ห้องอาหารร้อยงานฉลองมีทั้งหมดสามชั้น ที่ชั้นแรกเป็นห้องอาหารแบบเปิดโล่งพร้อมกับโต๊ะอาหาร200ตัวส่วนชั้นที่สองมีอยู่108โต๊ะและเป็นแบบห้องอาหารส่วนตัวที่มีสภาพแวดล้อมที่กว้างขวางและสะดวกสบายและสุเท้ายคือชั้นที่สามเป็นพื้นที่แขกผู้มีเกียรติและจำนวนของผู้ที่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้นั้นสามารถนับได้ด้วยมือของคนๆหนึ่งได้เลย

ผู้จัดการร้านอาหารได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการมาถึงของถังซิ่วก่อนแล้วพร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่น

“คุณคือคุณถัง?ฉันคือชูหยานขวิงเป็นผู้จัดการของห้องอาหารนี้ ฉันได้รับการแจ้งจากนายหญิงน้อยมาก่อนแล้ว ตอนนี้ห้องวีไอพีเลานจ์ที่ชั้นที่สามได้เตรียมไว้รอคุณแล้ว คุณและเพื่อนของคุณสามารถรับประทานอาหารได้ที่ชั้นสามทันทีและไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆแม้แต่น้อย”

“ได้โปรดนำทาง!”

ถังซิ่วพยักหน้าอย่างสบายๆ

เจี่ยหลุยเดาค่อนข้างตื่นเต้นมากและตามถังซิ่วไปจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า

“พี่ถัง วันนี้พวกเราคงได้ประโยชน์มากมายเพียงแค่เพราะเราอยู่กับคุณ คุณต้องรู้ก่อนว่าบุคคลสำคัญนับไม่ถ้วนต้องการที่จะรับประทานอาหารที่ชั้นสามนี้แต่ได้ถูกขวางโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมด ฉันไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะสามารถเหยียบที่ชั้นสามของห้องอาหารนี้ได้ ”

ถังซิ่วส่ายหัวและกล่าวว่า

“มันเป็นเพียงความสุขในชีวิตทางโลก มันไม่มีความหมายอะไรมากนักหรอก ”

เจี่ยหลุยเดายิ้มออกมาอย่างฝืนๆพร้อมพูดว่า

“แต่ละคนนั้นไขว่คว้าหาสิ่งที่แตกต่างกันในชีวิตแต่คนอย่างคุณที่ไม่สนใจเรื่องทางโลกนั้นหาได้ยากมาก!”

ถังซิ่วคิดว่าคำพูดของเจี่ยหลุยเดานั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลเพราะทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองต้องการจะไขว่คว้า บางคนไขว่คว้าหาชื่อเสียงและความเพลิดเพลินในชีวิตทางโลก บางคนไขว่คว้าความความก้าวหน้า เขาเองก็ยังไขว่คว้าเพียงแค่2อย่างเท่านั้น นั่นคือการที่ได้อยู่กับแม่ของเขาและทำให้เธอมีความสุขกับการบ่มเพาะพลังของตัวเอง

ชั้นที่สามมีห้องส่วนตัวทั้งหมด18ห้องและแต่ละห้องกว้างเกือบ200ตารางเมตร แม้ว่าการตกแต่งภายในก็ยังเต็มไปด้วยโบราณวัตถุแต่มันก็หรูหราและประณีตอย่างมากแม้ว่าถังซิ่วจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งของโบราณแต่ก็รู้ว่าในที่แห่งนี้มีโบราณวัตถุหลายชิ้น

ขณะที่เจี่ยหลุยเดาได้เข้าไปในห้องโถงส่วนตัวเขาพบว่าผนังเต็มไปด้วยอักษรวิจิตรและภาพวาด หลังจากที่ได้สังเกตซักครู่ เขาก็ได้อุทานออก

“ภาพวาดแม่น้ำในช่วงเทศกาลเชงเม้ง?”

ผู้จัดการร้านอาหารยิ้ม

“นายหญิงใหญ่ของเราครั้งหนึ่งเคยมีส่วนร่วมในการประมูลที่บริเวณท่าเรือดังนั้นเธอจึงซื้อภาพนี้จากที่นั่น ฉันได้ยินมาว่าเธอได้ใช้เงิน 9หลักที่จะชนะการประมูลนี้ ”

ท่าทางของถังซิ่วสั่นไหวและถามว่า

“คุณได้เห็นนายหญิงใหญ่ของคุณงั้นหรอ? สิ่งที่ผมหมายถึงคือไม่ใช่นายหญิงน้อยของคุณนะ? ”

ผู้จัดการร้านอาหารพยักหน้าและกล่าวว่า

“แน่นอน! ฉันได้เห็นเธอ เพราะก่อนหน้านี้ฉันได้ติดการพนันเป็นอย่างมากและเสียทุกสิ่งไปกับการแพ้ครั้งนั้น ไม่เหลือแม้กระทั่งตำแหน่งผู้บริหารบริษัทตอนนั้นฉันนั้นเรียกได้ว่าล้มละลายได้เลย อาหารสามมือยังกินไม่อิ่มด้วยซ้ำ มันอาจจะกล่าวได้ว่าชีวิตของฉันในขณะนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงอเวจี จากนั้นฉันได้พบกับนายหญิงใหญ่และเธอได้จ่ายหนี้ทั้งหมดของฉันอีกทั้งยังสอนวิทยายุทธให้ฉันและสุดท้ายนี้คือการให้ฉันมาบริหารห้องอาหารร้อยงานฉลองนี่ เวลานั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่า20ปีแล้ว ”

ถังซิ่วถามว่า

“นายหญิงใหญ่ของคุณชื่ออะไร? เธออายุเท่าไหร่?”

ผู้จัดการร้านอาหารตอบว่า

“เราไม่สามารถเปิดเผยชื่อนายหญิงใหญ่ของเราได้ แต่สำหรับอายุของเธอ … ฉันได้เห็นเธอ4ครั้งในช่วง10 ปีที่ผ่านมา เมื่อฉันได้พบกับครั้งแรกของเธอเธอดูเหมือนจะอายุ20ปีและครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเธอในช่วง10ปีที่ผ่านมาเธอก็ยังคงดูเหมือนหญิงอายุ20เหมือนเดิมและนี้ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจมาก มันเหมือนว่าเวลานั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเธอเลย ”

รูปลักษณ์20ปี?

เกือบจะคล้ายกับกู่เสี่ยวเสวี่ย?

ถังซิ่วขมวดคิ้วรูปลักษณ์ของสาวน้อยโผล่ออกมาในใจของเขา เขาได้เฝ้ามองเธอเติมโตมาและครั้งแรกที่เธอจากเขาไปนั้นคือช่วงที่เธอรูปลักษณ์เหมือนเด็กอายุ18ปี

จู่ๆถังซิ่วก็ได้พูดขึ้นมาว่า

“โปรดช่วยหาปากกาและกระดาษให้ฉันที”

“กรุณารอสักครู่!”

ผู้จัดการร้านอาหารได้แจ้งคำขอของถังซิ่วทันทีผ่านเขาส่งรับวิทยุ จากนั้นเธอก็นำเมนูแจกจ่ายให้ถังซิ่วและคนอื่นๆและเมื่อได้สั่งอาหารเสร็จสิ้นแล้วเธอจึงได้ยื่นปากกาและกระดาษให้แก่ถังซิ่ว ในขณะที่กำลังรออาหารเขาก็ได้วาดภาพของใครบางคนขึ้น

มันเป็นรูปลักษณ์ของศิษย์รักของเขาในดินแดนแห่งนิรันด์ เขาวาดภาพเธอในช่วงอายุ18ปีพอดีซึ่งเป็นช่วงที่เหมือนดอกกำลังผลิบาน ภาพหญิงสาวที่สดใสและเหมือนจริงค่อยๆปรากฏขึ้นพร้อมไปกับการตวัดมือของเขา หญิงสาวที่ถูกวาดขึ้นมานั้นสวยเป็นอย่างมากดั่งเช่นเธอสามารถครอบครองคนและประเทศได้เพียงแค่รอยยิ้มของเธอ หญิงสาวที่ถูกวาดขึ้นนั้นเป็นดั่งภาพที่มีชีวิต

“ช่างเป็นภาพวาดที่สวยงามเหลือเกิน!”

เจี่ยหลุยเดาและลูกศิษย์ของเขารวมไปถึงผู้จัดการร้านอาหารนี้ได้พูดออกมาขณะที่ถูกดึงดูดอย่างล้ำลึกโดยหญิงสาวที่ถูกวาดโดยถังซิ่ว พวกเขารู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์เหมือนดั่งเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

“ลองดูหน่อยสิ นี่ใช่เธอหรือไม่?”

ถังซิ่วหันมาพูดกับผู้จัดการร้านอาหารและถามด้วยน้ำเสียงลึก

ผู้จัดการร้านอาหารถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการดึงดูดนั้นทันที เธอได้ส่ายหัวแล้วตอบว่า

“สิ่งที่คุณวาดนั้นเป็นนางฟ้า แม้ว่าเจ้านายของเรามีความสวยงามมาก แต่เธอก็แตกต่างจากคนที่คุณวาดออกมาโดยสมบูรณ์ ”

“ไม่ใช่เธอ ?”

ร่องรอยของการสูญเสียและความรู้สึกผิดหวังที่เกิดขึ้นในใจของถังซิ่ว แต่ร่องรอยของการโล่งใจก็ได้ปรากฏขึ้นเช่นกัน เขานั้นต้องการที่จะศิษย์ของเขาที่ชุบเลี้ยงมาด้วยมือตัวเองอย่างแน่นอนแต่เขากลัวว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล่าคนที่ทรยศเขา

“ลืมมันไปเถอะ กลับไปทำงานของคุณได้!”

“ดี!”

ผู้จัดการร้านปฏิบัติตามและรีบออกจากห้องไป

อาหารอร่อยชั้นเลิศได้ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับไวน์ชั้นเยี่ยมที่ถูกส่งมาอย่างไม่หยุดยั้งยังโต๊ะของพวกเขา สองพนักงานสาวสวยไม่ได้ออกจากห้องไปแต่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อคอยเติมไวน์ให้แก่พวกเขาและบริการพวกเขาต่อไป

“ไวน์นี่ใช้ได้!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซิ่วได้ดื่มไวน์หลังจากที่เขาได้กลับมายังยุคนี้ เขาจิบไวน์พร้อมพยักหน้าและเอ๋ยคำชมออกมา ตัวเขานั้นได้ดื่มไวน์มานับไม่ถ้วนและเป็นปรมาจารย์ด้านการหมักไวน์เช่นกัน ไวน์ชั้นดีของห้องอาหารร้อยงานฉลองนี้สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่เขาได้

?

?

เจี่ยหลุยเดาที่กำลังยกซดไวน์แก้วนั้นรู้สึกเหมือนโดนตีด้วยบางสิ่งบางอย่างและก็แข็งทื่อไปเลยเมื่อเขาได้ยินเสียงความคิดเห็นของถังซิ่ว เขามีอายุกว่า60ปีและนี่ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ลิ้มรสไวน์ที่มีรสชาติดีขนาดนี้แต่ทำไมถังซิ่วถึงได้พูดแค่ว่า“ใช้ได้”กันหละ?

ศิษย์ทั้งสามคนของเขาเองก็ได้ส่ายหัวให้กับคำพูดของถังซิ่ว สำหรับพวกเขาที่รักการดื่มไวน์นั้นนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสไวน์ที่ดีขนาดนี้เป็นครั้งแรก พวกเขายังได้แอบเยาะเย้ยถังซิ่วอยู่ภายในใจ

“พี่ถัง ไวน์นี่ไม่ใช่แค่ใช้ได้นะ ฉันกล้ารับประกันเลยว่าถ้าเราอยู่ในชั้นที่สองนั้น ไวน์ที่นั่นมันเทียบไม่ได้กับไวน์นี้ด้วยซ้ำ ”

เจี่ยหลุยเดาพูดออกมาพลางหัวเราะ

ถังซิ่วได้หยิบแก้วขึ้นมาและบอกว่า

“ชน!!!”

มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว…

ถังซิ่ว เจี่ยหลุยเดาและลูกศิษย์ของเขาได้ดื่มกินกันจนอิ่มแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาออกจากร้านอาหารโดยตรงเนื่องจากพวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าอาหาร เจี่ยหลุยเดาเองก็สามารถประหยัดเงินได้เป็นจำนวนมาก หนึ่งจะต้องรู้ว่าการจองห้องพักที่ ห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองนั้นมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย100,000 หยวนและมันเป็นห้องที่ถูกที่สุดและบริการธรรมดาที่สุด เขาพึ่งจะคำนวนถึงค่าอาหารที่เขากินไปในวันนี้ว่ามันน่าจะมีค่ามากกว่า1ล้านหยวน

ภายใต้แสงสลัวของคืน …

ห้าคนได้เดินตามทางเดินไม้ แมลงขนาดเล็กอื่นได้บินวนรอบไฟสลัวๆของทางเดิน เมื่อพวกเขากำลังจะมาถึงที่จอดรถที่ทางเดินก็ถูกขวางโดยกลุ่มคนที่กำลังยืนส่งเสียงหัวเราะ

“อ้าว นั่นไม่ใช่เจี่ยหลุยเดา?คนที่แพ้เมื่อตอนเช้าแล้วยังคงมีอารมณ์ที่จะมาที่นี้เพื่อดื่มอีกงั้นหรอ ? หรือคุณยากจะดื่มเหล้าย้อมใจ ? ”

ด้านหน้าของพวกเขามีกลุ่มคนยืนอยู่ทั้งหมด12คน แต่คนที่เป็นคนเริ่มพูดนั้นคือหนึ่งในชายหนุ่มสามคนข้างหน้า ถังซิ่วไม่รู้จักเขาแต่เจี่ยหลุยเดาและลูกศิษย์ของเขารู้ดีว่าเขาคือฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาเฉินไกซึ่งเป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญมีชื่อเสียงจากเกาะจิงเหมินนั่นเอง

เจี่ยหลุยเดาก้าวออกมาและพูดอย่างเย็นชาว่า

“เฉินไคเช่นทัศนคติหยาบคายนั้นไม่จำเป็น ความอัปยศอดสูที่แกมอบให้ฉันนั้น แกจะต้องจ่ายมันกลับหลายร้อยเท่า”

เฉินไกพูดพร้อมเสียงหัวเราะอย่างดังว่า

“นี้ฉันได้ยินอะไรผิดไปงั้นหรอ ? นี้แกยังคิดว่ามีโอกาสที่จะยืนขึ้นมาได้อีก ? พรุ่งนี้! พรุ่งนี้ฉันจะทำให้แกตาสว่าง ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ … ”

“แก …”

เจี่ยหลุยเดาโกรธจัด

“เฉินไก นั่นเขาคือเจี่ยหลุยเดา?นักพนันมืออาชีพ ที่มีชื่อเสียง?”

ชายหนุ่มอีกคนได้ถามขึ้น

เฉินไกจ้องที่เจี่ยหลุยเดาด้วยท่าทางยั่วยุ แต่เขาตอบชายหนุ่มคนนั้นด้วยการแสดงออกที่ประจบว่า

“พี่ชายชู แน่นอนอยู่แล้วว่าเขานั้นคือเจี่ยหลุยเดาที่แพ้จนแทบจะไม่เหลือกางเกงจะใส่ด้วยซ้ำ บรรดา3คนที่อยู่ด้านหลังเขาก็เป็นลูกศิษย์ของเขา อ่อใช่แล้ว ไอ้คนที่อายุน้อยที่สุดนั้นเป็นตัวที่บ่อนทำลายครอบครัวของเขาเอง ”

ชายหนุ่มได้สังเกตเจี่ยหลุยเดาพร้อมพยักหน้าของเขาและกล่าวว่า

“เฉินไกอย่าลืมที่จะประพฤติตัวเองดีๆในฐานะผู้ฝึกวิทยายุทธถ้าได้พบกับพวกเขาในภายหลังเข้าใจไหม? หากว่าพวกเขายอมก้มหัวให้ก็ขอให้ปล่อยเรื่องนี้ไปซะ! ฉันชอบหยกชิ้นนี้มาก ฉันขอแล้วกันนะ ”

“ดี ดี ดี คิดซะว่านั่นเป็นของขวัญแก่พี่ชายชูแล้วกัน ”

เฉินไกตอบด้วยสีหน้ามีความสุข

เจี่ยหลุยเดาตกตะลึง สายตาของเขาสลับไปมาระหว่างเฉินไกและวัยรุ่นคนนั้นพร้อมคำรามออกมาด้วยความโกรธ

“เฉินไก แกพูดเรื่องห่าเหวอะไรกัน!หยกนั้นเป็นของดูต่างหน้าภรรยาของฉัน ฉันจะทำทุกหนทางเพื่อที่จะชนะให้ได้แต่ถ้าแกกล้ายกมันให้คนอื่นละก็ จงระวังไว้ว่าฉันจะทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจัดการกับแก”

เฉินไกพูดอย่างรู้สึกสมเพชว่า

“บ่นห่าอะไรของแก! ของที่ฉันชนะมาก็ต้องเป็นของฉัน! ฉันจะทำอะไรนั้นมันเกี่ยวกับแกตรงไหน ? ถ้าแกมีความสามารถจริงก็มาเลย นายน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวแกหรอก ! ”

“เฉินไก!”

ชายหนุ่มคนนั้นได้ตะคอกออกมาเบาๆ

เฉินไกหดกลับและหัวเราะแห้งๆ

“พี่ชายชู ไอแก่นี่มันเริ่มก่อน ”

ตาของเจี่ยหลุยเดาได้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเส้นเลือดได้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา หน้าตาของเขาเหมือนพร้อมที่จะกินเฉินไกเข้าไปได้ทั้งตัวเขาจ้องไปที่เฉินไกและพูดออกมาว่า

“ฉันแพ้แล้วก็สามารถที่จะชนะได้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้แกเตรียมตัวไว้ได้เลย ”

เมื่อเขาเห็นเจี่ยหลุยเดาโกรธเป็นอย่างมากชายหนุ่มที่มีชื่อว่าชูเพียงพูดเบาๆว่า

“สิ่งที่ผมได้รับมานั้นมันก็จะไม่กลับไปแล้วเช่นกัน ถ้าคุณอยากได้หยกนี่ก็มาหาผม,อ่อผมลืมที่จะแนะนำตัวไป ผมมีชื่อว่าชูยี่จากเมืองของจักรพรรดิ ”

ถังซิ่วเดินขึ้นมาก้าวหนึ่งและพูดว่า

“คุณได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าผู้ฝึกวิทยายุทธนั้นจะประพฤติอย่างถูกต้องบางครั้งเราอาจจะได้พบกันอีก ในเมื่อหยกอันนี้เป็นของดูต่างหน้าของภรรยาเจี่ยหลุยเดาแล้วฉันคิดว่าคุณก็น่าจะลองให้โอกาสเขาดู ถ้าหากพรุ่งนี้เขาสามารถเอาชนะได้ก็คืนมันให้แก่เขา ทว่าหากเขาแพ้ เราก็จะไม่พูดถึงหยกอันนี้อีกเลยพร้อมสิ้นสุดการพนัน เอางี้เป็นไง ? ”

ชูยี่หรี่ตาของเขาลงพร้อมจ้องมองไปที่ถังซิ่วพร้อมถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณเป็นใคร?”

“ถังซิ่ว!”

(ใครที่ถามว่าทำไมตอนต่อไปติดรหัสนะครับ คือมันต้องอยู่ในกลุ่มลับอะครับหรือใครที่ไม่อยากจ่ายตังก็รอก็ได้ครับผม เพราะผมจะปลดให้ 1-2 วันตอนครับ ขอบคุณค๊าบบบ  ส่งข้อความมาทางนี้เลยครับ https://goo.gl/CeevTV)