…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถนนระหว่างจังหวัดกวนหยางและจังหวัดฟูคัง รถสองคันได้ขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถังซิ่วที่นั่งอยู่ตรงรถคันที่สองนั้นกำลังกวาดตามองไปที่เอกสารเกี่ยวกับตระกูลหยาง

ณ ตอนนี้

เหตุผลที่เขาไม่ได้นำกองกำลังมามากมายแต่กลับนำคนจากห้องอาหารร้อยงานฉลองมาเพียง 6 คนก็เพราะเป้าหมายที่เขามาที่นี่ก็เพื่อลอบสังหารและมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนคนแต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของมือสังหาร

ทุกๆคนเองก็ได้รับมอบหมายงานที่สำคัญไว้แล้วดังนั้นเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าหลังจากที่เริ่มปฏิบัติการด้วยกันทั้ง 7 คนแล้วก็จะสร้างความหวาดผวาไปทั่วจังหวัดฟูคังได้อย่างแน่นอน

“บอสครับ ผู้ฝึกสอนเฉินในจังหวัดฟูคังต้องการพบกับคุณครับ ”

ชายที่นั่งข้างคนขับเองก็ได้วางสายลงพร้อมทั้งหันกลับมาพูดกับถังซิ่ว

ถังซิ่วได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาด้วยความสับสนว่า

“ใครคือผู้ฝึกสอนเฉิน ? ”

“เฉินเซ่าฮั่ว” (*ผู้จัดการของธุรกิจขายของโบราญภายใต้ห้องอาหารร้อยงานฉลอง)

ชายคนนั้นเองก็ได้ตอบกลับไป

ถังซิ่วได้แสดงท่าทางประหลาดออกมาก่อนที่จะถามว่า

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ? ”

ชายคนนั้นเองก็ได้ตอบกลับว่า

“ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงแรมมรกตครับ ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า

“อย่างไรก็ตามเราเองก็ไม่ได้มีที่ที่จะหยุดอยู่แล้ว งั้นตรงไปที่โรงแรมมรกตเลยแล้วกัน ”

“ครับผม ”

ชายคนนั้นเองก็ได้พยักหน้าตอบ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

รถทั้งสองคันเองก็ได้มาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมมรกตในอำเภอเซ่าจังหวัดฟูคัง หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง7คนเองก็ได้ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น18 เมื่อถังซิ่วออกมาจากลิฟท์แล้วก็พบว่ามีชายวัยกลางคนๆหนึ่งที่สวมแว่นกำลังยืนอยู่

“บอสครับ ”

หลังจากที่เฉินเซ่าฮั่วเห็นถังซิ่วแล้วก็ได้โค้งตัวทำความเคารพพร้อมกับเรียกออกมา

ถังซิ่วได้สำรวจเขาพร้อมกับพยักหน้าแล้วถามว่า

“นายคือเฉินเซ่าฮั่วงั้นหรอ ? ”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ครับ ผมเอง”

ถังซิ่วได้โบกมือของเขาพร้อมกับเดินไปตามทางเดินแล้วถามว่า

“แล้วมาที่จังหวัดฟูคังทำไมกัน ? อย่าบอกนะว่าที่นี่เองก็มีสาขาของเราอยู่ด้วย ? ”

เฉินเซ่าฮั่วที่เดินตามถังซิ่วอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า

“จริงๆแล้วที่นี่เองก็มีร้านขายของโบราญอยู่มากมายและรวมไปถึงของห้องอาหารเราด้วยอย่างไรก็ตามเหตุผลที่ผมมาในวันนี้เพราะผมมีเรื่องที่ต้องแจ้งบอสครับ ”

“เรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พูดว่า

“บอสครับ เราไปคุยกันด้านในดีกว่า ผมได้เตรียมชาเอาไว้รอบอสแล้วครับ”

ถังซิ่วเองก็ได้แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาพร้อมกับพยักหน้า ภายใต้การนำของเฉินเซ่าฮั่วนั้นพวกเขาเองก็ได้เข้าไปในห้องแบบPresidential suite แต่คนที่เหลือที่นำมาด้วยนั้นก็ให้รออยู่ตรงทางเดิน

“นี่การดื่มชาก็เพียงแค่การบังหน้าใช่ไหม ? ไหนว่ามาสิว่ามีอะไร ? ”

เฉินเซ่าฮั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

“บอสครับอย่างแรกเลยคือผมจะรายงานเรื่องความก้าวหน้าด้านการบ่มเพาะกับคุณ ตอนนี้พลังฉีทั้งหมดภายในร่างของผมได้เปลี่ยนเป็นพลังหยวนหมดแล้วครับ พละกำลังเองก็เพิ่มขึ้นมากและขอขอบคุณที่บอสให้โอกาสและเชื่อใจผม หลังจากนี้ไม่ว่าบอสจะสั่งการอะไรผมก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ ”

ถังซิ่วได้โบกมือพร้อมกับเชิญให้เขานั่งลง

เฉินเซ่าฮั่วได้นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับถังซิ่วก่อนที่จะพูดอออกมาว่า

“บอสครับ เรื่องที่ผมอยากจะพูดกับคุณคือ คุณเคยพูดว่านอกจากโลกของเราแล้วก็ยังมีโลกอื่นอีกใช่ไหมครับ ?”

ถังซิ่วได้หรี่ตาลงพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า

“ใช่แล้ว”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“บอสครับ ผมเองก็มีสิ่งของแบบนั้นอยู่เหมือนกัน คุณลองดูสิ ”

เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้เอาก้อนแร่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนที่จะส่งให้กับถังซิ่ว

“หินฟีนิกซ์สายรุ้งงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่แร่ก้อนนั้นพร้อมกับเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสีรุ้งทั้งเจ็ดสีซึ่งทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป เขาได้หยิบมันมาพร้อมกับแผดจิตสัมผัสเข้าไปและพบว่ามันเป็นหินฟีนิกซ์สายรุ้งเกรดธรรมดาซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกรดธรรมดาแต่หากว่ามันปรากฏขึ้นในดินแดนแห่งนิรันด์ก็มีคนมากมายที่จะต้องแย่งกันอย่างแน่นอนซึ่งรวมไปถึงนิรันด์สูงสุดก็ยังอิจฉาเช่นกัน

หินฟีนิกซ์สายรุ้งนั้นสามารถเอาไปหลอมเป็นเครื่องมือแห่งนิรันด์ได้ ยิ่งขนาดเท่ากำปั้นนี้เองก็สามารถนำไปหลอมเป็นเครื่องมือระดับสูงได้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ถังซิ่วเองก็มีเครื่องมือระดับสูงหลายชิ้นและสองในนั้นเป็นเครื่องมือที่ทำมาจากหินฟีนิกซ์สายรุ้งซึ่งพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นก็มากกว่าเครื่องมือธรรมดาเยอะพอสมควร

“นี่เจ้าไปได้หินก้อนนี้มาจากไหนกัน ? ”

ท่าทางของถังซิ่วนั้นจริงจังเป็นอย่างมาก เขาได้จ้องมองไปที่เฉินเซ่าฮั่วแบบไม่วางตา

เฉินเซ่าฮั่วเองก็มีท่าทางเปลี่ยนไปพร้อมกับพูดออกมาว่า

“บ่อน้ำพุมังกรที่อยู่ทางทางตะวันตกครับ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไหนลองบอกวิธีการที่ได้มาหน่อย”

เฉินเซ่าฮั่วได้พูดว่า

“บอสครับ คุณก็รู้ว่าผมบริหารเกี่ยวกับของโบราญและด้วยเหตุผลพิเศษเองผมก็ได้ยินมาว่าทางตะวันตกมีของโบราญที่ล้ำค่ามากมายดังนั้นจึงได้เดินทางไปที่นั่น มันผ่านไปประมาณสองเดือนได้แล้วและเราได้ไปถึงที่บ่อน้ำพุมังกรนั่น เราพบว่าบรรยากาศที่นั่นดีเป็นอย่างมากและมีผู้อยู่อาศัยหลายร้อยคน พวกเขาได้มีของตกทอดที่ล้ำค่ามากมาย ”

“ผมได้ใช้เงินไปจำนวนหนึ่งที่ซื้อของเหล่านี้อย่างไรก็ตามเพราะเส้นทางที่นั่นมันยากที่จะเดินทางมาก หลังจากนั้นเราจึงได้หยุดในช่วงเย็นและเพราะพวกเรารู้สึกว่างเหลือเกินจึงได้ออกไปล่ากันตอนกลางคืน ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการหลงทาง ”

“ที่นั่นถูกรายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ดีมากๆแต่กลับเสี่ยงชีวิตเช่นกันเพราะเราเองก็ได้ไปเจอเข้ากับสัตว์ดุร้ายที่แข็งแกร่งจนเกือบจะฆ่าพวกเราเข้า ทันใดนั้นเราเองก็ได้ไปพบเข้ากับป่าแห่งหนึ่งซึ่งอากาศที่นั่นสดชื่นเป็นอย่างมาก สดชื่นกว่าที่ไหนๆ เพียงแค่ลมหายใจเดียวก็ทำให้เรารู้สึกสบายไปทั้งตัว”

“แต่ว่าที่นั่นเองก็มีสัตว์ดุร้ายอยู่มากมาย หลังจากที่เราหนีเข้าไปลึกกว่าเดิมก็พบเข้ากับสุสารและมันก็เปิดอยู่ หลังจากที่เราเข้าไปแล้วก็พบว่ามันเป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างกันมาก”

“ที่นั่นมีต้นไม้และดอกไม้ มีท้องฟ้าที่สดใสที่ที่สำคัญคือต้นไม้และสัตว์ป่ากว่า80 % นั้นเราไม่เคยพบเห็นมาก่อนซึ่งรวมไปถึงสัตว์ดุร้ายมากมายและแม้กระทั่ง…………”

เฉินเซ่าฮั่วได้หยุดลงตรงนี้พร้อมกับความรู้สึกกลัว

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“แม้อะไร ? ”

เฉินเซ่าฮั่วได้พูดด้วยเสียงกระซิบว่า

“เราพบแม้กระทั่งมังกร ตัวของมันสีดำทมิฬและมีห้ากรงเล็บ มันยาวประมาณห้าเมตรและพ่นไฟสีดำออกมาอย่างน่ากลัวมากๆ เราเองได้เห็นว่าไฟของมันได้เผาจนหินที่หนักเป็นตันละลายไปต่อหน้าต่อตา”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“พูดต่อสิ ”

เฉินเซ่าฮั่วได้พูดว่า

“เราไม่ได้เข้าไปลึกกว่านั้นแล้วเพราะกลัวว่ามันจะไม่มีทางออกดังนั้นเราจึงได้หันหลังเดินกลับมาทางเส้นทางก่อนหน้านี้ หลังจากที่ใช้ความพยายามมากมายเพื่อเอาชีวิตรอดผมก็ได้บอกเรื่องนี้กับบอสน้อยซึ่งเธอบอกให้ผมเก็บไว้เป็นความลับ”

คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากัน เขาไม่เคยได้ยินกู่เสี่ยวเสวี่ยพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“หลังจากที่ผมได้เรียนรู้เทคนิคการบ่มเพาะมาจากผู้อาวุโสจี่แล้วก็เพิ่งพบว่าไอ้อากาศที่เราสูดแล้วรู้สึกสดชื่นในนั้นมันคือพลังวิญญาณที่เข้มข้นนี่เอง หลังจากที่พลังหยวนของเราได้เข้ามาแทนที่พลังฉีหมดแล้วผมก็ได้พูดเรื่องนี้กับบอสน้อยอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้ให้ผมมาบอกบอสถึงเรื่องเหล่านี้ทว่า……… ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“อะไร ? ”

เฉินเซ่าฮั่วได้พูดออกมาว่า

“บอสน้อยได้ฝากผมมาบอกว่าที่นั่นมันอันตรายมากๆและหวังว่าบอสจะไม่บุ่มบ่ามเข้าไป รออีกหน่อยแล้วค่อยเข้าไป ”

ถังซิ่วเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมก่อนหน้านี้กู่เสี่ยวเสวี่ยถึงได้ไม่บอกเขาเพราะเธอรู้ถึงพละกำลังของเขาดีและกลัวว่าเมื่อเขาได้ยินเรื่องโลกใบเล็กแล้วจะรีบฝ่าเข้าไปทันที

“เรื่องนี้นอกจากข้าและกู่เสี่ยวเสวี่ยแล้วห้ามบอกใครโดยเด็ดขาด ที่นั่นเป็นที่ที่เรายังไม่สามารถไปได้ในตอนนี้ยกเว้นว่าเราเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้ว สักวันเราจะเข้าไปที่นั่นหากว่าพลังของเราแข็งแกร่งไปถึงระดับหนึ่ง”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“บอสครับ ผมเข้าใจดี บอสไม่ต้องเป็นห่วง”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“หินฟีนิกซ์สายรุ้งนี่เอามาให้ข้า ! บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอาวุธแบบไหน ? หลังจากนี้ข้าจะสร้างอาวุธเทวะให้เจ้า”

ดวงตาของเฉินเซ่าฮั่วเองก็เปล่งประกายพร้อมกับตอบว่า

“มีดสั้นดีที่สุดแล้วครับ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าทุกคนจะชอบใช้มีดสั้นนะ รอก่อนแล้วกันหลังจากที่ข้ามีเวลาก็จะหลอมอาวุธให้ อ่อใช่ หินฟีนิกซ์สายรุ้งนี่เป็นสิ่งของที่เจ้าเอามาจากโลกใบเล็กแล้วนอกจากนี้ยังมีอะไรอีกบ้าง ? ”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ผมพบว่าแร่หินก้อนนี้มันพิเศษเป็นอย่างมากดังนั้นถึงได้นำมันกลับมาส่วนสิ่งของอื่นๆเองก็ไม่ได้นำอะไรกลับมาแม้แต่น้อยครับ ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“จากความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วถือว่าโชคดีมากๆที่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ เอาล่ะ เรื่องนี้ให้จบลงตรงนี้ หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้วก็บอกกู่เสี่ยวเสวี่ยด้วยแล้วกันว่าให้เธอสบายใจได้เลยว่าข้าจะยังไม่ไปที่นั่นอย่างแน่นอน”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ครับผม ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ว่างหรือเปล่า ? มาทานข้าวด้วยกันสิ”

“ได้ครับ ”

เฉินเซ่าฮั่วเองก็ได้แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาพร้อมกับตอบกลับอย่างนอบน้อม

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วเฉินเซ่าฮั่วก็ได้ออกจากโรงแรมนี้ไปทว่าห้องที่เขาเปิดเอาไว้ก็กลายเป็นของถังซิ่ว

อย่างไรก็ตาม ถังซิ่วที่เพิ่งจะได้นั่งซุกก้นแต่ปู่ก็โทรมาทันที

“ปู่ครับ มีเรื่องอะไรงั้นหรอครับ ? ห๊า ? จบแล้ว ? ”

คิ้วของถังซิ่วเองก็ได้ขมวดเข้าหากันและหงุดหงิดเล็กน้อย ปฏิบัติการต่อไปของเขาคือฆ่าตระกูลหยางแต่ปู่ของเขาได้บอกมาว่าตระกูลเหยาได้ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วและขอให้จบสงครามที่นี่

“ตอนนี้ก็หยุดมือก่อนชั่วคราวแล้วกัน ตอนนี้สิ่งที่ตระกูลถังของเราต้องการคือเวลา หากเป็นไปตามแผนที่ปู่ได้วางเอาไว้แล้วก็ใช้เวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น หลังจากนี้เราจะสามารถฝึกคนที่แข็งแกร่งได้ อย่างมากก็ใช้เวลา10ปีที่จะทำให้ตระกูลของเรากลับไปอยู่จัดเดิมหรือสูงขึ้นกว่านั้น”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจัง

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนทีจะพูดออกมาว่า

“ดี ดี ในเมื่อปู่พูดขนาดนี้แล้วผมก็จะทำตาม น่าเสียดายที่อุส่าคิดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากทั้งสามตระกูลได้มากกว่านี้ ”

“ผลประโยชน์อะไรงั้นหรอ ? ”

ถังเกาเชิงได้ถามออกมาด้วยความสับสน