…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เหยาชิงซุนเองก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ไม่คิดงั้นหรอ ? การประมาทศัตรูแบบนี้ไงล่ะ ก่อนหน้านี้เราได้กดดันตระกูลถังและตระกูลใบแทบตายทว่าก็ยังไม่สามารถเทียบกับสิ่งที่เราสูญเสียไปในวันนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าถังหยุนเป็งมันกลับไปที่จังหวัดซูซู่แล้วงั้นหรอ ? แล้วเรื่องในวันนี้มันเป็นฝีมือของใครกัน ? ”

เหยาเชิงชิงเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ยังไม่มีข้อมูลเลยครับ”

“โคร๊ม……”

เหยาชิงซุนเองก็ได้ทำลายข้าวของบนโต๊ะทันทีพร้อมกับคำรามออกมาด้วยความโกรธว่า

“ยังไม่พบอีกงั้นหรอ ? สูญเสียไปมากขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถรู้ถึงสถานะของฝ่ายตรงข้ามงั้นหรอ ? ”

เหยาเชิงชิงเองก็ได้ก้มหน้าลงพร้อมกับไม่พูดอะไรออกมา คนอื่นๆเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ

อับอาย !

พวกเขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก !

หลังจากผ่านไปนานแล้วเหยาชิงซุนเองก็ได้พูดออกมาอย่างดุร้ายว่า

“ให้เหลียนเท็งไปที่นั่นซะ บอกซินหัวว่าหากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็ไสหัวกลับมาที่นี่ซะ ”

เหลียนเท็ง ?

เหยาเชิงชิงและคนอื่นๆเองก็มีท่าทางเปลี่ยนไปทันที

เหยาเชิงชิงเองก็ได้ถามออกมาอย่างลังเลว่า

“พ่อครับ เหลียงเท็งนั้นเป็นผู้เชี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา หากว่าให้เขาไปที่จังหวัดกวนหยางแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร ? ยิ่งไปกว่านั้นคือหากเขาไปแล้วใครจะเป็นไม้กันหมาตระกูลถังกัน ? หากว่าตระกูลถังอาศัยโอกาสนี้ …………”

เหยาชิงซุนเองก็ได้ขัดจังหวะคำพูดของเขาพร้อมกับแสยะออกมาอย่างเย็นชาว่า

“หากอะไร ? ตอนนี้ตระกูลถังมันก็เป็นแค่ภาพวาดของเสือเท่านั้น ฮ่า ฮ่า ตระกูลเล็กๆอย่างพวกมันจะกล้าชนกับตระกูลเหยาของเรางั้นหรอ ? ฮึ้มมมม……….. มันไม่ใช่ว่าฉันดูถูกตระกูลถังหรอกนะแต่ต่อให้มันมีความกล้าเพิ่มขึ้นก็ไม่มีทางกล้าเปิดฉากโจมตีพวกเราที่นี่หรอก ”

เหยาเชิงชิงเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดออกมาอย่างช้าๆว่า

“เอาล่ะ ผมจะรีบไปแจ้งให้เหลียงเท็งทราบและให้เขายกเลิกงานทั้งหมดเพื่อไปที่จังหวัดกวนหยางทันที”

ที่สนามบินเซี่ยงไฮ้

คังเซี่ยที่สวมชุดสบายๆพร้อมกับพนักงานบริษัทเองก็ได้เดินออกมาจากทางออก ซู่เขวียนที่ดูฉลาดเองก็กำลังถือกระเป๋าสีดำที่ล๊อคอย่างแน่นหนาเอาไว้ในมือ

“ถังซิ่วล่ะ อ่อไม่สิ แล้วบอสใหญ่ไม่มารับเรางั้นหรอ ? ”

ซู่เขวียนเองก็ได้มองไปรอบๆพร้อมกับถามคังเซี่ย

คังเซี่ยเองก็ได้มองไปที่ดวงตาของเขาพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก่อนที่เราจะมานี้ก็ไม่ได้ติดต่อเขาเลย ฉันเองก็ได้จองโรงแรมคัปเปลไว้แล้ว ไปกันเถอะ วันนี้ทุกคนก็พักผ่อนกันให้เต็มที่แล้วเราต้องพยายามให้ดีที่สุดในงานประกวดไวน์วันพรุ่งนี้ ห้ามให้เกิดข้อผิดพลาดโดยเด็ดขาด ”

ซู่เขวียนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หัวหน้าคัง คุณสบายใจได้เลย ”

คังเซี่ยเองก็ได้นั่งแท็กซี่ออกไปนอกสนามบินเพื่อตรงไปที่โรงแรมห้าดาวคัปเปล หลังจากที่เธออาบน้ำแล้วก็ได้เปลี่ยนชุดที่ดูน่ารักพร้อมทั้งโทรไปหาถังซิ่ว

“คังเซี่ย เธอถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว ? ”

เมื่อสายถูกตอบรับแล้วก็ได้มีเสียงของถังซิ่วส่งกลับมาทันที

คังเซี่ยเองก็ได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า

“อื่ม ฉันเพิ่งมาถึงโรงแรมได้ไม่นาน แล้วคุณอยู่ที่ไหนกัน ? ตอนนี้ว่างไหม ? ฉันจะไปหาคุณ !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ตอนนี้ฉันอยู่ที่จังหวัดกวนหยางเพราะมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องจัดการ หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วจะกลับไปทันที ”

“จังหวัดกวนหยาง ? ”

คังเซี่ยเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ผิดหวังออกมาพร้อมกับพูดว่า

“บอสค่ะ คุณไปที่จังหวัดกวนหยางทำไมกันงั้นหรอ ? พรุ่งนี้งานประกวดเองก็กำลังจะเริ่มแล้ว คุณจะกลับมาเข้าร่วมหรือเปล่า ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“แน่นอนเลยว่าพรุ่งนี้ฉันไม่สามารถเข้าร่วมได้เพราะที่นี่เองก็ยังมีปัญหาให้จัดการ ”

คังเซี่ยได้ถามออกมาว่า

“แล้วเรื่องมหาวิทยาลัย……….”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันได้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการฝึกทหารพร้อมกับการสอนจริงๆก็เริ่มวันที่ 20 ฉันจะรีบกลับไปก่อนที่จะถึงเวลานั้น ส่วนเรื่องงานประกวดไวน์ก็ให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบไปก่อนแล้วกัน”

คังเซี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ฉันสามารถจัดการได้แน่นอน ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เอาล่ะ งั้นฉันต้องวางสายแล้ว ”

คังเซี่ยเองก็ได้วางสายพร้อมกับวางกระเป๋าที่เพิ่งจะถือลง เธอได้เดินไปที่หน้าต่างพร้อมมองออกไปที่ทิวทัศน์มืดๆรอบๆเมืองด้วยความผิดหวัง เธออุส่ารีบจัดการงานทุกอย่างเพื่อมาที่นี่เพื่อถังซิ่ว เธออยากจะใช้เวลาร่วมกับเขาให้มากกว่านี้

แต่ ! เขาไปทำอะไรที่จังหวัดกวนหยางกัน ?

คังเซี่ยได้ส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจออกมา เธอพบว่ายิ่งอยู่ด้วยเขาก็ยิ่งยุ่งมากขึ้น เธอไม่สามารถพบเขาได้เป็นเวลานาน

จังหวัดกวนหยาง

ถังซิ่วได้วางมือถือลงพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาจะไม่เข้าใจความคิดของคังเซี่ยได้อย่างไรกัน ? หากว่าไม่เกิดเรื่องของตระกูลขึ้นเขาเองก็อยากจะไปพบเธอเช่นกันจะได้……..ในช่วงกลางคืน

“ทิวทัศน์ที่สวยงามของวัน อาหารที่ดีและผู้หญิงที่สวยงามหากเทียบกับแผนการที่ต้องจัดการเรื่องที่นี่แล้วมันละเอียดอ่อนกว่ามาก ”

ถังซิ่วได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับเริ่มหงุดหงิดกับตระกูลเหยาและตระกูลซันมากขึ้น เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างดังว่า

“กู่หลาง ออกมานี่”

ฟิ้ววววว

ร่างหนึ่งก็ได้พุ่งออกมาจากห้องทันทีพร้อมกับกู่หลางที่ใส่ชุดเรียบร้อยและพูดออกมาอย่างเคารพว่า

“บอสครับ มีเรื่องอะไรงั้นหรอครับ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“รู้สึกกวนใจนิดหน่อยนะเลยทำให้ข้านอนไม่หลับ เราไปฆ่าคนกันหน่อยไหม ? ” (*นี่พี่ถังหงุดหงิดเพราะไม่ได้…กับคังเซี่ยจนถึงกับออกไปฆ่าคนเลยหรอเนี่ย 555)

ดวงตาของกู่หลางเองก็เป็นประกายพร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่ลังเล

“บอสครับ ผมจะปฏิบัติตามคุณอย่างนอบน้อม”

ถังซิ่วได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ไปกันเถอะ ที่นี่ก็ว่างเหลือเกิน แม้ว่าวันนี้ตระกูลเหยาและตระกูลซันจะกลัวจนหัวหดไปแล้วแต่เราก็ไปย้ำแผลพวกมันกันหน่อย อ่อใช่ ไปเรียกหลี่เสี่ยวจี่มาด้วย ให้เขาขับรถพาเราไปส่งหน่อย ”

“ได้ครับ ”

กู่หลางเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับหันหลังกลับไป

“บอสครับ ผมมาแล้ว”

ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้กู่หลางเดินไปถึง หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้เปิดประตูออกมาพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาได้เรียนรู้วิธีการเรียกถังซิ่วมาจากกู่หลาง

หลังจากผ่านไม่ไม่กี่นาที

รถ SUV เองก็ได้ขับออกมาพร้อมกับหลี่เสี่ยวจี่ที่ถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสครับ เราจะไปล่าที่ไหนกัน ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไปที่บ้านหลักตระกูลซัน”

“เอี้ยดดดดด……….”

เสียงเบรกรถได้ดังสนั่นพร้อมกับหลี่เสี่ยวจี่ที่โห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“บอสครับ ? ….เรา…….เราจะไปล่าที่บ้านหลักตระกูลซัน ? บอสพูดเล่นใช่ไหม ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

“ดูหน้าฉันดูสิว่าเหมือนพูดเล่นไหม ? ”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ดูไม่เหมือนครับ แต่ว่าเราแค่สามคนจะบุกไปที่ฐานทัพของพวกมันเนี่ยนะ……มันแทบจะพาชีวิตไปทิ้งเลยด้วยซ้ำ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“พาชีวิตไปทิ้งไหมเมื่อไปถึงแล้วก็จะรู้เอง อย่าพูดไร้สาระให้มาก ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ว่าบ้านหลักมันอยู่ไหนใช่ไหม ? ขับไป”

“นี่……”

หลี่เสี่ยวจี่เองก็ลังเลอยู่พร้อมกับขับรถไปอย่างนอบน้อม เขาเคยคิดว่าถังซิ่วนั้นเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่และมีไหวพริบซึ่งเหมาะที่จะเป็นนายน้อยของตระกูลถังเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความคิดว่าถึงซิ่วจะทำเรื่องบ้าๆแบบนี้แม้แต่น้อย

ไปล่าคนตระกูลซันที่บ้านหลัก !

นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ !

อาณาเขตของบ้านหลักนั้นไม่ใช่เล็กๆและมีกองกำลัง1ใน3ของทั้งหมดปกป้องเอาไว้ อย่าว่าแต่พวกเขา3คนเลย ไปกัน300คนก็ยากที่จะยึดที่นั่นได้

หลี่เสี่ยวจี่ได้ถอนหายใจออกมา หลังจากที่เขามองไปทางกู่หลางแล้วก็ถึงกับตัวสั่นทันที เขาพบว่ากู่หลางไม่ได้มีท่าทางกลัวแม้แต่น้อยทว่ากลับดีใจจนเนื้อเต้น

“บอสที่เป็นตัวประหลาด ลูกน้องก็ตัวประหลาด !”

หลี่เสี่ยวจี่ได้คิดคำพูดนี้อยู่ภายในใจของเขาก่อนที่จะตั้งใจขับรถไป

บ้านหลักตระกูลซัน

มันตั้งอยู่ริมแม่น้ำซึ่งพื้นที่โดยรอบนั้นดีเป็นอย่างมาก ด้านหน้าเป็นแม่น้ำด้านหลังเป็นภูเขาและรอบๆข้างเองก็เต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปทั่วซึ่งสามารถมองเห็นความสวยงามเหล่านี้ได้แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม

ข้างถนนที่ห่างออกไปจากบ้านหลักของตระกูลซันหลายกิโลเมตร หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้หยุดรถลง

“บอสครับ คุณไม่ต้องการให้ผมไปด้วยจริงๆงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ฉันและกู่หลางก็พอแล้ว หลังจากที่เราไปแล้วนายก็เอารถไปซ่อนซะ อย่างให้คนตระกูลซันจับได้เด็ดขาด”

หลี่เสี่ยวจี่ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ผมเข้าใจแล้วครับ อย่างไรก็ตามคุณต้องระมัดระวังตัวนะครับ”

ถังซิ่วได้ชูนิ้วเป็นท่าทาง ‘โอเค’ พร้อมกับเดินเข้าไปกับกู่หลางโดยอาศัยความมืด พวกเขาได้เข้าใกล้บ้านหลักตระกูลซันอย่างเงียบๆขณะที่ถังซิ่วได้ปลดปล่อยจิตสัมผัสออกไป ภายในระยะ2-3ร้อยเมตรนี้เองก็ถูกครอบคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะเป็นมดหรือหญ้าเขาก็สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด

“กู่หลาง เจ้าเป็นคนที่หยานเอ๋อเลี้ยงมางั้นหรอ ? ”

ขณะที่ไปถึงส่วนนอกของบ้านหลักแล้วพวกเขาทั้งสองเองก็ได้ปีนข้ามกำแพงเข้าไปพร้อมกับถามออกมาด้วยเสียงกระซิย

กู่หลางเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ครับผม ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เท่าที่ข้ารู้มาคือหยานเอ๋อได้มอบนามสกุลกู่ให้คนแค่หกคนเท่านั้น นอกจากเสี่ยวเสวี่ยแล้วเจ้าก็เป็นคนนามสกุลกู่คนแรกที่ข้าได้พบ จากที่ดูแล้วเจ้ายังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย อายุยังไม่น่าจะเกิน30ใช่ไหม ?”

กู่หลางได้ตอบกลับไปว่า

“29 ครับ ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับรู้สึกหมดหนทางขณะที่กำลังถามคำถามพวกนี้เพราะจากจิตสัมผัสของเขาแล้วก็พบหน่วยลาดตระเวนกว่า10คนเองก็ได้เดินมาทางนี้เขาจึงได้พูดคุยกับกู่หลางเพื่อฆ่าเวลา เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะมีนิสัยแปลกๆแบบนี้

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

เหล่าหน่วยลาดตระเวนทั้งหลายเองก็ได้เดินผ่านไป เขาพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบขณะที่ชี้ไปยังรั้วไฟฟ้าว่า

“ข้าจะโยนเจ้าไป เจ้าต้องระวังเข้าไว้ตอนที่จะกระโดดออกมานะ อย่าให้ตกลงไปโดนมันล่ะ ”

กู่หลางเองก็ได้มองไปที่รั้วไฟฟ้าที่ห่างออกไป3เมตรพร้อมกับพูดออกมาว่า

“45เมตรเองครับ มันไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ผมเองก็ได้กระโดดลงมาจากตึกสามชั้นแล้วยังไม่เป็นอะไรเลย”

ตึกสามชั้น ?

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่กู่หลางพร้อมกับพยักหน้า หากเป็นคนธรรมดาที่กระโดดลงมาจากตึกชั้นสามแล้วก็คงจะกระดูกหักทั้งตัวแล้ว

“ไปกันเถอะ ”

ถังซิ่วเองก็ได้จับไปที่หน้าอกของกู่หลางก่อนที่จะโยนเขาออกไปอย่างรุนแรง กู่หลางได้ลอยข้ามสวนไปก่อนที่จะตกลงที่พื้นอย่างนุ่มนวล ถังซิ่วพบว่าเขาได้อาศัยแรงม้วนตัวพร้อมกับหลบอยู่ในพงหญ้าเหมือนกับเสือดาว

หลังจากนั้น

เขาเองก็ได้วิ่งไต่กำแพงพร้อมกับหลบรั้วไฟฟ้าแล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่จะเหยียบลงไปที่จุดก่อนหน้านี้แล้วอาศัยแรงช่วยพุ่งขึ้นไปสูงกว่า1เมตรก่อนที่จะข้ามกำแพงไปทันที