรูก็ได้จอดเรือที่ท่าเรือเกาะจิงเหมินในตอนเที่ยงวันถังซิ่ว,เจี่ยหลุยเดาและลูกศิษย์ของเขาได้ออกจากเรือโดยสาร

เกือบจะถึงเวลาของอาหารกลางวันแล้ว แต่ทั้งห้าคนไม่ได้หยุดพัก ในขณะที่พวกเขารีบขับรถไปที่วิลล่าช่องแคบเนื่องจาก กงดาหลงได้โทรจองห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้ที่นั่นแล้ว

ฝั่งตะวันตกของเกาะ

เป็นบริเวณวิลลาที่สวยงามและมีขนาดใหญ่และวิลล่าช่องแคบได้ตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ รถสองคันมาถึงทางเข้าและต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้ แต่สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วประหลาดใจนั้นก็คือมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในสถานที่นี้มากมาย แต่ละคนมีความแข็งแกร่งและการทรงตัวคงที่มาก นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธที่มีฝีมืออยู่บ้าง

“วิลล่าช่องแตบนี้มีที่มายังไงกันแน่?”

ถังซิ่วนั่งอยู่ที่เบาะหลังขณะที่เขามองและถามไปที่เจี่ยหลุยเดาซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับ

เจี่ยหลุยเดาได้ตอบกลับมาว่า

“เกี่ยวกับที่มานั้น ฉันเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ฉันรู้ได้อย่างนึงว่าเจ้าของวิลล่าแห่งนี้เป็นคนที่มาจากเมืองของจักรพรรดิแน่นอน และได้มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจมานานกว่า20ปีแล้วพร้อมมีอิทธิพลอย่างมากแต่เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เจ้านายของวิลล่านี้ได้แก่ลงและสุขภาพก็เสื่อมโทรม คนที่บริหารวิลล่าอยู่ในขณะนี้คือลูกชายของเขาถังดง ”

ถังซิ่วพยักหน้าในขณะที่เขาพูดด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า

“อ๊ะฉันต้องการที่จะพบนายใหญ่ของวิลล่านี้ จริงๆแล้วอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อบางหัวข้อ ฉันคิดว่าเราอาจมีบางอย่างที่เหมือนกัน”

เจี่ยหลุยเดาหัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจและพูดว่า

“พี่ถัง, การจะพบกับนายใหญ่ของวิลล่านี้อาจเป็นเรื่องยากมากทีเดียว ฉันไม่ได้มีเกียรติมากมายในเกาะจิงเหมินนี้ ฉันได้ยินมาว่ามีตัวตนระดับสูงของเกาะนี้ต้องการที่จะพบกับเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมดและยังเคยได้ยินอีกด้วยว่าคนชั้นสูงจากรัฐบาลนั้นต้องการที่จะเข้าพบเขาก็ยังต้องรอเวลาถึงครึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย แถมยังได้เข้าพบแค่ครึ่งชั่วโมงเองเท่านั้น ”

“พวกเขาหยิ่งยโส?”

ถังซิ่วถามด้วยความประหลาดใจ

เจี่ยหลุยเดาตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่ว่าพวกเขาหยิ่งหรอก แต่เป็นเพราะพวกเขามีภูมิหลังที่ใหญ่มากดังนั้นพวกเขาจึงได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งของพวกเขา ในความเป็นจริงฉันสามารถคาดเดาต้นกำเนิดของพวกเขได้า แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจ100%เกี่ยวกับมัน”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ไหนลองว่ามาสิ!”

เจี่ยหลุยเดาได้ตอบว่า

“พวกเขามีนามสกุลถังและตระกูลใหญ่ตระกูลเดียวที่มีชื่อถังก็มีอยู่แค่ตระกูลเดียวในเมืองของจักรพรรดิ ”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“ตระกูลใหญ่จากเมืองของจักรพรรดินั้นน่ากลัว?”

เจี่ยหลุยเดาตอบโดยไม่ลังเลว่า

“ใช่! พวกเขามีพลังมากพอที่จะเรียกได้ว่าน่ากลัว ผมคิดว่ามีเพียง5ตระกูลในประเทศนี้ที่สามารถเปรียบเทียบอำนาจและอิทธิพลกับตระกูลถังได้แค่ลองคิดถึงมันดูสิ!ในบรรดา145ล้านตระกูลทั่วประเทศ มีเพียงห้าตระกูลที่มีอำนาจพอจะต่อต้านตระกูลถังได้ ดังนั้นคุณคงสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาได้! ”

ถังซิ่วพยักหน้าและตอบว่า

“อืม มันแข็งแกร่งมากแน่นอน!”

รถสองคันได้จอดอยู่ภายในบริเวนที่จอดรถพร้อมๆกับผู้ชายสวมสูทวัยกลางคน4คนได้เดินเข้ามาทักทายและเปิดประตูให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว

“ยินดีต้อนรับแขกทุกท่าน”

ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตากำลังรออยู่ในที่นี้ ในดวงตาของเขามีแสงประกายระยิบระยับขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม

เจี่ยหลุยเดาประหลาดใจพร้อมพูดออกมาว่า

“หัวหน้าฮู?คุณมาเองได้อย่างไร … ”

ฮูซิงหยูพูดพร้อมหัวเราะว่า

“ผมได้ยินมาว่าปรมาจารย์เจี่ยได้กลับมาจากพาราไดซ์คลับด้วยชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผมจะต้องออกมาทักทายด้วยตัวเอง ”

เจี่ยหลุยเดาได้ตอบเขากลับด้วยรอยยิ้มว่า

“หัวหน้าฮู,ข่าวของคุณนี่เร็วจริงๆเลยนะ! มาเถอะฉันขอแนะขำให้รู้จักกับพี่ถัง เขาเป็นคนช่วยฉันในการชนะการพนันนั่น พี่ถัง เขานั้นเป็นผู้จัดการแผนกต้อนรับของวิลล่าช่องแคบแห่งนี้,ฮูซิงหยู ”

ฮูซิงหยูได้สังเกตถังซิ่ว แม้ว่าเขาจะได้รับข่าวมาว่าถังซิ่วนั้นยังเป็นเด็ก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะเด็กถึงเพียงนี้ บนในหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยย้อมก่อนที่จะยื่นมือออกมาและพูดว่า

“ยินดีต้อนรับคุณถังและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ เกี่ยวกับเรื่องการเล่นการพนันที่สง่างามของคุณในคาสิโนนั้นผมได้ยินมาแล้ว ถ้าคุณยังอยู่ที่นี้แล้วละก็ ผมจะต้องไปเรียนรู้เทคนิคจากคุณอย่างแน่นอน ”

“คุณสุภาพเกินไป!”

ถังซิ่วไม่ค่อยชอบการปฏิบัติอย่างสุภาพซักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่สามารถตบคนที่ยื่นมือมาจับมือกับเขาพร้อมรอยยิ้มได้ ในเมื่อพวกเขาได้ต้อนรับตัวเขาอย่างดี เขาก็ไม่สามารถที่จะฉีกหน้าบอกเขาได้

ฮูซิงหยูได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“สุภาพบุรุษโปรดตามฉันมา! ห้องอาหารส่วนตัวของคุณได้ถูกเตรียมไว้แล้ว คุณจึงสามารถทานอาหารได้ในไม่ช้านี้ ”

ไม่นานหลังจากนั้นภายใต้การนำของฮูซิงหยู ทุกคนก็มาถึงวิลล่าสุดหรูที่ได้รับการออกแบบสไตล์ยุโรปเต็มรูปแบบ แต่แล้วถังซิ่วก็รู้ดีว่าวิลล่าแต่ละหลังในบริเวณคฤหาสน์นี้ถูกใช้เพื่อสร้างความบันเทิงแก่กลุ่มผู้เข้าพัก

“กรุณารอซักครู่ ผมจะแจ้งให้ทางครัวเสิร์ฟอาหารทันที”

“โปรดรอก่อน!”

ถังซิ่วได้พูดหยุดฮูซิงหยูไว้

“คุณถัง ต้องการอะไรไม่ทราบ? ”

ฮูซิงหยูได้เอ่ยปากถามออกมา

“คุณช่วยแจ้งกับนายใหญ่ของวิลล่าแห่งนี้ทีได้ไหมว่าฉันต้องการที่จะพบกับเขา?”

“นี้…”

ฮูซิงหยูลังเลใจครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆว่า

“คุณถัง,นายใหญ่ของเรานั้นแก่แล้วและในปีที่ผ่านมาเขาก็หลีกเลี่ยงที่เจอผู้คนภายนอก ดังนั้นคำขอนี้ผมจึงไม่สามารถทำให้ได้ ”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อฉันไม่สามารถพบกับนายใหญ่ของคุณได้ มันก็ควรจะไม่มีปัญหาใช่ไหมที่จะพบกับผู้บริหารของที่นี่ที่ชื่อว่าถังดง? ฉันมีคำถามสองสามข้อที่อยากจะถามเขา ”

ฮูชิงหยูได้ตอบกับทันทีว่า

“ผมจะส่งคำขอของคุณไปยังเจ้านายของเรา ถ้าเขายินดีที่จะพบคุณ ผมจะรีบมาแจ้งคุณทันที”

ถังซิ่วได้ตอบกลับทันทีว่า

“ขอบคุณ!”

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น มีเสียงดังและชัดเจนจากด้านนอกของวิลล่าโดยเสียงดังปรากฏขึ้นที่ประตูห้องวิลล่า

“ท้องฟ้าไม่มีที่สิ้นสุดและไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ พระเฒ่าที่น่าสงสารและไม่ได้รับเชิญนี้หวังว่าเหล่าสุภาพบุรุษจะให้อภัย “