…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คิ้วของถังซิ่วได้กระตุกหลายครั้งเพราะเขาไม่คิดเลยว่าจะมีใครในห้องอาหารแห่งนี้ที่จำรูปลักษณ์เขาได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ารูปของเขาที่ถูกถ่ายไว้ที่สาขาเกาะจิงเหมินจะต้องถูกส่งไปให้สมาชิกหลักแต่ละที่ก็ตามแต่นี่มันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วพร้อมกับฉีหนานก่อนที่ใบหน้าอันงดงามของเธอจะเต็มไปด้วยความสับสนแล้วถามออกมาว่า

“คุณเรียกถังซิ่วว่าอะไรนะ ? บอส ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ครูฮั่นครับ ที่โรงแรมและบางที่เองก็เรียกลูกค้าตัวเองว่าบอสครับ ผมเองก็เคยโดนเรียกแบบนี้อยู่บ่อยๆ คนสวยครับผมและเขาเป็นเพียงนักศึกษาเท่านั้น ”

ฉีหนานเองก็ได้ชะงักไปเพราะเธอเป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบมาก เมื่อตอนที่เธอเห็นว่าถังซิ่วได้ขมวดคิ้วนั้นเธอก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่สมควรพูดอะไร

น่าจะเป็น เรื่องที่บอสไม่อยากเปิดเผยสถานะของตัวเอง

การตอบสนองของเธอก็เร็วมากและไหลไปตามน้ำทันที

“ใช่แล้วค่ะ ทุกๆคนที่เป็นแขกของเราก็คือบอสของเราค่ะ จริงๆแล้วที่ฉันมาขวางพวกคุณไว้ก็เพื่อจะมาแจ้งว่าที่นี่มีทำเนียมอยู่ว่าหากว่าลูกค่ามีมากกว่า200โต๊ะนั้นโต๊ะที่201จะได้รับส่วนลดค่าอาหาร ต้องขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณคือผู้โชคดี”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“มีด้วยหรอ ? ”

“ค่ะ !”

ฉีหนานได้มองไปที่ใบหน้าของถังซิ่วและเห็นว่าคิ้วของเขาได้คลายตัวออกกันก็จึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ถังซิ่วได้หยิบบัตรเงินสดออกมาพร้อมกับยื่นไปให้ฉีหนานแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนว่าโชคของเราจะดีนะ เอาบัตรไปรูดได้เลย”

“ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่”

ฉีหนานเองก็ได้หยิบบัตรไปพร้อมกับวิ่งไปทางบาร์ทันที

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ถอนหายใจออกมา

“ลูกพี่ ดูเหมือนว่าการที่ได้อยู่กับนายนี่จะโชคดีจริงๆเลยนะ มาที่ร้านอาหารหรูหราแบบนี้แล้วก็ยังได้รับส่วนลดอีก เอางี้ไหม วันหลังเรามาที่ร้านนี้แล้วนั่งนับจำนวนโต๊ะกัน เมื่อถึง201เมื่อไหร่เราก็ค่อยไปเอาส่วนลดอีก ”

ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้แล้วพูดว่า

“ไม่ใช่ว่ากินจนอิ่มแล้วหรือไง เราต้องสนับสนุนร้านสิ ฉันคิดว่าคุณภาพอาหารของที่นี่ก็สมราคาและสามารถเอาไปลงหนังสือได้เลยนะ ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็นั่นสินะ ”

ฮั่นชิงหวูได้มองไปที่หลังของฉีหนานด้วยสายตาแปลกๆพร้อมกับหันมามองไปที่ใบหน้าสงบๆของถังซิ่ว ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ถึงคำพูดที่เพื่อนรักของเธอได้บอกเอาไว้

อย่าบอกนะ ! ว่าสถานะของเขามันไม่ใช่ธรรมดาๆ ?

อย่างไรก็ตามเธอเองก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของครอบครัวเขาดี เธอใช้เวลาอย่างน้อย1ปีในการสืบสวนและรู้มาว่าครอบครัวของเขาน่าสงสารเป็นอย่างมากดังนั้นเธอจึงได้แอบไปอุดหนุนร้านอาหารที่แม่ของเขาเปิดเป็นประจำรวมไปถึงการสั่งอาหารเป็นจำนวนมากๆ

แต่

เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำท่าทางเหมือนกับกำลังต้อนรับลูกค้าธรรมดาๆเหมือนที่ฮูชิงซ่งพูดแม้แต่น้อย

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะไม่คิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

ถังซิ่วเองก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ดังนั้นเขาได้มองไปทางฉีหนานที่อยู่ตรงบาร์แล้วพูดว่า

“ครูฮั่น ครูกับฮูชิงซ่งไปรอข้างนอกเลย ผมรอเซ็นบิลอีก ”

“ฉันจะไปกับเธอ”

ฮั่นชิงหวูได้พูดออกมาอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่จำเป็นหรอก ผมเซ็นเสร็จแล้วเราก็กลับด้วยกัน ”

ฮั่นชิงหวูเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ก็ได้ ”

ถังซิ่วได้เดินไปที่บาร์ก่อนที่จะกดรหัสผ่านหลังจากนั้นก็เซ็นบิลค่าอาหารแล้วพูดออกมาว่า

“เธอเป็นผู้จัดการของที่นี่งั้นหรอ ? ”

“ใช่ค่ะ ”

ฉีหนานเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงกระซิบ

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องและครูประจำชั้นของฉัน เมื่อกี้เธอทำได้ดีมากที่ไม่ทำให้สถานะของฉันถูกเปิดเผย”

ฉีหนานที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอได้มองไปที่ฮั่นชิงหวูและฮูชิงซ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“บอสต้องการจะให้เราทำอย่างไรค่ะ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เธอก็บริหารงานต่อไปแล้วกัน ”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ อย่างไรก็ตามตอนนี้เพื่อนของคุณกำลังทานอาหารอยู่ที่ห้องวีไอพีชั้น4”

“เพื่อนฉันงั้นหรอ ? ใครกัน ? ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

ฉีหนานเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เหมี่ยวเหวินถังค่ะ ”

ถังซิ่วเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“เขามาคนเดียวหรือมากับเพื่อน ? ”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาว่า

“มากับเพื่อนค่ะ แต่ละคนเองก็เป็นคนที่มีสถานะสูงมากๆในเมืองนี้”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งเพื่อนและครูก่อนแล้วกัน หากว่าเหมี่ยวเหวินถังเสร็จเร็วก็บอกให้เขารอฉันก่อนแต่หากว่าไม่ เดี๋ยวฉันจะกลับมาหาเขาเอง ฉันเองก็มีเรื่องที่จะพูดกับเขาอยู่พอดี”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ให้ฉันไปแจ้งเขาเลยหรือเปล่าค่ะ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไม่จำเป็น”

ทันใดนั้น

ถังซิ่วเองก็ได้เก็บบัตรเงินสดไว้ในกระเป๋าของเขาพร้อมกับหันหลังเดินกลับไปทางฮั่นชิงหวูและฮูชิงซ่งก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“อาหารที่นี่มันดีและคุ้มค่าจริงๆ เราไปกันเถอะ ”

ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งข้อความไปหาฉีหนานให้หักเงินของเขาไปแค่หนึ่งหยวนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ออกไปที่หน้าร้านอาหารก่อนที่ฮั่นชิงหวูจะพูดว่า

“ฉันจะพาพวกเธอไปส่งที่หอพักเอง อ่อ เธอเพิ่งจะมาที่เซี่ยงไฮ้เป็นวันแรกใช่ไหม ? เคยได้ดูภาพตอนกลางคืนแถวๆแม่น้ำฮ่วงปูหรือยัง ? ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า

“ยังไม่เคยเลยครับ ”

ฮั่นชิงหวูได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ถ้างั้นเราไปดูด้วยกันเลยแล้วกัน ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ครูฮั่น เมื่อวานผมได้ไปดูมาเรียบร้อยแล้วยิ่งไปกว่านั้นผมเองก็มีผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ด้วย เราตกลงว่าวันนี้จะไปพบเขาที่บ้านดังนั้นคุณและฮูชิงซ่งกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อนเลยก็ได้ ผมจะนั่งรถแท็กซี่ไปที่บ้านญาติเอง”

บ้านญาติ ?

ฮั่นชิงหวูเองก็ชะงักไปพร้อมกับสำรวจถังซิ่วก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“เธอจะต้องระมัดระวังนะรู้ไหม แม้ว่าที่นี่จะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดีแต่การออกไปข้างนอกคนเดียวช่วงกลางดึกมันก็อาจเกิดอันตรายได้ ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“โอเค ! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ”

เขาปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ขับรถพาฮูชิงซ่งกลับไปก่อนที่ถังซิ่วจะไปแอบเพื่อไม่ให้เธอขับรถกลับมาดู จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร

“บอสค่ะ ”

ฉีหนานที่ได้เห็นว่าถังซิ่วกลับมาแล้วนั้นก็ยิ้มแย้มออกมาพร้อมกับเรียกอย่างสุภาพ

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“เตรียมไวน์ชั้นดีมาสองขวดแล้วพาฉันไปที่ห้องวีไอพีชั้น 4 ”

“ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่”

ฉีหนานเองก็ได้วิ่งไปที่ลิฟท์ หลังจากผ่านไปสองนาทีเธอก็ได้นำไวน์ที่กล่องดูหรูหรากลับมาสองขวดพร้อมกับพูดว่า

“นี่เป็นไวน์ที่ฉันเก็บมาเป็นเวลานาน มันดีกว่าไวน์ขวดที่ฉันได้นำไปให้พวกเขาก่อนหน้านี้แน่นอน”

ถังซิ่วได้มองไปที่เธอพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ไปกันเถอะ ”

“ก๊อก ก๊อก …..”

ห้องแขกผู้มีเกียรติที่ชั้น4ได้ถูกเคาะพร้อมกับฉีหนานที่เป็นคนเปิดประตูเข้าไป เธอมองไปที่เหมี่ยวเหวินถังและคนอื่นๆก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ ”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ยืนขึ้นและกำลังจะพูดแต่หลังจากที่เขาเห็นถังซิ่วที่ก้าวออกมาข้างหน้าแล้ว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เพื่อนถัง เมื่อกี้เราเพิ่งพูดถึงนายพอดีเลยไม่คิดเลยว่านายจะมาที่นี่ มามา เข้ามา”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันไม่ได้รบกวนนายใช่ไหม ? ”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เมื่อกี้เพื่อนๆฉันเองก็เพิ่งจะบอกว่าอยากจะพบนายอยู่พอดี ! เข้ามาสิ มา ฉันขอแนะนำให้รู้จักนี่คือซางเยวี่ยหมิงเป็นบอสของซิงหยางกรุ๊ปและรองประธานบริษัทโฆษณาส่วนนี่คือกู่ชางหมินเป็นบอสของบริษัทบันเทิงดิ่งเชินส่วนสุดท้ายนี้จินซิงกุยซึ่งเป็นบอสของบริษัทอสังหาฯจินดา พวกเรารู้จักกันมานานกว่า20ปีแล้ว”

ถังซิ่วได้มองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะจับมือกับพวกเขา หลังจากที่เขานั่งลงแล้วนั้นก็ได้เปิดไวน์ขวดหนึ่งแล้วเพลิดเพลินไปกับมันภายใต้การบริการของฉีหนาน

“ยินดีต้อนรับสู่ห้องอาหารร้องงานฉลอง วันนี้ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันโดยโชคชะตา ค่าอาหารนี่ฉันเลี้ยงเองและหวังว่าพวกคุณจะกลับมาสนับสนุนห้องอาหารของเราบ่อยๆนะ ”

ถังซิ่วได้ชูแก้วขึ้นพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“บอสถังก็สุภาพเกินไป ”

จินซิงกุยเองก็ได้พูดออกมาทันที

ถังซิ่วได้พยักหน้าให้กับเขาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะมองไปที่เหมี่ยวเหวินถังแล้วพูดว่า

“จริงๆแล้ววันนี้ฉันมาเพื่อทานอาหารเท่านั้นแต่ไม่คิดเลยว่านายจะอยู่ที่นี่ แล้วมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ ? ”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เพื่อนถัง หลังจากนี้ไม่กี่วันก็จะถึงงานประกวดไวน์แล้ว งานที่สำคัญขนาดนี้ก็ต้องมาอยู่แล้วเพราะฉันหวังว่าจะได้ดื่มไวน์ชั้นดีในปีนี้ แล้วนายไปทำอีท่าไหนถึงได้กลายเป็นเจ้าของร้านอาหารไปแล้วล่ะ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เรื่องนี้มันยาวน่ะ หลังจากนี้เราค่อยคุยกับอีกครั้งอ่อ ฉันสามารถรับประกันได้เลยว่านายจะไม่ผิดหวังที่เข้าร่วมงานประกวดไวน์ครั้งนี้อย่างแน่นอน”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“หมายความว่าอย่างไร ? อย่าบอกนะว่านายรู้ว่าจะมีไวน์ชั้นดีที่จะเปิดตัว ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ช่วงเวลาที่ฉันว่างอยู่จึงได้เปิดโรงบ่มไวน์ดูน่ะ แม้ว่าการบริหารจะยกให้คนอื่นไปดูแลแต่สูตรทั้งหมดเป็นของฉัน รอให้ถึงตอนนั้นก่อนเถอะแล้วมันจะต้องทำให้นายประหลาดใจอย่างแน่นอน”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันก็ได้ยินมาก่อนว่านายจะเปิดโรงบ่ม หากว่าสินค้าของนายดีก็จริงรับรองเลยว่านายจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องวิธีการขายเพราะฉันจะติดต่อดีลเลอร์และโฆษณามันออกไปให้เอง ”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ต้องขอปฏิเสธน้ำใจนี้ไว้เพราะว่าทางเราเองก็ได้เลือกตัวแทนจัดจำหน่ายเอาไว้ทั่วประเทศแล้ว ”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนว่านายจะมั่นใจน่าดูหนิ ”

จินซิงกุยเองก็ได้พูดออกมาทันทีว่า

“บอสถัง ในเมื่อคุณเปิดธุรกิจไวน์และฉันเองก็เป็นคนที่ชอบสะสมอยู่แล้วและต้องการจะส่งมันไปขายที่บาร์ของฉันดังนั้นฉันขอสั่งล๊อทแรก ไม่มากไม่น้อย …….50ล้านก็พอ ”

อะไรนะ ?

เหมี่ยวเหวินถังนั้นถึงกับตกตะลึง ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองก็ถึงกับหวาดผวา

นี่มันอะไรกัน ?

จินซิงกุยมันไปขายไวน์ตอนไหนกัน ? นี่มันเป็นการ…….ประจบแบบหน้าด้านๆ ?

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันเองก็ไม่ได้วางแผนว่าจะขายแบบนั้นนะแต่ในเมื่อนายเอ่ยปากมาฉันเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เอางี้แล้วกัน ไวน์ของฉันขวดละ1หมื่นแต่จะลดให้ 20 % และมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ”