…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วที่ได้รับเบอร์ของผู้นำตระกูลฮ่วงนั้นก็ไม่ได้โทรไปหาเขาทันที เขาได้ใช้ความคิดอยู่นานก่อนที่จะไม่ได้ส่งต่อเบอร์นี้ไปให้กับตระกูลของเขา เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสถานการณ์โดยรวมไปถึงไหนแล้วหากเข้าไปยุ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลของเขาและตระกูลเหยาเองก็ไม่ได้ปะทะกันทางธุรกิจเท่านั้นแต่รวมไปถึงอำนาจของทางภาครัฐด้วย หากว่าเขาสอดมือเข้าไปยุ่งก็อาจจะสร้างปัญหามากมาย

เขาทำได้แค่อยู่นิ่งๆเพราะตอนนี้การปะทะกันของทั้งสองตระกูลเองก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังห่างไกลจากสถานการณ์ที่แลกชีวิตกันมาก แค่เฉพาะตอนที่ตระกูลของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักเท่านั้นเขาถึงจะยื่นมือเข้าไปช่วย

อย่างไรก็ตามในเมื่อตระกูลฮ่วงและห้องอาหารของเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เขาก็สามารถใช้งานตระกูลฮ่วงเมื่อไหร่ก็ได้

ถังซิ่วได้ชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าจะติดต่อไปหาผู้นำตระกูลฮ่วงในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะระงับความคิดทั้งหมดพร้อมทั้งนั่งบ่มเพาะพลังอยู่บนเตียง

ณ ตอนนี้ระดับพลังของเขาหยุดอยู่ที่ระดับสูงสุดของขั้นเสริมสร้างเลือดเนื้อ หากว่าเขาสามารถตัดผ่านไปอีกขั้นได้ก็จะไปถึงขั้นเปลี่ยนแปลงกระดูกได้ ถังซิ่วเองก็เพิ่งมาถึงระดับสุดท้ายของขั้นเสริมสร้างเลือดเนื้อได้ไม่นานเพราะความโชคดีของเขา

ขณะที่กำลังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่นั้นพลังแห่งดวงดาราที่อยู่รอบข้างเองก็ถาโถมเข้าใส่ถังซิ่วอย่างไม่หยุดยั้ง ตอนนี้ความเร็วในการดูดกลืนของเขาสูงขึ้นกว่าตอนขั้นเสริมสร้างผิวหนังหลายเท่าตัว น่าเสียดายที่พลังวิญญาณที่เซี่ยงไฮ้นั้นมีน้อยเหลือเกินซึ่งทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะไม่สามารถเทียบได้กับตอนที่อยู่เกาะเก้ามังกร

วิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นถูกแบ่งเป็น3เขตแดนใหญ่ เขตแดนแรกคือ ร่างกายที่เกรี้ยวกราดแห่งดวงดาวซึ่งจะถูกแบ่งออกย่อยๆเป็น9ขั้น ขั้นหล่อหลอมพลังฉี , เสริมสร้างผิวหนัง ,เสริมสร้างเลือดเนื้อ, เปลี่ยนแปลงกระดูก ,เปลี่ยนแปลงหลอดเลือด,เปลี่ยนแปลงไขกระดูก,เปลี่ยนแปลงอวัยวะภายใน ,ส่งพลังฉีและเลือด , ครอบครองดินแดน

ตอนนี้เขาได้มาถึงระดับสูงสุดของขั้นเสริมสร้างเลือดเนื้อแล้ว แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับระดับดั่นทองคำได้แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก เขามั่นใจว่าหากสามารถตัดผ่านไปยังระดับเปลี่ยนแปลงกระดูกได้ก็สามารถเทียบได้กับระดับเริ่มต้นของดั่นทองคำ แต่การเพิ่มระดับพลังเองก็สามารถทำให้เขาใช้เทคนิคลับได้มากขึ้นซึ่งในยุคปัจจุบันนี้คงมีคนอยู่จำนวนน้อยที่จะมีเทคนิคลับได้เท่าเขา

“ดูเหมือนว่าการที่จะเพิ่มระดับพลังอย่างรวดเร็วนั้นคงทำได้แค่กลับไปอยู่ที่เกาะเก้ามังกร ”

หลังจากที่บ่มเพาะพลังอยู่1ชั่วโมงแล้วถังซิ่วเองก็ได้เปิดตาขึ้นพร้อมทั้งฝืนยิ้มออกมา การบ่มเพาะ1ชั่วโมงของเขาที่นี่ไม่สามารถเทียบได้กับการบ่มเพาะเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงบนเกาะเก้ามังกรได้เลย

8 โมงเช้า

ถังซิ่วได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลพร้อมกับความกระตือรือร้น หลังจากที่เขาลงมาถึงชั้นล่างแล้วนั้นก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลย ที่นี่ไม่ใช่เมืองประตูทิศใต้ซึ่งไม่มีแม่บ้านคอยทำอาหารเช้าให้กับเขา

“ต้องจ้างแม่บ้านแล้ว ? ”

ถังซิ่วเองก็ลังเลอยู่ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะหาเวลาไปจ้างแม่บ้านที่ภักดีและเชื่อถือได้

“ค่อยไปซื้อของกินระหว่างทางไปมหาลัยแล้วกัน ”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะออกไปซื้อของกินข้างทาง เขาไม่ได้นั่งรถแท็กซี่แต่เดินเท้าไป

แม้ว่าวันที่ 7 นี้จะเป็นวันฝึกทหารแต่ถังซิ่วเองก็ไม่ต้องการเข้าร่วมเพราะสำหรับเขาแล้วการฝึกทหารก็เหมือนเรื่องเด็กเล่นเท่านั้น เขาได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าหลังจากที่เลิกเรียนในวันนี้ก็จะไปหาเหล่ใบยี่เพราะเขาเป็นถึงรองผู้อำนวยการของคณะประวัติศาสตร์ก็คงจะมีอำนาจพอที่จะละเว้นเขาได้

ที่ชั้น 4 ตึก b

หลังจากที่ถังซิ่วได้มาถึงห้องเรียนแล้วก็พบว่านักเรียนภายในห้องกว่า20-30คนได้อยู่อย่างกระจัดกระจายแต่ทว่าเยวี่ยไค ฮูชิงซ่งและเซ่าเหลียงที่ไปเมาด้วยกันเมื่อวานนี้เองก็ได้จับกลุ่มคุยกัน

“ลูกพี่ถัง !”

ฮูชิงซ่งที่เห็นว่าถังซิ่วเดินมาแล้วนั้นถึงกับดวงตาเป็นประกายก่อนที่จะโบกมือเรียกเขาซึ่งเสียงที่เขาตะโกนออกมานั้นได้ทำให้นักเรียนทั้งหมดภายในห้องหันไปมองที่ถังซิ่วอย่างพร้อมเพรียง

หลังจากที่พวกเขาได้มาถึงแล้วก็ได้ยินชื่อเสียงต่างๆนาๆของถังซิ่ว พวกเขาไม่ได้รู้แค่ว่าถังซิ่วได้รับคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์และอันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่รวมไปถึงเรื่องที่ครูประจำชั้นมัธยมของเขา ฮั่นชิงหวูที่ตามมาสอนเขาถึงที่นี่

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาจางๆพร้อมกับเดินไปทางฮูชิงซงแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่ใช่ว่าเวลาที่เขานัดกันคือ9.30งั้นหรอ ? แล้วพวกนายมาเช้าขนาดนี้เพื่อ ? ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพราะอะไรได้อีกล่ะ มันสดชื่นไงล่ะ วันนี้เป็นวันแรกที่นักเรียนทุกคนมารวมตัวแม้ว่ายังมีคนอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่มาถึงก็ตามแต่ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าห้องเรียนของเรามีคนสวยอยู่มากแค่ไหนกัน น่าเสียดาย……”

ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้เพราะตั้งแต่ที่เขามาถึงนั้นก็พบว่าในห้องมีนักเรียนหญิงอยู่เพียงแค่ 6 คนเท่านั้นและหน้าตาของพวกเธอเองก็ถือว่าธรรมดามากๆ

“เราเป็นนักเรียนและมาที่นี่เพื่อเรียนนะ หากว่าต้องการเกี่ยวสาวก็ไปที่บาร์โน้น จากสภาพของนายแล้วน่าจะสามารถเกี่ยวสาวได้เป็นฝูงอยู่แล้วนิ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เยวี่ยไคเองก็ได้โบกมือพร้อมพูดว่า

“เรื่องเกี่ยวสาวไปอึ้บมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉันไม่ค่อยจะสนใจนักหรอก อย่าบอกนะว่านายไม่คิดว่ามันเป็นเหมือนการเก็บของเหลือ ?”

การเก็บของเหลือ ?

พวกเขาก็ได้หัวเราะกันออกมาทันที

ถังซิ่วได้กรอกตาพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างตลกๆว่า

“นายนี่เป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักความกระหายของเพศเดียวกันเลยนะ หากไม่เชื่อก็ลองถามฮูชิงซ่งดูสิว่าหากเป็นเขา เขาจะคิดว่ามันเหมือนเป็นการเก็บของเหลือไหม ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนว่าต้องไม่รู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันจะรู้สึกว่าตัวเองช่างมีเสน่ห์และพาพวกเธอเข้าห้องไปแต่โดยดี ”

เยวี่ยไคเองก็ได้กรอกตาพร้อมกับโอดโอยออกมาว่า

“หากว่านายต้องการผู้หญิงแบบนั้นก็ไปที่ซ่องกับฉันในวันนี้ ฉันจะให้นายได้อึ้บหลายๆคนเลยแต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนลูกพี่ถังต้องสอนเทคนิคจีบสาวให้ฉัน”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ฉันไม่รู้หรอก หากว่านายต้องการจริงๆเดี๋ยวว่างๆก็ลองไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการจีบหญิงมาดูสิแล้วนายก็เรียนรู้ไปจากมัน แน่นอนว่าหากว่านายคิดว่ามันยุ่งยากไปหน่อยฉันก็จะเป็นคนไปซื้อมาให้นายเอง”

เยวี่ยไคได้พูดออกมาแบบโกรธๆว่า

“นายแกล้งฉันงั้นหรอ ? หากว่านายไม่จีบเก่งจริงแล้วทำไมครูฮั่นถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อบินมาสอนพวกเราที่นี่ ? ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็จะต้องใช้เส้นสายมากมายเพื่อที่จะให้ได้เป็นครูประจำคณะของเรานะ ”

ถังซิ่วได้หันหน้ากลับไปทันที

ในเมื่อเขาอธิบายไปแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจกันก็เลยเลิกล้มความคิดที่จะอธิบายต่อไป ฮั่นชิงหวูเองก็มีชีวิตของเธอ ส่วนเขาเองก็มีของเขา พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์แต่นักเรียนและคุณครูเท่านั้น แล้วมันจะไปมีลับลมคมในได้อย่างไรกัน ?

แม้ว่าเธอจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับภรรยาของเขาที่ดินแดนแห่งนิรันด์ไม่มีผิดแต่ก็แค่รูปลักษณ์เท่านั้น เขาไม่เชื่อว่าคนทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกัน

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ลูกพี่ถังไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่ครูฮั่นกลับมาแล้วก็มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

ถังซิ่วเองก็จ้องมองด้วยความสับสนก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เกิดอะไรงั้นหรอ ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เมื่อวานนี้หลังจากที่เรากลับมานั้น ทุกๆครั้งที่เธอพูดถึงนายก็จะมีดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งยิ้มออกมาอย่างน่าหลงใหล ฉันกล้าพูดได้เลยว่าเธอกำลังสนใจนายอยู่และถึงแม้ว่าพวกนายจะอยู่คนละสถานะกันแต่ตราบเท่าที่นายมีความกล้าที่จะบอกรักเธอ แน่นอนว่าเธอจะยอมพลีกายให้นายอย่างแน่นอน”

“ไปลงนรกเลยไป !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างอับอาย

เยวี่ยไคเองก็ได้ถอนหายใจออกมา

“ได้ยินไหมล่ะลูกพี่ ? ได้ยินคำพูดของฮูชิงซ่งไหม ? ครูฮั่นต้องชอบนายอย่างแน่นอน ไม่ว่านายจะพูดโกหกอย่างไรก็ไม่สามารถปิดบังได้หรอกว่านายนั้นได้ทำให้ผู้หญิงที่งดงามจนถึงขั้นทำให้ประเทศล่มสลายอยากอยู่ในอ้อมกอดนาย ”

“……..”

ถังซิ่วถึงกับคิดว่าไอ้พวกนี้มันเป็นม้าพ่อพันธ์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่หรืออย่างไรกัน ทำไมในสมองพวกมันถึงได้มีแต่เรื่องนี้ อย่าบอกนะว่ามันรู้จักแค่การ…….. ?

เมื่อพูดถึงก็มาทันที

เมื่อทุกคนกำลังพูดอยู่นั้นฮั่นชิงหวูเองก็ได้มาถึงที่หน้าประตู ผมยาวปลิวไสวพร้อมกับเสียงปรบมือซึ่งเรียกความสนใจจากทุกคนในห้อง

ชุดกระโปรงที่น่าหลงใหลพร้อมกับรูปร่างที่ผอมบางของเธอบวกกับความงามของใบหน้าทำให้เธอเหมือนดั่งเทพธิดาที่อยู่ในใจของนักเรียนหลายคน

เธอได้สะบัดผมของเธอก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ตอนนี้ห้องของเรามีนักเรียนทั้งหมด 48 คนและได้มาถึงแล้ว 28 อย่างไรก็ถามฉันเชื่อว่าคนอื่นๆกำลังตามมาทีหลัง ทุกคนขึ้นมาแนะนำตัวด้วย”

“ผมขอไปคนแรก ”

เยวี่ยไคเองก็ได้ยกมือขึ้นพร้อมกับเดินไปที่โพเดียม

เขาเป็นคนที่หัวรั้นเป็นอย่างมากพร้อมกับกวาดสายตามองไปที่นักเรียนทุกคนแล้วพูดว่า

“สวัสดีเพื่อนๆ ฉันชื่อว่าเยวี่ยไคเป็นคนในพื้นที่ อายุ 21ปีและยังไม่แต่งงาน ไม่มีแม้กระทั่งแฟน หากว่าเพื่อนคนไหนมีเพื่อนสาวที่สวยๆหรือรู้จักก็สามารถมารายงานฉันได้ อ่อใช่ งานอดิเรกของฉันก็มีเยอะมากและหากว่าใครต้องการจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็สามารถบอกฉันได้……”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ….”

เสียงหัวเราะได้ดังขึ้นขณะที่เยวี่ยไคกำลังแนะนำตัวอยู่ซึ่งสิ่งที่เขาพูดมันน่าสนใจมากและได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมห้องมากมาย

ที่โพเดียม

ฮั่นชิงหวูที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีก็ได้ทำท่าทางมือไปที่เยวี่ยไคที่กำลังยกมืออยู่ก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอไม่ได้มาที่มหาวิทยาลัยเพื่อมาหาความรู้แต่เหมือนกับการมาหาความสัมพันธ์ ? เธอคิดว่าที่นี่เป็นศูนย์สมรสหรือไงกัน ? ”

“ครูฮั่น ครูรู้ได้อย่างไรกันครับ ? ”

เยวี่ยไคเองก็ได้แสดงท่าทางตกตะลึงออกมาอย่างจงใจ

“ฮ่า ฮ่า …”

นักเรียนคนอื่นๆเองก็หัวเราะออกมาไม่หยุด

อย่างไรก็ตามถังซิ่วไม่ได้ยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ได้สนใจฮั่นชิงหวูแม้แต่น้อยแต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยวี่ยไคและฮูชิงซ่งแล้วก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆใจหัวใจพร้อมทั้งสนใจเธอมากขึ้น

และเพราะความสนใจนี้เองที่ทำให้เขาได้เห็นท่าทางมือที่เธอทำซึ่งเป็นเหตุให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันที