…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ถังซิ่วเองก็ได้พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ลมหายใจของเขาแผ่วลงเต็มที ผิวเองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาพร้อมทั้งนัยน์ตาเองก็เริ่มไม่ตอบสนองแล้ว เขาไม่สามารถรอจนถึงการเข้าไปห้องผ่าตัดได้อย่างแน่นอน ถอยออกไปแล้วผมจะเป็นคนรักษาเอง ”
เสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธก็ดังขึ้นว่า
“เธอเป็นใครกัน ? รักษาอะไร ? หากว่าใครเป็นอะไรไปแล้วใครจะรับผิดชอบ ? ”
“ผมรับผิดชอบเอง ”
ถังซิ่วได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งผลักนางพยาบาลสองคนออกไปก่อนที่จะตรวจอาการคนไข้
“แย่มาก ปอดถูกเสียบทะลุโดยกระดูกที่หัก ภายในร่างกายมีเลือดเสียอยู่มากต้องขับมันออกมาแล้วค่อยจัดกระดูกที่แทงปอดใหม่ ”
ถังซิ่วเองก็ได้หันหน้ากลับไปพร้อมตะโกนออกมาว่า
“2 นาที หากว่าภายในสองนาทีนี้พวกคุณหาเข็มเงินมาให้ผมไม่ได้ก็แปลว่าพวกคุณเป็นคนฆ่าเขา ! ไปได้แล้ว ไปหาเข็มเงินมาให้ฉัน ”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ? ”
ก่อนที่จะถังซิ่วจะเริ่มรักษานั้นก็ได้มีหมอที่นำผู้ป่วยไปส่งที่ห้องผ่าตัดก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาได้กลับมาเพราะเสียงตะโกนพร้อมทั้งเห็นว่ารถเข็นสองคันได้ถูกหยุดเอาไว้จึงได้ถามออกมาอย่างเสียงดัง
หมอคนที่เพิ่งด่าถังซิ่วไปก่อนหน้านี้เองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ฮูซูเหลิน ไอ้เวรนี่มันขวางทางเราแล้วพูดจาไร้สาระ ”
หมอที่ชื่อฮูซูเหลินเองก็ได้มองสภาพของผู้ป่วยซึ่งทำให้เขาใจสั่นเล็กน้อย เมื่อเขากวาดสายตาไปทางถังซิ่วแล้วเห็นว่าเขากำลังตรวจชีพจรอยู่นั้นก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“เธอเป็นใคร ? อย่าได้ขัดขวางการรักษาของเรา อย่าบอกนะว่าไม่รู้หรอว่าการช่วยชีวิตก็เหมือนการดับไฟ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ผมเองก็เป็นหมอเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกคุณพูดว่าหมอและห้องผ่าตัดไม่พอดังนั้นผมถึงได้มาช่วย ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ผมตรวจเขาแล้วและพบว่าหากว่าภายใน2นาทีนี้ยังหาเข็มเงินมาให้ผมไม่ได้เขาก็ตายอย่างแน่นอน ”
เมื่อฮูซูเหลินได้ยินเช่นนั้นก็ได้หันไปหาหมอคนข้างๆพร้อมทั้งพูดว่า
“รีบๆไปหาเข็มเงินมาเดี๋ยวนี้ ”
“ได้ครับ ”
แม้ว่าหมอคนนั้นเองก็ไม่เต็มใจนักแต่ก็รีบไปอย่างรวดเร็ว
ฮูซูเหลินเองก็ได้ถามถังซิ่วต่อว่า
“เธอไม่ได้เป็นหมอที่โรงพยาบาลของเราใช่ไหม ? ทำงานที่ไหนงั้นหรอ ? เมื่อครู่นี้ฉันเห็นว่าเธอตรวจชีพจรของคนไข้ อย่าบอกนะว่าเธอเป็นหมอแผนจีน ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“โรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้ ถังซิ่ว”
โรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้ ?
โรงพยาบาลที่ชื่อเสียงพุ่งกระฉูดภายในไม่กี่เดือนมานี้ ? ไม่ใช่ว่ามีข่าวลือว่าได้มีหมอเทวดาอยู่ที่นั่น ? ชื่อถังซิ่วเองก็ฟังดูคุ้นๆนะ ?
คิ้วของฮูซูเหลินเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะถามว่า
“เธอเป็นหมอเทวดาของโรงพยาบาลงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้มองไปที่เขาพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนทนากัน รีบๆให้นำเตียงผู้ป่วยมาที่นี่ยิ่งไปกว่านั้นบอกให้คนที่มุงดูเหล่านี้ออกไปเพื่อให้อากาศถ่ายเท อ่อ ช่วยไปเอาน้ำสะอาดพร้อมกับผ้าขนหนูและเอาอุปกรณ์ผ่าตัดมาให้ผมด้วย”
ฮูซูเหลินเองก็ลังเล
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเชื่อถังซิ่วดีหรือไม่เพราะอย่างไรก็ตามเขาดูเด็กเกินไป เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรตัดสินใจอย่างไรดี
“ฉันต้องไปรายงานกับผู้อำนวยการซังเดี๋ยวนี้ ”
ถังซิ่วไม่ได้ตอบเขากลับไปพร้อมกับหยุดเลือดที่แผลของผู้ป่วย
ที่ห้องฉุกเฉินนั้นผู้อำนวยการซังเองก็กำลังอยู่พร้อมกับหมอระดับสูงอีกหลายคน เขาได้รับสายว่าให้เตรียมการเอาไว้เพราะจะนำผู้ป่วยมาส่งที่นี่ เหตุเกิดมาจากตึกก่อสร้างถล่มซึ่งส่งผลให้คนงานมากมายได้รับบาดเจ็บ เขาที่เป็นถึงผู้อำนวยการก็ต้องช่วยคนให้มากที่สุด แม้จะไม่ได้ลงสนามมาถึงครึ่งปีแล้วก็ต้องทำ
“เกิดอะไรขึ้น ? หยุดอยู่ทำไม ? ”
หลังจากที่ซังเหวินเฟิงวิ่งมาที่ด้านนอกตึกฉุกเฉินก็พบกับฉากตรงหน้าจึงได้ตะโกนออกมาอย่างดัง
ดวงตาของฮูซูเหลินเองก็เป็นประกายพร้อมทั้งวิ่งไปหาผู้อำนวยการแล้วพูดว่า
“ผู้อำนวยการครับ ผมคิดว่าเขาดูเหมือนหมอแผนจีนดังนั้น …..”
“ดังนั้นอะไร ? นี่มันเป็นเรื่องเล่นๆงั้นหรอ เขา…….”
“สวรรค์ ชายคนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เขาทำได้อย่างไรกัน ? ”
นางพยาบาลที่อยู่ข้างๆเองก็ได้โห่ร้องออกมาอย่างดังซึ่งเสียงของเธอได้ขัดจังหวะคำพูดของซันเหวินเฟิง
ท่าทางของซังเหวินเฟิงเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับวิ่งมาที่เธอแล้วถามออกมาว่า
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
นางพยาบาลที่เห็นว่าผู้อำนวยการมาที่นี่เองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอได้พูดออกมาติดๆขัดๆว่า
“ท่านผู้อำนวย….การ ก่อนหน้านี้เขาได้รักษาผู้ป่วย……หลังจากที่เขาทำการรักษาแล้วเลือดของผู้ป่วยคนนั้นก็หยุดไหลออกมา”
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้หันหน้ากลับไปทันทีพร้อมกับถามถังซิ่วว่า
“เธอเป็นหมอโรงพยาบาลสตาร์ซิตี้ใช่ไหม ? เธอชื่อถังซิ่ว ?”
“ใช่ !”
ถังซิ่วที่ได้หยุดเลือดไปแล้วก็ได้ตอบกลับไป
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมทั้งโทรออกทันที
“หลี่ฮงจี้ ฉันผู้อำนวยการซังเหวินเฟิง เราได้ติดต่อกันแล้วก่อนหน้านี้พร้อมทั้งเจอกันที่งานประชุมของหมอที่เมืองหลวง”
“ฮ่า ฮ่า …… ลมอะไรหอบมางั้นหรอถึงได้โทรมาฉัน มีเรื่องอะไร ? ”
เสียงของหลี่ฮงจี้เองก็ได้ดังออกมาจากปลายสาย
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันมีเรื่องอยากจะสอบถามหน่อยน่ะ ที่โรงพยาบาลของนายมีหมอหนุ่มที่ชื่อถังซิ่วบ้างหรือเปล่า ? ”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับถามกลับไปว่า
“นายจะถามเรื่องถังซิ่วไปทำไมกัน ? เขาเป็นหมอของเราเอง”
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ที่นี่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นและมีผู้ป่วยมากมาย เขามาขวางทางหมอของเราเอาไว้แล้วบอกว่าจะเป็นคนรักษาพวกเขาเอง ”
“ปล่อยให้เขารักษา”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้พูดออกมาอย่างไม่ลังเล
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้ถามออกมาว่า
“เขามีความสามารถขนาดนั้นเลยหรอ ? ผู้อำนวยการหลี่ นายต้องรู้ก่อนนะว่าผู้ป่วยนี้อาการสาหัสมาก หากว่าไปถึงห้องผ่าตัดไม่ทันเวลาก็อาจจะ……”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ผู้อำนวยการซัง หากว่าฉันจำไม่ผิดนายโทรมาหาฉันเมื่อ1เดือนที่แล้วเพื่อขอพบกับหมอเทวดาของเราใช่ไหม ? ใช่แล้วถังซิ่วเป็นหมอคนนั้น นายควรจะดีใจนะที่เขายื่นมือเข้าช่วยโรงพยาบาลของนาย ”
“อะไรนะ ? เขาคือหมอเทวดา ? ”
“ใช่แล้ว ”
หน้าของซังเหวินเฟิงเองก็เปลี่ยนสีทันทีพร้อมกับพูดออกมาเสียงดังหลังจากที่มองไปที่ถังซิ่วแล้วว่า
“จัดการหาคนมายิ่งไปกว่านั้นจัดเตรียมเครื่องมือทุกอย่างที่จำเป็นให้คุณหมอถัง หากว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ”
“ได้ค่ะ /ครับ”
คนอื่นๆเองก็งงงวยว่าทำไมผู้อำนวยการถึงได้มอบภาระที่ใหญ่หลวงนี้ไปให้แก่ถังซิ่วแต่พวกเขาก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วพร้อมกับถอนหายใจออกมาว่า
“ไม่คิดว่าเธอจะเป็นหมอเทวดาจากโรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้ที่ฉันอยากจะเจอ หลี่ฮงจี้เองพูดถูกเป็นอย่างมากว่าการที่พบเธอนั้นถือเป็นโชคดีของฉัน”
ถังซิ่วได้มองไปที่เขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขากลัวปัญหา กลัวว่าเขาจะเป็นคนแบบหลี่ฮงนี้
เขามาที่เมืองนี้เพื่อมาเรียน เขากลัวว่าจะถูกเชิญให้มาเป็นหมอที่นี่อีก
“นี่เข็มเงิน ”
หมอที่สวมชุดขาวเองก็ได้วิ่งมาทันที
ถังซิ่วได้หยิบเข็มเงินพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ให้คนรอบๆนี้ออกไปยิ่งไกลยิ่งดีพร้อมกับบอกให้หมอเตรียมตัวไว้ ทิ้งคนที่อาการสาหัสไว้ที่นี่เพื่อให้ผมจัดการส่วนอาการปกตินั้นก็ให้ทางโรงพยาบาลของคุณเป็นผู้ดูแลแล้วกัน ”
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งกระจายคำสั่งของถังซิ่วโดยทันที
เข็มเงินได้ไปสกัดจุดพลังของผู้ป่วยเอาไว้ หลังจากที่ถังซิ่วได้ส่งพลังแห่งดวงดาราเข้าไปแล้วนั้นเลือดดำเองก็ได้ถูกลำเลียงมาที่คำขอของผู้ป่วย
“ค๊อก ค๊อก …..”
หลังจากนั้นสองนาที ชายคนนั้นก็ได้สำลักเลือดดำออกมา
หลังจากที่ผ่านไปครั้งที่ 6 ถังซิ่วเองก็ได้จับเขาขึ้นมาในท่านั่งก่อนที่จะใช้มืออีกข้างพยุงหลังเขาเอาไว้
“มีด !”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ณ ตอนนี้ อุปกรณ์ผ่าตัดเองก็ได้ถูกนำมาเตรียมไว้แล้ว หลังจากที่หมอได้เปิดกล่องออกถังซิ่วเองก็ได้กวาดตามองแล้วเลือกมีดที่คมกริบขึ้นมาจากนั้นก็เปิดแผลที่ปอดของผู้ป่วยทันที
“นี่ ….”
ซังเหวินเฟิงเองถังกับหวาดผวา คนอื่นๆเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าการจะรักษาคนนั้นจำเป็นต้องโหดร้ายขนาดนี้ไหม
ถังซิ่วได้วางมีดลงพร้อมกับหยิบแหนบออกมาแล้วยัดเข้าไปในแผลของผู้ป่วยทันที
สองวินาที !
ใช่แล้วสองวินาที !
ซังเหวินเฟิงและคนอื่นๆเองก็เห็นกับตาว่าถังซิ่วได้สอดแหนบเข้าไปเป็นเวลาสองวินาทีเท่านั้นทว่าหลังจากที่นำแหนบออกมาแล้วก็พบกับเศษกระดูกที่แตกหักขนาดเท่าเมล็ดข้าววางอยู่บนโต๊ะ
“สวรรค์ เขารู้ได้อย่างไรว่ากระดูกแตกอยู่ตรงไหน ? ”
ฮูซูเหลินเองก็ได้จ้องมองอย่างตาโตพร้อมทั้งโห่ร้องออกมา
ความรู้สึกตะลึงนี้คนอื่นๆก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ถังซิ่วไม่ได้สนใจกันพวกเขาแม้แต่น้อย หลังจากที่เอาเศษกระดูกออกมาแล้วก็ได้ยื่นมันเข้าไปจัดกระดูที่แตกหักอยู่ในปอดของเขาทันทีโดยอาศัยจิตสัมผัสของเขา
“โรงพยาบาลของคุณน่าจะมีเครื่องกระตุ้นหัวใจใช่ไหม ? ภายในห้านาทีนี้ก็กระตุ้นเขาขึ้นมายิ่งไปกว่านั้นพวกคุณก็เป็นคนดูแลรักษาแผลเขาแล้วกัน”
ถังซิ่วได้ถ่ายพลังแห่งดวงดาราเอาไว้เพื่อให้รักษาบาดแผลก่อนที่จะหันหน้ากลับไปพูดกับหมอคนอื่นๆ
ซังเหวินเฟิงเองก็ได้ส่งคนไปเอาเครื่องกระตุ้นหัวใจมาทันทีพร้อมกับถามออกมาอย่างสับสนว่า
“เสร็จแล้วงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ใช่แล้ว ผมได้จัดกระดูกที่แทงปอดเขาแล้ว กระดูกที่แตกอยู่ในแผลเองก็ได้หยิบออกมาหมดแล้วเช่นกันอย่างไรก็ตามอัตราการเต้นของหัวใจของเขาต่ำลงเรื่อยๆ หลังจากที่ได้รับการกระตุ้นแล้วก็น่าจะหมดสติอยู่อีกนานแต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะอาการของเขาทรงตัวแล้ว”
ซังเหวินเฟิงซึ่งมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งเองก็ได้จ้องมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า
“เธอทำได้อย่างไรกัน ? ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“แต่ละคนเองก็มีทักษะเป็นของตัวเอง นี่เป็นทักษะของผม อย่าได้เสียเวลาอยู่ที่นี่เลยให้ผมไปตรวจผู้ป่วยคนอื่นๆต่อ”
“ได้”
ซังเหวินเฟิงเองก็ไม่ได้ถามอีกต่อไป
ทันใดนั้น นางพยาบาลคนหนึ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า
“รู้สึกหรือเปล่าว่าตอนที่คุณหมอถังรักษานั้นผู้ป่วยไม่ได้มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย”