แบล๊ค(หัวหน้าอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)
บั่นโฉว (ลูกน้องอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)
ดิ่งซี่(ลูกน้องอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เป็นเวลา 3:00 น. ที่เป็นเวลาที่มืดที่สุดก่อนรุ่งอรุณ นี่เป็นช่วงเวลาที่เกษตรกรในบริเวณรอบข้างภูเขาส่วนใหญ่ยังคงหลับลึกอยู่
แต่เนื่องจากเกิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่าลงมาที่พื้น เสียงนี้ได้ปลุกชาวบ้านที่กำลังหลับอยู่รอบๆ
ชาวบ้านที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นได้ตื่นขึ้นมาครู่หนึ่งและกลับไปนอนต่อ
ชาวบ้านบางคนฟังอย่างระมัดระวังและนอกเหนือจากเสียงร้องของนกฮูกแล้วนั้นไม่มีเสียงอื่นๆ พวกเขาจึงค่อยๆกลับไปนอนต่อ
ทันใดนั้นมีวัตถุแปลกๆปรากฏตัวขึ้นบนตัวของงูที่ตกลงมากระแทกพื้นดิน
คนๆนี้และงูตัวนั้นได้สู้กันอย่างดุเดือดเมื่อก่อนหน้านี้เขาก็คือถังซิ่วและงูหลามดำ
งูหลามดำได้ตายไปแล้วในเวลานี้ ร่างของมันขดและและพัวพันอยู่รอบๆถังซิ่ว, ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงกลางร่างของมันที่กำลังขดอยู่ เขาทำหน้าตาบูดเบี้ยวพร้อมความเจ็บปวด
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตและความตาย ถังซิ่วพบว่างูดำนั้นกำลังจะตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ต่อสู้กับมันต่อไป เขาไม่ลังเลที่จะใช้ร่างของงูมารับแรงกระแทกเพื่อป้องกันตัวเอง
หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ถังซิ่วก็เหมือนไส้เกี๊ยวที่ถูกห่อหุ้มโดยงูหลามดำนั้น
ในขณะนั้นงูดำยังตระหนักถึงเจตนาของถังซิ่ว และต้องการที่จะใช้ร่างกายที่แข็งดั่งหินของมันเพื่อรัดถังซิ่วให้กลายเป็นเนื้อบด
แต่เมื่องูดำนั้นกำลังจะบีบร่างของถังซิ่วนั้น , ร่างของมันได้กระแทกกับพื้นไปแล้ว
ชีวิตของงูดำก่อนหน้านี้นั้นได้แขวนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว, มันจึงเสียชีวิตทันทีหลังรับแรงกระแทกที่รุนแรง มันไม่สามารถทำร้ายถังซิ่วได้อีกต่อไป ร่างกายที่แข็งแกร่งของมันแตกออก
หลังจากที่ถังซิ่วตั้งหลักได้แล้ว เขาก็ได้เอาตัวเองออกจากหางงูดำที่กำลังรัดเขาอยู่พร้อมยืนอยู่บนตัวมัน
เมื่อได้เห็นงูดำที่ตัวเละเทะพร้อมเลือดท่วมตัวอยู่ที่พื้นนั้น,ถังซิ่วได้แต่แอบรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเป็นอย่างมาก ถ้ามันไม่ได้เพราะชีวิตของเขาถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายและความคิดที่ผุดขึ้นมาในความสิ้นหวังเพื่อช่วยตัวเอง, เขาอาจได้กลายเป็นเนื้อบดอยู่ที่พื้นเหมือนกับงูดำนั้นแล้ว
ถึงแม้ว่าถังซิ่วนั้นจะรอดชีวิตได้เนื่องจากใช้ร่างของ งูดำนั้นบังเขาไว้ในช่วงเวลาที่วิกฤติ แต่ภายใต้กระแทกดังกล่าว ทำให้ศีรษะของเขายังคงมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง
หลังจากที่ได้ใช้ความพยายามอย่างมาก ถังซิ่วค่อยเอาใบมีดของเขาตัดผิวหนังของงูหลามดำนั้นออกมาเล็กน้อย
“ผิวหนังของงูดำทั้งหมดนี้นอกจากจะใช้เป็นวัตถุดิบปรุงยาแล้วนั้น มันยังสามารถที่จะเอาไปทำเสื้อได้อีกด้วย สำหรับแม่หนึ่งตัว , สำหรับฉันเองอีกหนึ่งตัวและสำหรับเจ้าอ้วนอีกหนึ่งตัว ”
“อวัยวะภายในของเจ้านี่เป็นส่วนผสมหลักในการผสมยา, แต่อวัยวะภายในของมันมีขนาดใหญ่เกินไปและฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับสภาพร่างกายมากนัก ฉันสามารถใช้ส่วนที่เหลือในการดองเหล้าและใช้มันเพื่อฟื้นร่างกายของแม่และขายส่วนที่เหลือ ”
“ส่วนของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อของงูหลามจะใช้ในการสังเคราะห์น้ำยาปรับสภาพร่างกายและส่วนที่เหลือจะถูกใช้เพื่อสร้างเครื่องมือซักอย่างนึงได้ ”
“แต่เนื้อของเจ้านี้แม้ว่ามันจะใหญ่มาก แต่มันเป็นพิษและไม่สามารถบริโภคได้โดยคนธรรมดา ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่สามารถเพลิดเพลินกับเนื้อนี้ได้ ”
ถังซิ่ว ใช้เวลา 3 ชั่วโมงถัดไปเพื่อแยกชิ้นส่วน ที่นำออกมาจากร่างของงูดำและกองซ้อนขึ้น แต่หลังจากที่เขายืนขึ้นและเขาก็ตกตะลึงมาก
เขาไม่รู้ว่าเจ้างูนี้ใช้เวลาฝึกมากี่ปี ร่างของมันเหมือนกับถังหนาขนาดใหญ่และแข็ง มันยาวประมาณ 20 เมตร, ชิ้นส่วนที่แยกออกมาจากตัวของมันนั้นเกือบจะสูงเท่าตัวของเขา
“การไม่มีแหวนมิตินั้นเป็นสิ่งที่ลำบากจริงๆ!”
ถังซิ่วยิ้มและมองไปรอบ ๆ หลังจากคิดว่าไม่มีใครมาบริเวณในตอนเช้าขนาดนี้ เขาก็ปีนกลับขึ้นไปบนยอดเขา
ถังซิ่วทิ้งกระเป๋านักเรียนมีบรรจุไปด้วยโทรศัพท์มือถือกระเป๋าสตางค์และสิ่งอื่นๆไว้ ก่อนที่จะเริ่มย่างเนื้อในตอนนั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาถังซิ่วก็ประสบความสำเร็จในการไต่ขึ้นไปบนยอดเขา และพบว่ากระเป๋านักเรียนของเขาตอนนี้นั้นกระจัดกระจายมาก
สมุนไพรที่หายากและมีค่าพร้อมกับอุปกรฉุกเฉินในกระเป๋านักเรียนของเขาได้ถูกทำลายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ถังซิ่วกำลังต่อสู้กับงูดำสิ่งหนึ่งที่ทำให้ถังซิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งใจก็คือ, เขาพบว่าโทรศัพท์มือถือที่เขาพึ่งซื้อมาเมื่อวานนี้ยังคงอยู่ในกระเป๋านักเรียนของเขา
ถ้าโทรศัพท์มือถือเสียถังซิ่วมั่นใจว่าคนจำนวนมากจะต้องตกใจเมื่อเขาส่งกองวัตถุดิบของงูดำ พวกนี้ไปยังเมืองใหญ่
“บั่นโฉว หารถบรรทุกกันรั่วที่ดีและมาหาฉันและบอกดิ่งซี่ให้หาตู้แช่แข็ง … ”
ถังซิ่วพูดหลังจากโทรหาเบอร์ของบั่นโฉว
บั่นโฉวและดิ่งซี่เป็นพวกอันธพาลที่มาพร้อมกับแบล๊ค ซึ่งทำให้เกิดความหายนะที่ร้านอาหาร เมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่โดนถังซิ่วสั่งสอน, พวกเขาก็เชื่อฟังถังซิ่วดั่งคนตาบอด
วันที่ถังซิ่วได้จัดการแบล๊ค ในร้านอาหาร เขาไม่ได้ปล่อยเหล่าอันธพาลเหล่านี้ออกเฉยๆ แต่ใช้เทคนิคการบางอย่างกับร่างกายของพวกเขา เพื่อกันไม่ให้พวกเขาผิดสัญญาที่จะปรับปรุซ่อมแซมร้านอาหาร
เมื่อแก๊งของแบล๊ค ออกจากร้านอาหาร พวกเขาก็ไม่สนใจคำพูดของถังซิ่ว, แบล๊คและกรีน, บั่นโฉวและดิ่งซี่และคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน
หลังจากถูกทรมานโดยถังซิ่ว พวกเขาไม่สามารถรอที่จะซ่อนตัวให้อยู่ห่างจากถังซิ่วและไกลจากเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เป็นเพราะความรู้สึกที่ถังซิ่วได้สลักเข้าไปในดวงวิญญาณของพวกเขานั้นลึกเกินไป เขานั้นโหดร้ายและไร้ความเมตตาเกินไปพร้อมกับมีพลังที่น่ากลัวเช่นนั้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะมีโอกาสที่จะต่อต้านเขาได้
แบล๊คและคนอื่นๆ คิดว่าตราบเท่าที่พวกเขาค้นพบสถานที่ที่จะหลบซ่อนจากถังซิ่วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาพวกเขาเจอ พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้สร้างปัญหากับให้กับ ร้านอาหารของแม่ถังซิ่ว
ด้วยความกลัวว่าถังซิ่วจะตามรอยพวกเขาไปยัง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินแบล๊คและคนอื่นๆจึง ไม่กล้าไปที่ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินเพื่อขอเงินครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่
หลังจากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็รู้ว่าถังซิ่วนั้นได้เดินทอดน่องที่ทางเข้าร้านอาหารเพียงชั่วครูเท่านั้น ก่อนที่เขาจะจากไป พวกเขาได้แต่รู้สึกดีใจและคิดว่าการตัดสินใจของพวกเขาถูกต้อง
เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อพวกเขารวมตัวกันในสถานที่ชุมนุมของพวกเขา แบล๊คและแก๊งของพวกเขาก็เสียใจจนหน้าเปลี่ยนสี
ความเจ็บปวดที่ฉับพลันและรุนแรงเกิดขึ้นกับแบล๊คและแก๊งของเขาเกือบจะในเวลาเดียวกัน พวกเขาไปที่โรงพยาบาลเพื่อหาหมอรักษาอาการ มีการตรวจสุขภาพอย่างสมบูรณ์พบเพียงว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของพวกเขา ดังนั้นยังไม่มีวิธีใดหรือวิธีการที่จะหยุดยั้งความเจ็บปวดเหล่านี้
เมื่อแบล๊คและคนอื่นๆ ถามเกี่ยวกับสภาพของกันและกันในที่สุดพวกเขาก็ระบุได้ถึงสิ่งหนึ่งคือความเจ็บปวดเฉียบพลันเหล่านี้เกี่ยวข้องกับถังซิ่ว และเฉพาะถังซิ่วเท่านั้นที่สามารถปล่อยพวกเขาออกจากความเจ็บปวดนี้ได้
เนื่องจากพวกเขา 7 คนไม่สามารถรักษาความเจ็บปวดได้ มันได้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปนั่งหน้า อาหารของถังซิ่ว
แน่นอนอยู่แล้วว่า ยังไงก็ไปไม่ได้สำหรับถังซิ่วที่จะไปรอพวกเขาในช่วงกลางดึกในร้านอาหาร ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น ถังซิ่วก็มาถึงร้านอาหาร พร้อมช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของพวกเขาตลอดทั้งคืน
เมื่อเห็นถังซิ่ว, แบล๊คและแก๊งของเขาก็เหมือนกับลูกๆ ที่เห็นพ่อแม่ของพวกเขา ขณะที่พวกเขาสวดมนต์และขอร้องให้ปลดปล่อยพวกเขาออกจากความเจ็บปวดนี้ พวกเขายังรู้สึกเสียใจตลอดจนได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะแสดงทัศนคติที่จริงใจและซื่อสัตย์ต่อถังซิ่ว
ถังซิ่วยิ้มและหัวเราะ เขาไม่ได้ต้องการทำให้สิ่งต่างๆยากขึ้นพร้อมช่วยหยุดพวกเขาจากความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็ทิ้งข้อความว่า
ปรับปรุงซ่อมแซมร้านอาหารให้ดีหละ”
และรีบไปกลับออกไป , แบล๊คและแก๊งของเขายืนอยู่หน้าร้านอาหารในขณะที่มองไปที่ที่กันและกัน
แต่ แบล๊คและแก๊งของเขาไม่กล้าที่จะละเลยคำพูดของถังซิ่วในครั้งนี้ และก็ไม่กล้าที่จะหนีและโกง
แบล๊คและแก๊งของเขาได้คั้นสมองของตัวเองพร้อมทุ่มทุกอย่างเพื่อที่จะปรับปรุงร้านอาหารนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของถังซิ่ว เนื่องจากพวกเขาต้องการให้ความเจ็บปวดเหล่านี้ถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเพียงสองวัน แบล๊คและแก๊งของเขาก็ได้สร้างร้านอาหารเพื่อนบ้าน ขึ้นมาใหม่
มันทำให้พวกเขาเสียเงินเกือบ 600,000 หยวน ,ไม่เพียงแต่พวกเขาใช้เงินมากกว่าที่ได้มาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวิน เพื่อจ่ายถังซิ่วแล้วนั้น พวกเขาก็ต้องเสียเงินเก็บทั้งหมดของตนเองด้วย
เป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากเทคนิคยับยั้งของถัวซิ่ว นั้นเป็นเรื่องที่เกินจะทนจริงๆ ไม่เพียงแต่มันสร้างความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ก็ยังทรมานจิตใจของพวกเขา พวกเขาไม่เคยต้องการที่จะทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
ถังซิ่วพอใจมากกับผลงานของแบล๊คและแก๊งค์ของเขา เขาขจัดเทคนิคการ ยับยั้ง ในตัวบั่นโฉว, ดิ่งและแม้แต่รักษาอาการบาดเจ็บบนร่างกายของพวกเขาด้วยตัวเอง
แต่แบล๊คและกรีนเป็นข้อยกเว้น, ถังซิ่วเพียงยกเลิกเทคนิคยับยั้ง ในร่างกายของพวกเขาและปฏิเสธที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา , ถังซิ่วกล่าวว่าพวกเขาโชคดีมากที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอย่าได้หวังว่าเขาจะรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกให้พวกเขาได้
อย่างไรก็ตามในขณะที่สุภาษิตกล่าวว่า “การแลกเปลี่ยนความรู้สึกอาจนำไปสู่มิตรภาพ” หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ความกลัวและความเคารพต่อถังซิ่วหยั่งรากลึกลงไปในใจแบล๊คและกรีน เนื่องจากพวกเขากลัวที่จะยั่วยุเขาอีก แต่บั่นโฉว , ดิ่งซี่และคนอื่นๆนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวเขาแต่กลับรู้สึกยกย่องถังซิ่วให้เป็นดั่งลูกชายของสวรรค์ (son of heaven ) พวกเขาได้เห็นว่าถังซิ่วมองผู้อื่นด้วยถูกต้อง และรู้ความแตกต่างระหว่างความกตัญญูและความแค้น ดังนั้นจึงไม่เพียงแต่พวกเขาไม่กลัวถังซิ่วแล้วแต่กลับตามถังซิ่วอย่างหน้าด้านๆ, ด้วยความที่หวังว่าถังซิ่วจะสอนพวกเขาเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของเขาสักนิด
แน่นอนอยู่แล้วว่าถังซิ่วรู้สึกขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจต่อบั่นโฉว ,ดิ่งซี่และคนอื่นๆ แม้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจทิ้งพวกเขาด้วยเช่นกัน
เป็นเพราะถังซิ่วรู้ว่าโลกนี้จะไม่เคยขาดแคลนบุคคลเล็กๆ อย่างบั่นโฉวและดิ่งซี่ ,คนอย่างพวกเขานั้นต่ำต้อยและไม่น่าเชื่อถือ แต่เมื่อพวกเขาคิดได้ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น ความแข็งแรงของพวกเขาอาจจะนำเกินกว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ
ก่อนที่เขาจะมีกำลังมาก ,ถังซิ่วไม่ลังเลที่จะใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของเขา
บั่นโฉ่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วๆมาก, ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า เขารีบขับรถบรรทุกคันใหญ่มาประมาณครึ่งชั่วโมง และถึงที่หมายที่ตีนเขาของหมู่บ้านเขาล้อม
อันธพาลอีก 3 ที่ก่อเรื่องในร้านอาหารเพื่อนบ้าน ก็มาถึงในเวลาเดียวกันกับบั่นโฉวที่หมู่บ้านหินล้อม
“เจ้านาย!, ดิ่งซี่ยังมาไม่ถึงเพราะเขายังคงค้นหาคลังสินค้าที่เหมาะสม คุณบอกว่ายิ่งคนรู้น้อยยิ่งดี ดังนั้นผมจึงเรียกแค่ 3 คนนี้เท่านั้น ได้โปรดออกคำสั่งว่าเราควรที่จะต้องทำอะไรบ้าง ”
หลังจากได้เห็นถังซิ่ว, บั่นโฉวรีบเข้ามาและรายงานตัวด้วยท่าทางตื่นเต้น
แก๊งของบั่นโฉวได้ติดตามถังซิ่วสักสองสามวันแล้ว,แต่ ถังซิ่วให้แค่ความรู้สึกเย็นชาต่อพวกเขาเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซิ่วขอความช่วยเหลือจากพวกเขา นั่นหมายความว่าถังซิ่วนั้นไม่ได้รังเกียจพวกเขาอีกต่อไปแล้ว, ทำให้แก๊งของบั่นโฉวรู้สึกเป็นสุขอย่างที่สุด