ฝากแอดเฟสใหม่มาด้วยนะครับ อันนี้เฉพาะของนิยายผมจะได้กดเชิญได้ง่ายๆหน่อย FACEBOOK

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เห่ยหลงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องประชุมทันที เมื่อเขาเข้าไปแล้วก็เห็นว่าถังซิ่วกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่จึงได้ถามออกมาว่า
“นายน้อยถัง มีอะไรอยากจะบอกงั้นหรอครับ ? ”
ถังซิ่วได้ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆพร้อมกับพูดออกมาว่า
“นั่งสิ ”
“ได้ครับ ”
เห่ยหลงเองก็ได้นั่งลงไปพร้อมกับถามออกมาว่า
“นายน้อยถัง ผมคิดไว้แล้วว่าหลังจากนี้หากคุณสั่งให้ผมไปซ้ายผมก็จะไปซ้าย คุณให้ผมเหาะขึ้นไปบนฟ้าผมก็จะไม่มีทางตกลงมาที่พื้น คุณมีอะไรก็สามารถพูดมาได้เลย ตราบใดที่ผมทำได้ผมก็จะทำทุกอย่าง”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ฉันมีเรื่องที่ต้องการจะให้นายจัดการ เขตฮงปูนั้นเป็นถิ่นของนายดังนั้นก็แปลว่านายควรจะมีเครือข่ายข่าวสารใช่ไหม ? ”
เห่ยหลงเองก็ได้พูดออกมาอย่างมั่นใจว่า
“ใช่แล้วครับ แม้ว่าลูกน้องคนสนิทจะมี20กว่าคนเท่านั้น กลุ่มอำนาจเล็กๆก็มีความสัมพันธ์กับเราด้วยเช่นกัน ไม่ว่าคุณต้องการข่าวอะไรผมก็สามารถหาให้ได้อย่างสบายๆ ”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมพูดออกมาว่า
“งานของนายคือส่งคนไปโดยรอบตัวโรงงานในระยะ10กิโลเมตร ตรวจสอบคนที่น่าสงสัยทุกคนแล้วรายงานให้กับฉัน เอาล่ะฉันจะบอกนายตรงๆเลยแล้วกันว่า แม้ฉันจะเป็นนายน้อยของตระกูลถังก็ตามแต่ศัตรูของเราเองก็แข็งแกร่งไม่แพ้กันดังนั้นที่จังหวัดฟูคังและกวนหยางนั้นจะเป็นสนามรบของตระกูลฉันและที่นี่จะเป็นฐานทัพของเรา”
เห่ยหลงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“บอสครับ คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าศัตรูของเราเป็นใคร ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า
“ตระกูลเหยาจากเมืองหลวงและตระกูลซันจากจังหวัดกวนหยาง”
“เฮื้อกกก……”
เห่ยหลงเองก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าไปลึก เขาไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลเหยาก็จริงแต่ตระกูลซันนั้นเขารู้จักดี อำนาจของพวกมันมีมากมายและสามารถเรียกได้ว่าติด1ใน5ของจังหวัดกวนหยาง
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ไม่จำเป็นต้องตกใจไปหรอก แม้ว่าตระกูลของเราจะสู้กับพวกมันแต่ว่ามันก็อยู่ภายในเขตสองจังหวัดนี้เท่านั้น การชนะหรือแพ้ครั้งนี้จะไม่ทำให้ตระกูลล่มสลายอย่างแน่นอนทว่านายเลือกที่จะติดตามฉันแล้ว ฉันก็จะรับประกันความปลอดภัยของนายเองไม่ว่าครั้งนี้เราจะชนะหรือแพ้ฉันก็จะรับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้นายจะได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน”
หัวใจของเห่ยหลงเองก็ได้รู้สึกโล่งทันที เขาได้พูดออกมาว่า
“นายน้อยถัง หลังจากนี้ผมจะเป็นคนของคุณ ตายไปก็จะเป็นผีของคุณ คุณจะให้ผมทำอะไรผมก็จะไปทำอันนั้น”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หากว่านายสามารถทำสำเร็จและทำงานโดดเด่นในการต่อสู้ของพวกเราแล้วเราเป็นฝ่ายชนะฉันก็รับรองได้เลยว่านายจะไม่ได้แค่บริหารเขตนี้เท่านั้น นายคงจะเข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อใช่ไหม ? ”
เห่ยหลงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า
“เข้าใจครับ”
ถังซิ่วได้โบกมือให้กับเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“ไปซะ หลังจากที่ออกไปแล้วก็เริ่มแผนการได้เลย ฉันต้องการรับประกันว่าฐานทัพของเราจะไม่เกิดอันตรายขึ้นดังนั้นงานของนายมันสำคัญอย่างมาก ”
“ได้รับ ”
เห่ยหลงเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับตั้งใจจะเดินออกไปแต่ก็ลังเลอยู่ก่อนที่จะถามว่า
“นายน้อยถัง ผมอยากจะถามอะไรบางอย่าง เกาเซิน บอสของร้านเกมส์เขา………”
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“ฉันพูดตรงๆเลยแล้วกันว่าเขาเป็นคนของตระกูลฮ่วงจังหวัดฟูคังยิ่งไปกว่านั้นคือหน่วยข่าวกรองและฉันเองก็มีความสัมพันธ์กันดังนั้นถึงได้ขอความช่วยเหลือจากตระกูลฮ่วง ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายกับเขาใครจะทำได้ดีกว่ากัน ”
เห่ยหลงเองก็รูสึกได้ถึงแรงกดดันทันที
เขารู้ถึงความหมายคำพูดถังซิ่วดี นอกจากหน่วยข่าวกรองของเขาแล้วที่เขตฮ่วงปูเองก็ยังมีคนของตระกูลฮ่วง เขารู้ดีว่าตระกูลฮ่วงคือตัวตนแบบไหนกัน มันเป็นถึงตระกูลชั้นนำของจังหวัดฟูคังและเมื่อถังซิ่วพูดเช่นนั้นก็ทำให้เขาได้รับแรงกดดันและตื่นเต้นทันทีเพราะอย่างไรก็ตามหากว่าได้รับความช่วยเหลือของตระกูลฮ่วงแล้วก็จะทำให้โอกาสชนะของถังซิ่วเพิ่มมากขึ้นเยอะ
“นายน้อยถัง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน”
ขณะที่เห่ยหลงเดินออกไปนั้นถังซิ่วก็ได้เดินออกมาแล้วพูดกันหลี่เสี่ยวจี่ว่า
“ส่งคนไปเฝ้าสังเกตเขาให้ดี ฉันไม่ต้องการให้งานของเรายุ่งยากเพราะเขา ”
หลี่เสี่ยวจี่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ผมจะส่งคนที่เก่งที่สุดไปเลยครับ”
ช่วงเวลากลางคืนได้หมดไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
ถังซิ่วได้นำหลี่เสี่ยวจี่ออกไปจากโรงงานพร้อมกับเดินทางไปยังจังหวัดฟูคัง ขณะที่อยู่บนถนนถังซิ่วก็ได้โทรไปหาเกาเซินเพื่อให้ไปซื้อรถมือสองมาเป็นจำนวนมาก
จังหวัดฟูคัง เมืองเซ่า
ถังซิ่วได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกและพบว่าเมืองนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากเซี่ยงไฮ้นัก ตึกสูงพร้อมกับรถมากมายที่วิ่งอยู่บนถนน
10โมงเช้าวันรุ่งขึ้น
ถังซิ่วได้ไปถึงบ้านหลักตระกูลฮ่วง
เพราะตระกูลฮ่วงมีอำนาจมากมายดังนั้นถึงได้สามารถสร้างบ้านหลักได้ที่นี่ หลังจากที่รถมาถึงแล้วนั้นก็ได้ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ประตูหน้าขวางทางเอาไว้
“คุณเป็นใคร นี่เป็นเขตหวงห้ามส่วนบุคคล คนนอกห้ามเข้าโดยเด็ดขาด”
หน่วยรักษาความปลอดภัยที่ได้เห็นถังซิ่วและหลี่เสี่ยวจี่ลงมาจากรถแท็กซี่ก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ถังซิ่วได้มองไปที่คนเหล่านั้นพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ไปบอกฮ่วงจินฟูว่าถังซิ่วมาหา”
คิ้วของหน่วยรักษาความปลอดภัยเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับจ้องมองไปที่ถังซิ่ว ทั่วทั้งจังหวัดนี้คนที่กล้าเรียกชื่อหัวหน้าตระกูลพวกเขาออกมาตรงๆนั้นสามารถนับหัวได้เลยแต่อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าถังซิ่วนั้นดูพิเศษเป็นอย่างมากดังนั้นจึงได้พูดออกมาว่า
“รอสักครู่ ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้หยิบเอาวิทยุสื่อสารออกมาพร้อมกับติดต่อไปยังหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในตัวบ้าน
หลังจากผ่านไป5-6นาที
ฮ่วงจินฟูเองก็ได้นำแกนหลักของตระกูล5-6คนเดินมาที่หน้าประตูทางเข้า หลังจากที่เขาเห็นคนทั้งสองแล้วก็ยืนยันได้ทันทีว่าคนไหนคือถังซิ่ว
“คุณคือ…….ถังซิ่ว คุณถัง ? ”
ท่าทางของฮ่วงจินฟูเองก็อ่อนน้อมเป็นอย่างมากพร้อมกับแสดงความเคารพออกมา
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หัวหน้าตระกูลฮ่วงก็สุภาพเกินไป ผมเองถังซิ่ว”
ดวงตาของฮ่วงจินฟูเองก็ได้เปล่งประกายความตื่นเต้นออกมาแบบซ่อนไม่ได้ เขาได้พูดออกมาด้วยความเคารพว่า
“เมื่อวานนี้ผมได้รับรายงานมาจากเกาเซินว่าคุณจะมาในวันนี้ เชิญเข้ามาเลยครับผมจะให้คนไปเตรียมน้ำชาให้ทันที”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปทันที
หน่วยรักษาความปลอดภัยเองก็ถึงกับเงิบไปตามๆกัน เขามองไปที่ฮ่วงจินฟูและถังซิ่วเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่นั่งรถแท็กซี่มาคนนี้จะสามารถทำให้หัวหน้าตระกูลนอบน้อมได้ถึงขนาดนี้
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน ? หัวหน้าตระกูลถึงได้แสดงความเคารพเขาขนาดนั้น นี่มันแปลกเกินไปหรือเปล่า ? ”
“ฉันไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีคนที่ทำให้หัวหน้าตระกูลของเราปฏิบัติเช่นนั้น เด็กหนุ่มคนนี้ศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกัน ? ”
“คนที่แข็งแกร่งมักจะทำตัวติดดิน ฉันได้รับประสบการณ์ในวันนี้จริงๆเลย โชคดีที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้หยามเขาไม่เช่นนั้นคงถูกหัวหน้าตระกูลลงโทษอย่างหนักแน่นอน”
“………..”
ภายในตระกูลฮ่วงนั้นรถที่มารับเองก็ได้หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคันพร้อมกับการต้อนรับของตระกูลฮ่วง ถังซิ่วได้ขึ้นรถไปคันเดียวกับกับฮ่วงจินฟูส่วนหลี่เสี่ยวจี่และแกนหลักของตระกูลเองก็ได้ไปนั่งที่รถอีกคัน
“คุณถัง การที่คุณสามารถมาที่นี่ได้นั้นถือว่าเป็นเกียรติของตระกูลเราจริงๆ ผมได้แจ้งให้กับแกนหลักทุกคนของตระกูลแล้ว พวกเขากำลังรอกันอยู่ด้านใน ”
ฮ่วงจินฟูได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นกันว่า
“หัวหน้าตระกูลฮ่วง เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันดังนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก”
ดวงตาของฮ่วงจินฟูเองก็ได้เปล่งประกายพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า
“อ่อใช่ๆ เราไม่ใช่คนไกลกัน ตั้งแต่ที่ผมได้ยินข่าวว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองได้มีบอสคนใหม่นั้นผมเองก็อยากจะเจอคุณเป็นอย่างมากแต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาหาเราด้วยตัวเอง”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ที่ผมมาในวันนี้ก็เพราะผมมีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือหน่อย”
ฮ่วงจินฟูเองก็ได้พูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า
“คุณถัง คุณพูดอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง คุณต้องการอะไรก็สามารถพูดออกมาได้เลยเพราะบอสกู่เป็นถึงผู้ช่วยชีวิตของผมดังนั้นตระกูลของเราเองก็เป็นหนี้ห้องอาหารร้อยงานฉลองอยู่มากมาย ผมเองเคยได้บอกกับบอสกู่ไปแล้วว่าหากว่าไม่มีความกรุณาของเธอแล้วก็คงจะไม่มีตระกูลฮ่วงในวันนี้ ตราบใดที่คุณพูดมาเราก็จะใช้พลังของตระกูลทั้งหมดเพื่อช่วยคุณ”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“เอาล่ะ อยากแรกเลยคือผมต้องขอบคุณก่อน ผมจะไปบอกกับเสี่ยวเสวี่ยเองว่าหลังจากนี้ตระกูลฮ่วงของคุณกับห้องอาหารของเราจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น”
ร่างกายของฮ่วงจินฟูเองก็ได้สั่นสะท้านพร้อมกับความสุขที่เอ่อล้นออกมาอย่างไรก็ตามจากคำพูดของถังซิ่วแล้วก็คำให้เขานึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้
เสี่ยวเสวี่ย ?
ถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ?
ทันใดนั้น
รถทั้งสองคันเองก็ได้มาถึงตัวอาคารของตระกูลฮ่วง ภายใต้การต้อนรับที่อบอุ่นของพวกเขา ถังซิ่วก็ได้เดินผ่านการต้อนรับจากแกนหลักของตระกูลคนต่างๆจนไปถึงห้องรับแขก
ถังซิ่วได้พูดออกมาตรงๆว่า
“หัวหน้าตระกูลฮ่วง เราไปหาที่เงียบๆคุยกันหน่อยไหม ? ”
ฮ่วงจินฟูเองก็รู้ได้ว่าถังซิ่วต้องการจะพูดเรื่องสำคัญดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
“ไปที่ห้องทำงานของผมกัน ที่นั่นจะไม่มีใครมาขัดจังหวะเรา ”
ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างดี นอกจากชั้นหนังสือมากมายแล้วก็มีชุดเขียนพร้อมกับน้ำหมึก เมื่อถังซิ่วได้ไปถึงแล้วก็ได้ชะงักไปทันทีหลังจากที่เห็นก้อนหินที่ตั้งโชว์เอาไว้
นั่นมัน………
หินโชติช่วง ?
หัวใจของถังซิ่วเองก็ได้เต้นระรัวพร้อมกับเดินไปจับที่หินโชติช่วงที่ถูกแกะสลักเป็นรูปสิงโตทันที
ฮ่วงจินฟูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นี่เป็นงานแกะสลักที่ดีใช่ไหม ? มันเป็นงานที่มาจากปรมาจารย์จักแกะสลักของเรา ฮ่วงใบชิง”
ถังซิ่วเองก็ได้ลูบคลำไปที่หินก้อนนั้นก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองที่ฮ่วงจินฟูแล้วพูดออกมาตรงๆว่า
“ทุกๆสามปีนี้จำนวนคนที่ตระกูลฮ่วงจะส่งมาฝึกที่ห้องอาหารของเรานั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแลกกับหินก้อนนี้เป็นไง ?”
ดวงตาของฮ่วงจินฟูเองก็ได้เปล่งประกายพร้อมกับพูดออกมาโดยไม่ต้องคิดว่า
“ในเมื่อคุณถังชอบก็สามารถเอาไปได้เลย”
เขาในตอนนี้มีความสุขอย่างมาก

เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเพียงแค่งานสลักนี้จะทำให้จำนวนผู้ฝึกของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนหน้านี้ทุกๆสามปีพวกเขาจะส่งคนไปฝึกได้แค่สามคนเท่านั้นตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็นหก อ๊า ! ทุกๆคนตายไปทุกปีส่วนคนที่เหลือรอดมานั้นคือผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งจะเป็นกำลังหลักของตระกูลฮ่วง