…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้มองไปที่ซันเฟย์หวูด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้ตระกูลถังได้เสียหายเป็นอย่างมากและเขายินดีที่จะฆ่าทุกคนที่นี่เพื่อฟื้นฟูสิ่งที่ตระกูลของเขาได้เสียไป

การสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่นั้นเป็นการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว พวกเขาได้ฆ่าคนระดับสูงของตระกูลซันไปมากมายแล้วก็จะให้โอนเงินไปที่บัญชีของกู่หลาง

“กู่หลาง เอาเลขที่บัญชีให้มันไปแล้วให้มันโอนเงินทันที”

กู่หลางเองก็ได้เอาเลขที่บัญชีให้กับซันเฟย์หวูทันที

หลังจากนั้นไม่นาน

เมื่อกู่หวางยืนยันได้แล้วว่าเงินได้ถูกโอนจึงได้พูดขึ้นว่า

“ตอนนี้แกรอดแล้วแต่ว่าเมียแกยังไม่ได้จ่ายค่าไถ เอามาอีก200ล้านเพื่อไถ่ชีวิตเมียแกซะ”

“แก……”

ซันเฟย์หวูเองก็ได้โกรธจัดเป็นอย่างมาก

กู่หลางเองก็ได้ยกมีดขึ้นมาแล้วพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

“แกตัดสินใจเอาเองแล้วกันว่าจะช่วยชีวิตเมียแกไหม หากว่าไม่แกก็จะถูกทำให้สงบและหลังจากที่ตื่นมาแล้วก็จะพบว่าชะตากรรมของเมียแกมันน่าอนาถมากๆ ”

“ฉันไม่มีเงินและในบัญชีเองก็คงยังพอมีเหลืออยู่ประมาณ100ล้านกว่าๆ ฉันสองผัวเมียก็มีเงินอยู่เท่านี้ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเงินของตระกูล”

ซันเฟย์หวูเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่น

กู่หลางได้พูดออกมาว่า

“งั้นโอนเงินทั้งหมดที่แกมีในบัญชีมาให้ฉัน”

“ได้”

ซันเฟย์หวูก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป หลังจากที่โอนเงินเสร็จแล้วก็พูดว่า

“ตอนนี้ก็ปล่อยพวกเราไปได้แล้วใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าพวกนายทำตามเงื่อนไขของฉันก็รับรองได้เลยว่าฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่ให้เงินนายไป”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“เงื่อนไขอะไร ? ”

ซันเฟย์หวูเองก็ได้พูดออกมาตรงๆว่า

“หลังจากนี้ก็ทำงานให้ฉัน ฉันรับประกันได้เลยว่าพวกนายจะร่ำรวยและมีชื่อเสียงไปตลอดชีวิต”

ถังซิ่วได้ปล่อยตัวซันเฟย์หวูพร้อมกับถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เงื่อนไขของแกนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก หากว่าฉันไม่ใช่คนสกุลถังก็คงจะขอเก็บไปคิดดูหน่อย ”

“พุฟฟฟฟฟฟฟ……”

มีดที่อยู่ในมือของกู่หลางเองก็ได้แทงทะลุหัวใจของซันเฟย์หวูทันที

“ไอ้เวรเอ้ย ที่แท้พวกแกก็เป็นคนจากตระกูลถังงั้นหรอ ก่อนหน้านี้แกได้บอกว่าหากฉันให้เงิน…….”

ซันเฟย์หวูเองก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ถังซิ่วได้ขัดคำพูดของเขาพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนว่าฉันได้บอกไว้แล้วว่าหากแกจ่ายเงินนี่ฉันก็จะไม่ฆ่าแกแต่ฉันไม่ได้บอกหนิว่ากู่หลางจะไม่ทำดังนั้นก็รีบๆตายๆแล้วไปเกิดใหม่ได้แล้ว”

กู่หลางเองก็ได้แทงซ้ำไปอีกหลายครั้งก่อนที่จะจับชีพจรตรงคอของซันเฟย์หวูพร้อมกับเก็บมีดแล้วพูดว่า

“บอสครับ วันนี้เราได้กำไรมาเยอะเลย”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนว่าเยอะมากแต่ข้าเองก็หวังว่าจะได้เยอะกว่านี้ ดูเหมือนว่าวิธีนี้เองก็จะทำให้ข้ารวยเหมือนกันนะ เคยได้ยินคำพูดที่ว่าหากม้าไม่มีหญ้าให้กินช่วงกลางคืนแล้วก็ไม่มีทางอ้วนและหากคนไม่มีเงินที่ได้มาแบบไม่ตั้งใจนั้นก็ไม่มีทางรวย เงินพวกนี้เจ้าเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน หลังจากที่เรื่องในวันนี้จบไปแล้วก็ให้โอนไปที่ธนาคารสวิสแลนด์ทันที”

“ได้ครับ”

กู่หลางเองก็ได้พยักหน้าทันที

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

หลังจากที่ถังซิ่วและกู่หลางฆ่าคนไปกว่า21คนนั้นก็ได้มีเสียงโห่ร้องดังออกมาจากหนึ่งในบ้านเหล่านั้นว่า

“มีฆาตกร !!!! ศัตรูบุก !!!!”

ถังซิ่วและกู่หลางเองก็ได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะพยักหน้าแล้วฆ่าชายคนนั้นจนจมกองเลือดก่อนที่จะวิ่งออกไปด้านนอกทันที

ภายใต้จิตสัมผัสของถังซิ่วนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างในระยะ2-3ร้อยเมตรทันทีและสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับมีท่าทางเปลี่ยนไปนั่นคือหัวหน้าและหน่วยลาดตระเวนได้กลับมาแล้ว

“ดูเหมือนว่าการตอบสนองของพวกมันจะดีเป็นอย่างมาก ด้านหน้าเรามีหน่วยลาดตระเวนอยู่10คน พยายามอย่าเข้าปะทะกับพวกมันแต่หากฆ่าได้ก็ฆ่าแต่เป้าหมายของเราคือหนีไปจากที่นี่ ”

หลังจากที่หลบอยู่ในพงหญ้าแล้วถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมา

“เข้าใจแล้วครับ ”

กู่หลางเองก็ได้ปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เขาเป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มานับไม่ถ้วนดังนั้นเขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ฝ่าความอันตรายนี้ไปพร้อมกับถังซิ่ว เขาตอนนี้เป็นเหมือนกับปลาที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่ในแม่น้ำ เขาต้องการที่จะว่ายผ่านประตูแห่งมังกรเพื่อได้รับโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้นและพุ่งทะยานใบบนฟ้า

“ไปกัน”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงเบา พวกเขาทั้งคู่เองก็ได้วิ่งตรงไปที่หน่วยลาดตระเวน ภายใน20วินาทีพวกเขาก็ไปถึงพร้อมทั้งไม่รีรอให้ฝั่งตรงข้ามตอบสนองแม้แต่น้อย ถังซิ่วและกู่หลางเองก็ได้เปิดฉากโจมตีพวกมันที ชายวัยกลางคนที่พยายามจะหยิบปืนออกมาก็ไม่ทันใดตอบสนองแต่กลับถูกถังซิ่วปาดคอและแทงไปที่หัวใจของเขาอย่างรวดเร็ว กู่หลางเองก็ได้ฆ่าคนไปสองคนแล้วเช่นกัน

“ระวัง !”

ท่าทางของกู่หลางเองก็เปลี่ยนไป เขาได้วิ่งไปผลักถังซิ่วและทันใดนั้นเองแขนของเขาก็ได้ถูกยิงทะลุโดยกระสุนปืนไรเฟิล เลือดได้ทะลักออกมามากมาย

สไนเปอร์ ?

ท่าทางของถังซิ่วเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับแผดจิตสัมผัสออกไป นอกจากหน่วยลาดตระเวนที่กำลังวิ่งเข้ามาสองคนแล้วเขาก็ไม่เห็นสไนเปอร์แม้แต่น้อย อีกความหมายนึงคือพวกมันอยู่นอกระยะจิตสัมผัสของเขา

“รีบไปกันเถอะ”

ถังซิ่วได้ใช้มีดฟันไปที่หน่วยราดตระเวนพร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งพยุงกู่หลวงเอาไว้แล้วพุ่งไปทางกำแพงทันที

“เตรียมตัวไว้ ”

ถังซิ่วที่กำลังจะถึงกำแพงในอีกไม่กี่เมตรเองก็ได้ตะโกนออกมา เขาได้พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าก่อนที่ระยะทางจะลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแค่4-5เมตรเท่านั้น เขาก็ได้กระโดดหลบรั้วไฟฟ้าไปพร้อมกับกู่หลางทันที

“พุฟฟฟฟฟฟ …….”

ขณะที่ถังซิ่วกำลังจะยกขาขึ้นวิ่งต่อนั้นกระสุนเองก็ได้ยิงมาตรงที่ข้างๆเท้าของเขา

“บอสครับ ระวัง”

กู่หลางเองก็ได้ลดความเร็วลงพร้อมกับวิ่งไปพร้อมกับถังซิ่ว

ถังซิ่วไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่เอามือไปจับกู่หลางเอาไว้พร้อมทั้งเพิ่มความเร็วขึ้นซึ่งพวกเขาเป็นเหมือนกับผีที่วิ่งหายเข้าไปในที่ห่างไกลโดยทันที

ในบ้านหลักตระกูลซันนั้น ซันเฟิงที่กำลังถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ก็ได้มองผ่านทางกล้องปืน เขายิงไปสองนัดและนัดแรกเองก็เข้าเป้าส่วนนัดที่สองนั้นพลาด

ณ ตอนนี้เองไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกเครียดแค่ไหนเพราะเขาเพิ่งจะพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ความเร็วระดับนั้นมัน

มัน…..

มันเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถทำได้แล้ว แม้ว่าเขาจะใช้กล้องหน้าปืนส่องไปแต่ก็แทบไม่สามารถจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของศัตรูได้เลย

“พวกมันเป็นคนแน่หรือ ? ”

ริมฝีปากของซันเฟิงเองก็ได้แสดงรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา เขาได้มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามขณะที่พวกมันหายเข้าป่าไปพร้อมทั้งเก็บปืนแล้วกลับลงมาด้านล่าง

หลี่เสี่ยวจี่ที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านหลักตระกูลซันกว่า4-5กิโลเมตรนั้นก็กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่พร้อมกับมองสถานการณ์โดยรอบ ดังในนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เห็นถังซิ่ววิ่งมาแต่ไกล

“สุดยอด โครตเร็ว”

ท่าทางของหลี่เสี่ยวจี่เองก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเขามองดีๆแล้วพบว่าแขนของกู่หลางที่กำลังกลับมาพร้อมถังซิ่วนั้นได้ถูกโฉลมไปด้วยเลือด

“โคร๊มม….”

เสียงเปิดปิดประตูรถได้ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วได้ตะโกนออกมาว่า

“รีบขับรถไปเร็ว ถอนตัว !!!”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้ติดเครื่องทันทีพร้อมทั้งขับออกไปอย่างรวดเร็ว เขาได้ถามออกมาว่า

“บอสครับ กู่หลางเป็นอย่างไรบ้าง ? ”

ถังซิ่วได้ฉีกแขนเสื้อของกู่หลางออกพร้อมกับห้ามเลือดทันที เมื่อได้ยินคำถามของหลี่เสี่ยวจี่แล้วเขาก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า

“ไม่ได้รุนแรงมากนักแต่ต้องรีบกลับไปที่เขตฮงปูให้เร็วที่สุด ฉันต้องรีบคว้านเอาลูกกระสุนออกมา”

“ครับผม”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้ตอบกลับไปทันที

กู่หลางได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสครับ แผลแค่นี้มันเล็กน้อยมากเลย เราไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้โดยตรงและรถของเราเองก็ต้องทิ้งเอาไว้กลางทางด้วยไม่เช่นนั้นพวกมันคงสามารถตรวจได้จากกล้องตามถนนอย่างแน่นอนว่าเราแอบอยู่ที่เขตฮงปู”

ถังซิ่วเองก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาถังเหว่ย หลังจากที่มีการตอบรับแล้วก็ได้ยินเสียงสลึมสลือของถังเหว่ยดังนั้นถังซิ่วเองก็ได้พูดว่า

“อย่าเพิ่งนอน นายรีบขับรถออกมาเลย เรื่องที่อยู่นั้นฉันคงไม่สามารถบอกทางโทรศัพท์ได้แต่ให้เราติดต่อกันแบบนี้ ”

“หมายความว่ายังไง ? นายไม่………”

ถังเหว่ยเองก็ได้มีสติขึ้นมาพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ตอนค่ำๆเราเบื่อเป็นอย่างมากดังนั้นถึงได้ไปที่บ้านหลักตระกูลซันเพื่อลอบสังหาร ตอนนี้กู่หลางได้รับบาดเจ็บและต้องรีบกลับไป นายมาที่นี่ให้เร็วๆหน่อย”

“ได้ ”

แม้ว่าถังเหว่ยจะตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะเรื่องที่ถังซิ่วและกู่หลางแอบออกไปลอบสังหารคนกลางดึกทว่าเขาก็เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี หลังจากที่ตอบตกลงแล้วเขาก็ได้สวมเสื้อผ้าพร้อมทั้งรีบเดินออกไปข้างนอกทันที

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ถังเหว่ยเองก็ได้ไปรับถังซิ่วและคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเขาจะไปกับถังเหว่ยนั้นก็ได้ระเบิดรถที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ทิ้งโดยการยิงของหลี่เสี่ยวจี่ หลังจากที่รถถูกไฟคลอกแล้วพวกเขาทั้งสี่คนเองก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว

“แม้ว่าป้ายทะเบียนรถจะเป็นของปลอมแต่เราก็ไม่สามารถผิดพลาดได้”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้แอบเอาป้ายทะเบียนของรถคันก่อนหน้านี้ออกมาพร้อมกับมองไปที่ท่าทางมืดมนของถังเหว่ย

ณ ตอนนี้

ถังเหว่ยโกรธเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด เขาโกรธคนพวกนี้ที่ทำอะไรโง่ๆถึงกล้าบุกไปที่บ้านหลักตระกูลซันเพื่อลอบสังหาร เขาเคยได้ยินมาแล้วว่ากองกำลังป้องกันของบ้านหลักตระกูลซันนั้นแน่นหนาเป็นอย่างมาก การที่พวกเขาทั้งสามคนสามารถรอดกลับมาได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ

“ถังซิ่ว หากว่าปู่รู้เรื่องนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องปล่อยสายฟ้าออกมาได้แน่นอน นายนี่มันบ้าจริงๆเลยหากว่าไปที่อื่นฉันจะไม่ว่าแม้แต่น้อยแต่นี่นายกลับกล้าที่จะไปลอบสังหารคนที่บ้านหลักของตระกูลซัน นี่นายเหนื่อยที่จะหายใจแล้วงั้นหรอ ? ”

ท้ายที่สุดถังเหว่ยเองก็ทนไม่ได้ก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วผ่านทางกระจกมองหลังแล้วพูดออกมาด้วยความโกรธ

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“แหมม พี่เหว่ย ฉันรู้หน่าว่าพี่เป็นห่วงแต่นี่เราก็หนีมาได้ใช่ไหมยิ่งไปกว่านั้นคือวันนี้เราประสบความสำเร็จอย่างมากเลยนะ !”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า

“บอสครับ คุณเข้าไปหนึ่งชั่วโมงแล้วฆ่าไปได้กี่คนกัน ? ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ขมวดคิ้วทันทีพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“นี่นายบุกเข้าไปเป็นชั่วโมงเลยงั้นหรอ ? นี่ยังจะรอดออกมาได้อีกนะ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หากว่านับแต่คนที่สำคัญระดับสูงของตระกูลซันแล้วก็ฆ่าไปทั้งหมด 21คน มันเกือบจะทั้งหมดจากบัญชีดำที่ฉันได้สร้างขึ้น แม้ว่ามันจะน่าเสียดายที่ฉันหาตัวซันเฟย์หลี่ หัวหน้าตระกูลซันไม่เจอก็เถอะไม่เช่นนั้นการลอบสังหารของเราในวันนี้ก็คงจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมด”

“อะไรนะ ? ”