…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วได้วางสายไปพร้อมกับส่งข้อมูลของรองผู้จัดการที่ได้รับมาจากเสวี่ยเจี่ยไปให้ฝ่ายตรงข้ามทันทีก่อนที่จะมองไปที่เธอแล้วพูดว่า

“เรารีบไปที่ชางบูเพื่อรอฟังข่าวก่อนแล้วกัน หากว่าฝ่ายนู้นสามารถหาที่อยู่ของรองผู้จัดการได้ก่อนเราก็จะรีบไปที่นั่นทันทีแต่หากว่าไม่เราก็ทำได้แค่ลองไปเหยียบกับดักของพวกมันดู ”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยสายตาแปลกๆ

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“น้องชาย นายเพิ่งให้ใครไปช่วยหาข่าวงั้นหรอ ? อย่าบอกนะว่ามีคนรู้จักอยู่ที่นี่ด้วย ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ไม่มีหรอกแต่ทางฝั่งจังหวัดฟูคังยังมีอยู่บ้าง รอไปก่อนและหวังว่าจะหาที่อยู่ของรองผู้จัดการเจอ”

ถังเหว่ยที่เห็นว่าถังซิ่วไม่อยากจะพูดถึงสถานะของฝ่ายตรงข้ามเองก็ไม่อยากจะถามต่อไปเพราะอย่างไรก็ตามหากว่าสามารถได้รับข้อมูลมาจากถังซิ่วก็พอแล้ว

เมืองชางบู

อำเภอกวนซึ่งเป็นอำเภอที่ใหญ่เป็นอันดับสอง โรงงานสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกหัวมุมถนนซึ่งทำให้เศรษฐกิจในที่นี่เฟื่องฟูเป็นอย่างมากแต่จากการที่มีประชากรจากภายนอกเข้ามาอาศัยมากมายก็ทำให้พบว่าที่นี่เต็มได้ด้วยคนที่มีรูปลักษณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง

โรงงานทำตู้เมืองชางบูเป็นโรงงานที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับหรูและส่งออกไปต่างประเทศ

ที่นี่ถูกล้อมไปด้วยกำแพงในพื้นที่กว่า50เมตร ตรงกลางนั้นเป็นศูนย์ทำงานของเหล่าคนงาน นอกจากสำนักงานทั้งสองห้องภายในแล้วที่เหลือเองก็เป็นพื้นที่ทำงานทั้งหมด

ก่อนหน้านี้

ที่นี่เป็นสถานที่ที่คึกคักเป็นอย่างมาก คนงานมาทำงานกันไม่ขาดสาย รถขนส่งเองก็เข้าออกอย่างไม่หยุดหย่อนแต่วันนี้มันเป็นอะไรที่เงียบสงบมากๆ มันแถบไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย

บนหลังคานั้นได้มีชายชาวต่างชาติยืนอยู่ตรงแผงโซล่าเซลล์พร้อมกับถือกล้องส่องทางไกลไว้ในมือและกำลังตรวจสอบสถานการณ์รอบๆตัวโรงงานแต่ข้างหลังของเขาเองก็มีชายรูปร่างกำยำหลายคนที่ถือปืนพร้อมทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยท่าทางเย็นชา

“ไอ้มู่รุย สถานการณ์รอบข้างเป็นอย่างไรบ้าง ? ”

ชายชาวต่างชาติที่ชื่อท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้โทรมาถามเขาด้วยเสียงที่หนักแน่น

“ยังไม่มีวี่แววของศัตรู กำลังเฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ”

“ดี ติดต่อหากันเข้าไว้ ”

เมื่อท๊อปเฟอร์สันพูดจบแล้วก็ได้เก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าพร้อมทั้งหันไปมองที่ชายชาวต่างชาติหลายคนด้วยใบหน้าที่ดูถูกเป็นอย่างมากเพราะในความคิดของเขาแล้วคนเหล่านี้อาจจะมองแล้วพอใช้ได้แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย

“ตื่นตัวเข้าไว้ หากว่าหลังจากที่ศัตรูมาแล้วแต่พวกแกกลับไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ก็บอกได้เลยว่าฉันจะเป็นคนตัดหัวพวกแกหลังจากเสร็จงานด้วยตัวเอง ”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้แสยะออกมาพร้อมพูดว่า

“ท๊อปเฟอร์สันแม้ว่านายน้อยของตระกูลเราจะสั่งให้เราเชื่อฟังคำสั่งของนายทว่าอย่าได้ทำตัวเหิมเกริมให้มากนัก แม้ว่าก็จะมีวิทยายุทธอยู่บ้างแต่มันเร็วจนหลบกระสุนได้ไหม ? ”

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้ยิ้มกว้างจนเห็นฟันออกมาพร้อมกับพูดว่า

“อยากลองไหม ? ”

“ฮึ่ม…….”

ชายวัยกลางคนเองก็อยากจะลองเหมือนกันแต่ว่าเขาไม่กล้า เขารู้ดีถึงสถานะของพ่อตาของนายน้อยในหัวใจของเขา หากว่าเขาสู้กับท๊อปเฟอร์สันก็คงจะต้องถูกฆ่าตายอย่างอนาถ

หลังจากผ่านไปหลายนาที

โทรศัพท์ของท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้สั่นขึ้นมาทันที

“มีอะไร ? ”

“ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยทั้งหมด4คัน ในแต่ละคันเองมี3คนรวมทั้งหมด12คน ไม่มีใครออกมาจากรถพร้อมกับใครบางคนที่กำลังสำรวจที่นี่อยู่ด้วยกล้องส่องทางไกล ”

เสียงของไอ้มู่รุยเองก็ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“อย่างแรกคืออย่าเพิ่งทำให้พวกมันรู้ตัว ที่ประเทศจีนมันมีคำพูดอยู่คำหนึ่งว่า : เชิญท่าน เชิญลงหม้อต้ม หากว่ามันเข้ามาที่นี่แล้วเราก็ค่อยล้อมมันแล้วฆ่าให้หมดซะ ”

ไอ้มู่รุยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ท๊อปเฟอร์สัน ฉันรู้ว่านายอยากจะฆ่าคนแต่หัวหน้าเองก็ได้บอกมาว่ามันจะดีมากหากว่าเราสามารถจับพวกมันมาเป็นๆเพราะเราสามารถเค้นข้อมูลระดับสูงจากคนเหล่านั้น ”

“ฉันรู้แล้ว ”

ท๊อปเฟอร์สันเองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

ที่ใกล้ๆโรงงาน

รถ SUV สี่คันเองก็จอดอยู่ข้างถนนพร้อมกับหลี่เสี่ยวจี่ที่กำลังส่องกล้อง เขาหันมาทางที่นั่งข้างคนขับแล้วพูดว่า

“แจ้งคนอื่นไปว่าห้ามใครออกจากรถโดยเด็ดขาด หัวหน้าเสวี่ยเองก็ได้โทรมาหาฉันและบอกให้พวกเรารอเธอมาถึงที่นี่ ”

“ได้ ”

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างคนขับเองก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาทันที

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

อำเภอชางบู ลานสเก็ต

เจียงเสี่ยวฮูนั้นทำตัวเป็นธรรมชาติมากๆ นี่เป็นสถานที่นัดพบกับน้องชายของเขาเพราะก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยเจ้าของลานสเก็ตนี่จัดการปัญหาบางอย่างดังนั้นถึงได้มาหาบอสของที่นี่เพื่อให้มารับเงินในวันนี้

อย่างไรก็ตาม

วันนี้เป็นวันที่จะหักเปอร์เซ็น เขาได้นำน้องชายของเขาทั้งสี่คนมาจากด้านนอกพร้อมกับเดินทอดน่องไปทั่วลานสเก็ตแห่งนี้แต่กลับไม่พบใครเลยแม้แต่น้อย

“นี่มันอะไรกัน ? ก่อนหน้านี้ก็มีคนมากมายแล้วทำไมวันนี้ไปไหนหมด ? ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้หันกลับไปถาม

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับตอบไปว่า

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าวันนี้…. อ๊า บอสดูด้านในสิ ที่ทางเข้านั้นมีชายยืนอยู่สองคนทำไมตรงนั้น ? ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้จ้องมองพร้อมกับขมวดคิ้วโดยทันที หลังจากที่เขาพาน้องชายทั้งสี่คนเข้าไปแล้วก็ตะโกนออกมาว่า

“พวกนายมาทำอะไรที่นี่ ? นี่เป็นลานสเก็ตของเรา พวกนาย……….”

ปากกระบอกปืนกลเองก็ได้ชี้ไปที่พวกเขาทั้งห้าคนโดยทันที

ชายรูปร่างกำยำเองก็ได้ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาพร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“หากว่ายังไม่อยากตายก็ออกไปซะ ”

ท่าทางของเจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้เปลี่ยนไปพร้อมกับน้องชายที่อยู่ข้างหลังทั้งสี่เองก็แสดงใบหน้าที่หวาดกลัวออกมา เจียงเสี่ยวฮูได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงลึกว่า

“นี่เป็นที่รวมตัวของพวกฉัน แม้ว่าพวกนายนะมีปืนพวกฉันก็ไม่กลัว พวกนายมาทำอะไรที่ถิ่นของเรา แล้วบอสเราล่ะ ? ”

ทันใดนั้นชายอ้วนวัยกลางคนเองก็ได้เดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นพร้อมกับโบกมือว่า

“เสี่ยวฮู วันนี้ที่นี่ปิดทำการดังนั้นพวกเธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ กลับไปก่อน”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้มองไปที่ชายคนนั้นพร้อมกับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“บอส เราจำเป็นต้องใช้เงิน”

“พรุ่งนี้ฉันจะจัดการให้”

ชายอ้วนเองก็ได้ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“บอสครับ หากว่าไม่ได้วันนี้ผมก็ตายน่ะสิ ผมได้ติดเงินฮูซี่เอาไว้และฝ่ายนู้นเองก็บอกว่าหากผมไม่มีเงินไปคืนเขาในวันนี้ก็จะถูกตัดมือทิ้ง คุณให้ผมมาก่อนได้ไหมแล้วเราจะกลับไปทันที”

ชายอ้วนเองก็ได้มองไปที่ชายวัยกลางคนข้างๆเขา

ชายวัยกลางคนเองก็ได้ถามออกมาว่า

“พวกเขาเชื่อถือได้ไหม ? ”

ชายอ้วนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“เชื่อถือได้มากๆ เสี่ยวฮูนั้นอยู่กับฉันมากว่า4-5ปีและเป็นคนที่มีความสามารถยิ่งไปกว่านั้นบอสของเขาเองก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ ได้ยินมาว่าเขาอยู่ด้วยกันกว่าหลายปีแล้ว”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“งั้นก็ให้เงินพวกเขาไปซะ ”

“ได้ ได้ ”

ชายอ้วนเองก็ได้โบกมือให้กับเจียงเสี่ยวฮูก่อนที่จะพูดว่า

“ให้พวกเขารออยู่ด้านนอก เธอเข้ามาเอาเงินกับฉันด้านใน เธอนี่มันดีไปหมดทุกอย่างยกเว้นเรื่องการพนันนี่แหละ ไม่นานเธอจะตายเพราะติดหนี้พนันนะ ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาพร้อมกับตั้งใจทำท่าทางอึดอัดออกมาแล้วพูดว่า

“บอส แต่ละคนเองก็มีความชอบที่แตกต่างกัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผมยังรู้จักขีดจำกัดของตัวเองดี หากว่าเล่นมากไปก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน ”

หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้มองไปรอบๆแล้วพบว่าชายอ้วนไม่ได้มีชายวัยกลางคนคุ้มกันแล้วจึงได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงกระซิบว่า

“บอส พวกเขาเป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้กล้าถือปืน ? พวกเขาไม่กลัว……”

ท่าทางของชายอ้วนเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“อย่าได้ถามมาก สถานะของพวกเขาเป็นอะไรที่เธอไม่สามารถรู้ได้ ”

“บอส คุณหมายความว่ายังไง ? ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้แสดงท่าทางโกรธออกมาอย่างจงใจพร้อมกับถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ชายอ้วนเองก็ได้ถอนหายใจออกมา เขาได้คิดถึงเรื่องที่ว่าตลอดมานี้เจียงเสี่ยวฮูและคนอื่นๆเองก็ช่วยดูแลที่นี่ดังนั้นจึงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระซิบว่า

“เสี่ยวฮู ฉันและเธอเป็นเหมือนพวกเดียวกันและหวังว่าเธอจะไม่ถามถึงสถานะของพวกเขาอย่างไม่ระวังเพราะฉันไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไป อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่คนนอกดังนั้นฉันจะบอกเธอนิดหน่อยแล้วกันว่านี่เป็นคนของตระกูลซันจากเมืองกวน พวกเขาได้จับคนเอาไว้ที่นี่และเค้นข้อมูลจากเขา เธอก็น่าจะรู้หนิว่าคนหนุนหลังฉันคือตระกูลซัน ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็รู้สึกดีใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เขารู้ว่าวันนี้ตัวเองได้รับผลประโยชน์มากมายแน่นอน อาจจะมีความเป็นไปได้ถึงขั้นที่เขาจะได้ออกจากเมืองเล็กๆนี่แล้วอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆที่เจริญรุ่งเรือง

เขาได้พูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งเฉยว่า

“บอส ก่อนหน้านี้ที่คุณบอกว่าคุณมีตระกูลซันหนุนหลังนั้นผมก็คิดว่าคุณขี้โม้ซะอีก ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นจริง คุณไว้ใจได้เลยว่าผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นและคุณก็ไม่ได้บอกอะไรผมเช่นกัน ผมจะไปหาพี่ชายฮูซี่เพื่อคืนเงินให้กับเขา หลังจากนั้น…..ผมก็จะพาพี่น้องเหล่านี้ไปหาอะไรทำช่วงเย็น ”

“ไปสิ”

ชายอ้วนเองก็ได้พยักหน้า

หลังจากผ่านไป7-8นาที

เมื่อเจียงเสี่ยวฮูออกห่างลานสเก็ตมาได้ไม่ไกลนั้นก็ได้โทรออกไปยังหมายเลขหนึ่งทันที

“พี่ชายฮ่วง ผมเจียงเสี่ยวฮูที่เมืองชางบู ให้ความสนใจกับเมืองชางบูเข้าไว้ ผมพบว่าที่ลานสเก็ตนี่มีคนจากตระกูลซันจับคนมาเค้นข้อมูลที่นี่ ยามเองก็คุ้มกันอย่างแน่นหนา…..อื่มอื่ม ผมเข้าใจแล้ว สบายใจได้เลย ผมจะแอบเฝ้าดูที่นี่เอาไว้………ได้ ได้ ได้ หากว่าพวกเขามาแล้วผมจะนำทางให้เอง…ขอบคุณพี่ชายฮ่วง……..”