…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชูยี่ที่อยู่ในหมู่ฝูงชนได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความรู้สึกชื่นชมและกระซิบออกมาว่า

“หลงเซ้งหยูนั้นพูดถูก ถังซิ่วเป็นคนที่ยากจะหยั่งถึงและไม่อาจคาดเดาได้ ”

ใบเต่าพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า

“จริง ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเขาจะสร้างแรงสั่นสะเทือนที่ใดก็ตามที่เขาไป ทั้งในห้องอาหารร้อยงานฉลองหรือที่นี่ก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเราต้องหาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับเขา ”

หลังจากเงียบไปชั่วครู่แล้วชูยี่ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ได้กระซิบว่า

“ฉันคิดว่าถ้าเราอยู่ดีๆก็ไปตีสนิทเขาแล้วละก็ เขาจะไม่สนใจเราแม้แต่น้อย ถ้าเราต้องการทำความรู้จักกับเขา เราจำเป็นต้องค้นหาสิ่งที่เขาต้องการและชอบก่อน เอาอย่างงี้! เราจะสืบค้นเขาและดูว่าเขาต้องการอะไร! ”

“นั่นเป็นความคิดที่ดีนะ!”

ใบเต่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

โอหยางลูลู่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขามองไปที่พวกเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เธอมองไปที่ถังซิ่วแล้วก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอหันไปรอบๆและถามชูยี่และใบเต่าว่า

“ฉันจำได้ว่าพวกนายได้พูดถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งกับฉัน ชื่อของเขาและนักพนันคนนี้นั้นเหมือนกันเลยนะ ”

รอยยิ้มได้ปรากฏบนใบหน้าของใบเต่าขณะที่เขาตอบว่า

“มันมากกว่าเหมือนกันอีกซะอีกเพราะเขาคือคนๆเดียวกัน ”

“พูดว่าอะไรนะ?”

โอหยางลูลู่ตกตะลึง เธอไม่เคยคิดเลยเลยว่า ถังซิ่วที่อยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้เป็นเด็กที่ถูกยกย่องโดยใบเต่าและชูยี่ เด็กหนุ่มที่สามารถทำให้ผู้จัดการมืออาชีพที่มีชื่อเสียงได้เดินทางไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ด้วยตัวเธอเองและได้รับการยกย่องจากหลงเซ้งหยู

แต่เขาเป็นใครกัน?

เขาน่าทึ่งแบบนี้ได้อย่างไร?

โอหยางลูลู่รู้สึกว่านักเรียนมัธยมหนุ่มที่หล่อเหลานี้ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายลึกลับราวกับว่าเขาถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและยากที่จะมองเห็นเขา

ถังซิ่วผลักชิปทั้งหมดไว้ข้างหน้าและยิ้มให้เย่ไทฟูและพูดว่า

“เอายังไง? คุณยังอยากเล่นต่อไหม?”

เสียงที่ดุร้ายดังขึ้นมา แต่มันไม่ได้มาจากเย่ไทฟูทว่ากลับเป็นเฉินไกที่กำลังโกรธจัดพร้อมพูดออกมาด้วยความโกรธ

“เล่นต่อ!”

ถังซิ่วยักไหล่ของเขาและพูดว่า

“แต่คุณมีชิปเหลือเพียง1ล้านเท่านั้น มันพอแค่สำหรับกองกลางเท่านั้นแล้วคุณจะเล่นมันยังไง? ”

เฉินไกหยิบจี้หยกที่ถูกแกะสลักเป็นรูปมังกรม้วนและรูปนกฟีนิกซ์ออกมาพร้อมตะโกนด้วยความรู้สึกหนาวเย็นว่า

“การไม่มีเงินไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่เล่นต่อ หยกชิ้นนี้เป็นของเจี่ยหลุยเดาดังนั้นการพนันต่อไปจะเป็นการกำหนดผู้ชนะและผู้แพ้ ถ้าหากคุณแพ้ ชิปทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าคุณจะเป็นของฉัน แต่ถ้าคุณชนะจี้หยกนี้เป็นของคุณ ”

ถังซิ่วรู้ดีว่าการหายใจของเจี่ยหลุยเดานั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เฉินไกหยิบจี้หยกออกมาเป็นสิ่งเดิมพัน พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

ถังซิ่วได้มองไปที่เจี่ยหลุยเดาและถามขึ้นว่า

“คุณตัดสินใจยังไง?”

ในหัวใจของเจี่ยหลุยเดาเหมือนมีคนกำลังสู้รบกันอยู่ภายใน พร้อมตอบอย่างลำบากระหว่างขบฟันว่า

“พนัน”

ถังซิ่วพยักหน้าในขณะที่เขามองไปที่เฉินไกและพูดว่า

“ฉันจะเล่นต่อไปกับคุณ!อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครก็ตามจะชนะหรือแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะสิ้นสุดที่นี่และจะไม่มีความแค้นต่อกัน ตกลง ? ! ”

“ฉันตกลง!”

เฉินไกตอบตกลงอย่างมีความสุข ตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่าภูมิหลังของถังซิ่วนั้นพิเศษอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ยังเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธอีกด้วย ถึงแม้ว่าถังซิ่วจะไม่ได้พูดก็ตาม แต่เขาก็จะไม่กล้าล่วงเกินถังซิ่วอย่างแน่นอน

ถังซิ่วเหลือบมองไปที่เจ้ามือขณะที่เขาพยักหน้าและถามว่า

“คุณต้องการเล่นเกมแบบไหน?”

เพื่อคืนสภาพจิตใจของเขาและเพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง เย่ไทฟูพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกว่า

“คุณเป็นผู้ชนะในเกมก่อนหน้านี้ดังนั้นฉันจะให้สิทธิ์คุณในการเลือกเกม”

ถังซิ่วถามด้วยเสียงแปลกๆว่า

“คุณแน่ใจจริงๆเหรอ?”

เย่ไทฟูตอบด้วยความแน่วแน่ว่า

“ฉันแน่ใจ!”

ถังซิ่วกวาดสายตาไปหาเจ้ามือและพูดเบาๆว่า

“รบกวนคุณช่วยนำไพ่สำรับใหม่มาฉันหน่อย”

เจ้ามือได้พยักหน้าและเอาไพ่สำรับใหม่ออกมา เธอส่งมันไปยังถังซิ่วและถามว่า

“คุณอยากจะเล่นอย่างไร?”

ถังซิ่วมองไปที่เย่ไทฟูและพูดว่า

“ทักษะการพนันนั้นไม่มีอะไรมากนอกจาก การสังเกต การฟังและมือไว เราเป็นคนที่เดินบนเส้นทางของเทพนักพนัน ขอให้เจ้ามือโยนไพ่สำรับนี้ขึ้นไปในอากาศแล้วเราก็แย่งชิงไพ่พวกนั้นกันแต้มสูงสุดคือคิงต่ำสุดคือเอซ ไพ่ของใครแต้มสูงกว่าคนนั้นก็เป็นผู้ชนะ ว่าอย่างไร?”

เย่ไทฟูประหลาดใจมาก เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าถังซิ่วจะได้เลือกวิธีที่เล่นแปลกใหม่แม้กระทั่งการเลือกเล่นแบบนี้ เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักพนันที่มีมือและดวงตาที่รวดเร็วและนั้นเป็นเหตุผมที่ทำให้เขามีชื่อเสียง

“ฉันตกลง!”

ถังซิ่วพยักหน้าและพูดว่า

“พร้อมเมื่อไหร่ก็เริ่มได้เลย!”

เจ้ามือได้มองไปที่ถังซิ่วและเย่ไทฟูพร้อมพูดว่า

“พวกคุณสองคนโปรดตามฉันมาที่บริเวณที่เปิดกว้างกว่านี้ ฉันจะขอให้ทุกคนถอยออกไปในระยะสามเมตรจากแต่เส้น แต่ละคนจะยืนอยู่บนเส้นและฉันจะโยนไพ่ขึ้นไป แต่ละคนคว้ามาคนละหนึ่งใบในเวลาเดียวกันและผู้ที่ชนะเกมนี้จะเป็นคนที่มีแต้มที่สูงที่สุด ”

“เยี่ยม!”

“ตกลง!”

ถังซิ่วและเย่ไทฟูพยักหน้าพร้อมกัน

เฉินไกที่ยังคงถูกครอบงำด้วยความความโกรธของเขาท่ามกลางผู้ชมนั้นเมื่อได้ยินเกมที่กำลังจะเล่นระหว่างถังซิ่วและเย่ไทฟูนั้นทำให้เขารู้สึกกระตือรือร้นและตื่นเต้นมาก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและไม่สามารถระบุความผิดพลาดได้ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้สักครู่และมองเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของเจี่ยหลุยเดาและศิษย์ทั้งสามของเขา

“ทำไมพวกเขาถึงได้ไม่รู้สึกกดดัน?”

ในมุมๆหนึ่งนั้นเหมี่ยวเหวินถังนั้นไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีหลังจากที่มองไปที่เย่ไทฟูด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ คนอื่นอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับถังซิ่วเหมือนกับเขา สัตว์ประหลาดที่สามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่หกของค่ายกลพันโคจรได้นั้น แปลว่าแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตหรือความไวของมือ

ไม่กี่นาทีต่อมา

เจ้ามือได้ยืนตรงกลางระหว่างถังซิ่วและเย่ไทฟู เธอมองไปที่ทั้งสองคนแล้วพูดว่า

“ทั้งสองคน ฉันพร้อมที่จะโยนไพ่สำรับนี้แล้วและฉันหวังว่าคุณทั้งคู่จะสามารถคว้าแต้มที่สูงสำหรับเกมนี้ได้ ตอนนี้ฉันจะนับถึงสามแล้วจะโยนไพ่ทันที ”

“3,2,1,0”

เจ้ามือได้โยนไพ่ด้วยแขนของเธอและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกระจายไพ่ทั้งหมดในมือของเธอไปทั่วทุกที่

“ฮึ่ม……”

ก่อนที่เจ้ามือโยนไพ่นั้น พลังรับรู้ทางวิญญาณของเขาได้ยึดไว้กับการ์ด”คิง”อยู่ก่อนแล้ว หลังจากไพ่ถูกโยนกระจัดกระจายไปบนท้องฟ้า เขาก็รีบพุ่งออกไปด้วยความไวดั่งสายฟ้าและหยิบไพ่”คิง”มาในขณะที่ไพ่ยังลอยไม่ถึงจุดสูงสุดด้วยซ้ำ อาจจะเรียกได้ว่าเกือบจะในเวลาเดียวกันที่ไพ่ถูกโยนขึ้นไปนั้น เขาก็ได้หยิบไพ่มาทั้งหมดมาแล้ว พร้อมกับกลับลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับอีกด้านหนึ่ง …

การเคลื่อนไหวของเย่ไทฟูนั้นช้ากว่าของถังซิ่วมาก ไม่กี่วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาหมุนเร็วขึ้นและพยายามหาไพ่”คิง”แต่เมื่อเขาเห็นถังซิ่วได้ลงมือนั้น ทำให้ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากและทำให้เขารู้สึกลังเลเพราะเขาไม่เห็นไพ่”คิง”เลยแต่กลับเห็นแค่”แจ็ค”แทน ในตอนนั้นเองที่ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปในอากาศและคว้าไพ่”แจ็ค”ไว้อย่างแม่นยำในขณะที่เขายังมองหาไพ่ที่กระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

10 วินาทีต่อมา

ไพ่ที่เหลือทั้งหมดหล่นลงกับพื้นในขณะที่ไพ่บางส่วนหงายขึ้นและบางส่วนคว่ำหน้าลง

เจ้ามือได้เดินกลับมาด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดว่า

“ทั้งสองคนได้คว้าไพ่ที่คุณต้องการแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาแสดงไพ่ทั้งหมดที่คุณคว้ามาได้ ”

เย่ไทฟูยังไม่พบไพ่ “คิง”และไม่ได้พบว่ามันหงายหน้าอยู่บนพื้น ความกังวลใจได้ทะลักเข้าไปในหัวใจของเขาขณะที่มองไปที่ ถังซิ่วอย่างว่างเปล่า เขาแอบอธิษฐานภายในใจและหวังว่าถังซิ่วไม่ได้คว้าไพ่ “คิง”ไป มิฉะนั้นเขาจะต้องได้รับความพ่ายแพ้นี้ไป

“แจ็ค”

“คิง!”

ทั้งคู่แสดงไพ่ในมือพร้อมกัน

ในเสี้ยววินาทีนั้น หัวใจของเย่ไทฟูราวกับว่ากำลังตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็งและร่างกายของเขาได้แข็งทื่อเหมือนดั่งก้อนหิน ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความวิตกแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อและเจ็บปวดแทน

นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายและเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา แต่ตอนนี้เขานั้นได้รู้แล้วว่านอกจากเขาจะไม่สามารถคว้าฟางเส้นนั้นไว้ได้แต่ถังซิ่วได้ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ นี่ไม่ได้เหมือนกับการเทน้ำมันลงไปในการดับไฟ? เกมล่าสุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอธิบายคำพูดเหล่านี้

“หวือ …”

บรรยากาศได้เปลี่ยนไปในทันทีและดวงตาของทุกคนก็ร้อนขึ้น เหล่าฝูงชนไม่ได้จ้องไปที่เย่ไทฟูแต่เป็นถังซิ่ว

การสังเกตและมือที่ไว …

สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเล่นการพนัน

แต่ในปัจจุบันถังซิ่วได้แสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้พึ่งพาแค่โอกาสหรือความโชคดีเท่านั้น แต่เขาก็พึ่งพาความสามารถของเขาในการชนะเกมนี้และความเป็นจริงนี้ ทำให้ทุกคนที่ได้คิดว่าชัยชนะก่อนหน้านี้ของเขานั้นเป็นแค่การพึ่งพาเพียงแค่โชคได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์โดยทันที สำหรับผู้เชี่ยวชาญนั้นจะพึ่งพาโชคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเทคนิค อย่างที่เขาพูดกันว่า ‘พนันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง นั่นก็เป็นเพราะว่าคนอื่นได้พนันสิบครั้งแต่โกงไปเก้าครั้ง’

เจ้ามือได้มองไปที่เย่ไทฟูด้วยความเห็นใจและพูดว่า

“ไพ่ที่คุณถังคว้ามานั้นเป็นไพ่คิงส่วนที่คุณคว้ามานั้นเป็นไพ่แจ๊ค ดังนั้นฉันจึงขอประกาศว่าผู้ชนะของเกมนี้คือคุณถัง ”

“พุฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ……”

ความวิตกกังวลและความโกรธที่รุนแรงนี้ได้โจมตีไปที่จิตใจของเขาทันที เย่ไทฟูได้กระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมด้วยตาของเขาที่ดำคล้ำลงและก้าวถอยหลังกลับไป

“ไอขยะเอ๋ย!”

ท่าทางของเฉินไกได้กลายเป็นซีดขาวเหมือนกระดาษ ตอนนี้เขากลายเป็นเหมือนสุนัขบ้า เมื่อมองลงไปที่เย่ไทฟูเขาไม่ได้เห็นอกเห็นใจแม้แต่นิดเดียวทว่ากลับพุ่งตรงไปทางเย่ไทฟูและกระทืบเขาอย่างรุนแรงหลายครั้ง สำหรับการพนันครั้งนี้เขาได้สูญเสียทั้งเงินที่เขาได้รับจากเจี่ยหลุยเดาและเสียเงินทุนของเขา ซึ่งมันทำให้เขาโกรธมาก

อย่างไรก็ตาม การกระทำของเขานั้นได้ถูกจ้องมองอยู่โดยฝูงชนรอบข้างที่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อพร้อมเริ่มบทสนทากัน

“ห่าอะไรวะ? นี้เฉินไกมันไร้ยางอายได้ขนาดนี้เลย ?สามารถชนะได้แต่ไม่สามารถจะแพ้ได้ ? ถึงแม้ว่าเย่ไทฟูจะสูญเสียอย่างน่าอนาถมากในวันนี้ แต่ก็เคยช่วยทำเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้เขากลับปฏิบัติกับเย่ไทฟูเช่นนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาแพ้ ? ”

“พฤติกรรมของเขานั้นทุเรศสิ้นดี!เกียรติของตระกูลเฉินได้ถูกทำลายไปหมดแล้วเพียงเพราะเขาคนเดียว! ใช้เฉพาะคนที่เป็นประโยชน์กับเขาเท่านั้นและโยนคนที่ทำประโยชน์ไม่ได้ทิ้ง โอ้ คนไร้ยางอาย! นี้มันทำให้เลือดของฉันเดือดจริงๆ ”

“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจทั้งหมดกับตระกูลเฉิน ทัศนคติที่แย่และไร้คุณธรรมแบบนี้น่าจะสืบทอดกันมาจากทั้งตระกูลของเขา เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับคุณไทฟู นักพนันคนหนึ่งถึงต้องตกอยู่กับชะตากรรมที่น่าสังเวชนี้”

“ไอเวรเอ๋ย ฉันอยากจะไปชกหน้าไอเฉินไคนั่นจริงๆ! เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีเกียรติและมีชื่อเสียงของเกาะจิงเหมินนี่ แต่เขากลับไม่มีท่าทางที่สง่างามแม้เพียงเล็กน้อย ฉันไม่เคยคาดฝันเลยว่าฉันถูกหลอกโดยเขา ”

“ใบหน้าของพวกเราชาวจิงเหมินนั้นได้ถูกทำลายย่อยยับโดยเขา! แพ้ก็คือแพ้ แต่เขากลับไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้? ทำไมเขาถึงต้องทำตัวให้มันน่ารังเกียจขนาดนี้กัน ? นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยด้วยซ้ำ ”

“เขาไม่มีความละอายใจบ้างหรือไง ? !”

“…”