…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังหยุนเด่เองก็ได้แสดงใบหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมกับถามว่า

“2.5พันล้านมันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยทีเดียวนะ แล้วลูกไปเอาเงินพวกนี้มาจากไหนกัน ? เท่าที่พ่อรู้มาคือบริษัทถังผู้สูงส่งนั้นยังไม่มีกำไรออกมาเลยไม่ใช่หรอ ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไม่ได้มีปัญหาด้านที่มาของเงินแม้แต่น้อยพ่อไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดกฎหมายส่วนหัวข้อที่เราควรจะคุยกันหลังจากนี้ไม่ใช่เรื่องของเงิน”

“แล้วเป็นเรื่องอะไรกันล่ะ ? ”

ถังหยุนเด่เองก็ได้ถามออกมาอย่างสงสัย

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“พ่อไม่สงสัยหรอว่าทำไมผมถึงได้มีศิษย์ ? ”

ถังหยุนเด่เองก็ได้จ้องมองพร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนเป็นจริงจังแล้วพูดว่า

“เรื่องนี้พ่อเองก็สงสัยเป็นอย่างมาก พ่อได้ถามหยินหยินแล้วและเธอเองก็ไม่ยอมแม้แต่จะปริปากเลย หากว่าลูกมีแค่เธอเป็นศิษย์พ่อก็จะไม่สงสัยอะไรแต่เฉินซีซ่งที่เป็นถึงนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชที่มีสินทรัพย์มากกว่าหมื่นล้านเองยังเป็นศิษย์ของลูกซึ่งมันทำให้พ่อสงสัยเป็นอย่างมาก ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ผมสามารถบ่มเพาะพลังได้เหมือนกับในหนังและเป็นนิรันด์ สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จากผมคือวิธีบ่มเพาะเหล่านี้ ”

ถังหยุนเด่เองก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ซิ่วน้อย อย่าได้โกหกสิ ! ในโลกนี้จะไปมีเรื่องนิรันด์อะไรนั่นได้อย่างไรกัน ? ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“พ่อ พ่อไม่เชื่องั้นหรอว่าโลกนี้เองก็มีเรื่องแปลกๆมากมาย เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสได้และที่บ้านเราเองนอกจากผมแล้วก็มีผู้บ่มเพาะพลังอยู่เช่นกันไม่เช่นนั้นพ่อคิดว่าจากอายุของผมแล้วจะสามารถฟื้นคืนสติให้พ่อได้งั้นหรอ ? ”

“จริงงั้นหรอ ? ”

ความสุขบนใบหน้าของถังหยุนเด่ได้หายไปทันทีพร้อมกับถามออกมาด้วยความตกตะลึง

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“แน่นอนอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามเพราะพ่อแก่แล้วผมจึงได้เตรียมสูตรยาที่จะทำให้พ่อและแม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ครึ่งปีหลังจากนี้ผมจะถ่ายทอดวิชาให้พ่อและแม่เอง ”

ถังหยุนเด่เองก็ได้ถามออกมาว่า

“เทคนิคบ่มเพาะแห่งนิรันด์ที่ลูกพูดถึงนั้นมีผลอย่างไร ? สามารถทำให้เป็นนิรันด์ได้จริงงั้นหรอ ? ”

คิ้วของถังซิ่วได้ยกตัวขึ้นก่อนที่เขาจะหายตัวไปทันทีพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าประตูแล้วถามว่า

“พ่อคิดว่าความเร็วนี่เป็นไง ?”

“เร็วเกินไปไหม ? ”

หัวใจของถังหยุนเด่เองก็กระสับกระส่าย หลังจากที่ถังซิ่วกลับมานั่งที่แล้วความรู้สึกตกตะลึงก็เอ่อล้นอยู่ภายในใจของเขา

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ความเร็วและความแข็งแกร่งของผมมากว่าคนปกติ100เท่าและตอนนี้ผมเองก็อยู่ในระดับต่ำมาก หากว่าผมสามารถตัดผ่านไปยังระดับสูงได้การจะเคลื่อนภูเขาทั้งลูกก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ”

ริมฝีปากของถังหยุนเด่ได้กระตุกก่อนที่เขาจะจ้องมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“ครึ่งปีหลังจากนี้ลูกต้องสอนเทคนิคบ่มเพาะให้พ่อนะ ! ”

ก่อนหน้านี้เขาไม่มีความหวังที่จะล้างแค้นมากนักเพราะอย่างไรก็ตามศัตรูของเขาแข็งแกร่งเกินไปแต่หากว่าเขาบ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์นี้ก็จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและสามารถล้างแค้นได้ราบรื่นยิ่งกว่าเดิม

หลังจากที่การสนทนาจบลง

ถังซิ่วและถังหยุนเด่เองก็ไดก็ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นด้วยกัน

ซูหลิงหยุนเองก็รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้ได้ปรับความเข้าใจกันแล้วซึ่งทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก

“ซิ่วน้อย พรุ่งนี้ลูกต้องไปที่มหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม ลูกจะไม่เตรียมอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรครับแม่ เมื่อถึงเวลาแล้วผมเอาแค่เสื้อผ้าไปก็พอแล้ว หากว่าไปถึงแล้วยังขาดอะไรผมก็ค่อยซื้อใหม่เอา ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับหยิบบัตรเงินสดออกมาแล้วยื่นให้ถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า

“ซิ่วน้อย นี่เป็นเงินค่าใช้จ่ายประจำวันของลูก ในบัตรนี้มีเงินอยู่1แสนและหากว่าลูกขาดอะไรก็ซื้อได้เลย ถ้าเงินไม่พอลูกก็โทรมาหาแม่นะ !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“แม่ครับ ผมรวยอยู่แล้ว แม่……”

ซู่หลิงหยุนเองก็ได้ขัดคำพูดของเขาแล้วพูดว่า

“แม่รู้ว่าลูกรวยอยู่แล้วแต่นี้เป็นเงินที่แม่ให้และลูกต้องรับเอาไว้ ไปถึงที่นั่นก็ต้องตั้งใจเรียนรู้ไหม เก็บเกี่ยวความรู้ไว้เยอะตั้งแต่ตอนหนุ่มๆเข้าใจไหม ?”

“ผมเข้าใจแล้วครับ !”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมตอบกลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น

ถังซิ่วได้ไปที่ร้านขายของกับแม่ของเขาเพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็นก่อนที่จะขับรถ Land Rover ของเขาแล้วทิ้งเอาไว้ที่บ้าน หากว่าไม่ใช่เพราะเขาโน้มน้าวซูหลิงหยุนก็คงจะไม่ยอมแน่นอน

หลังจากช่วงบ่าย

ถังซิ่วได้ไปถึงที่บริษัทของเขา ตอนนี้หน่วยรักษาความปลอดภัยเองก็จำเขาได้แล้วจึงปล่อยให้เขาผ่านเข้าไปทันที หลังจากที่ถังซิ่วได้ไปถึงห้องผู้จัดการแล้วก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกันจากด้านใน

“หัวหน้าคัง คุณต้องให้ผมไปนะ ! ผมรับรองเลยว่าจะจัดการทุกๆอย่างให้เรียบร้อย”

“ถ้าเป็นเรื่องอื่นจะไม่เป็นไรเลยแต่เรื่องนี้ฉันไม่อนุญาต ตอนนี้โรงบ่มเองก็ต้องการให้นายคอยออกคำสั่งดังนั้นนายจะต้องอยู่ที่นี่ ให้ซูเขวียนไปกับฉันแทน ฉันเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดและจะต้องผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน ”

“หัวหน้าคัง ผมไม่เข้าใจเลยว่าบริษัทของเราเองก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องให้คุณจัดการแล้วทำไมถึงได้ไปที่เซี่ยงไฮ้ด้วยตัวเอง ? ”

“ฉันมีจุดประสงค์ของฉัน”

ถังซิ่วได้ยินเช่นนั้นก็ได้แสดงรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะเคาะประตูแล้วเปิดมันออก เขาเห็นว่าคังเซี่ยนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะพร้อมกับเขวียนหน้าบากที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยใบหน้าที่ขัดแย้งกัน

“บอส ? ”

เมื่อคังเซี่ยนเห็นว่าถังซิ่วเข้ามานั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายพร้อมกับกระโดดออกจากเก้าอี้แล้วรีบเดินไปหาเขาทันทีด้วยแววตาของความอ่อนโยนที่แฝงเอาไว้

เดือนนี้ !

เธอคิดถึงเขาเป็นอย่างมาก มากถึงขั้นที่เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยก็ว่าได้

หาก………

หากว่าบริษัทไม่ได้มีเรื่องที่ต้องจัดการเธอก็อยากจะพุ่งไปหาถังซิ่วที่เกาะเก้ามังกรทันที

เขวียนหน้าบากที่ได้เห็นการมาถึงของถังซิ่วเองก็ได้แสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมาอย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นคังเซี่ยนแสดงท่าทางของหญิงสาวก่อนที่จะควงแขนถังซิ่วเอาไว้นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เธอจะไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อเข้าร่วมงานประกวดไวน์ด้วยตัวเองงั้นหรอ ? ”

คังเซี่ยนเองก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมพูดว่า

“ฉันคิดว่าหลังจากที่คุณกลับมาจากต่างประเทศแล้วจะไม่กลับมาที่เมืองนี้แล้วซะอีกดังนั้นฉันจึงจะไปหาคุณที่เซี่ยงไฮ้ !”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะมองไปที่เขวียนหน้าบากแล้วพูดว่า

“เรื่องงานประกวดไวน์ที่เซี่ยงไฮ้เองก็ปล่อยให้คังเซี่ยนไปซะ ! ไวน์ชั้นเลิศของเราจะต้องเปิดตัวอย่างอลังการและงานประกวดเองก็เป็นโอกาสชั้นเยี่ยม”

เขวียนหน้าบากเองก็ได้มองไปที่คังเซี่ยนพร้อมกับหันไปมองที่ถังซิ่วก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมา เขารู้แล้วว่าทำไมคังเซี่ยนถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ไปเซี่ยงไฮ้ ที่แท้เป้าหมายของเธอก็ไม่ใช่งานประกวดแต่เป็นการไปพบกับแฟนหนุ่มของเธอนี่เอง !

“บอสครับ ผมเข้าใจแล้ว ”

แม้ว่าเขวียนหน้าบากจะรู้สึกขัดใจแต่เมื่อรู้ถึงเป้าหมายของคังเซี่ยนแล้วเขายังจะกล้าเอ่ยปากขอไปเองอีกได้ไงกัน

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เรื่องการบ่มไวน์เป็นอย่างไรบ้าง ? ”

เขวียนหน้าบากเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ผมได้บรรลุเงื่อนไขทุกอย่างที่บอสเคยบอกไว้เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้โรงบ่มของเราสามารถผลิตไวน์ออกมาได้2หมื่นขวดแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะมีแต่2สายการผลิตแต่ภายในสิ้นเดือนนี้มันจะต้องเพิ่มเป็น5อย่างแน่นอน หลังจากที่หัวหน้าคังสั่งการให้ส่งของออกไปเมื่อไหร่เราก็สามารถจัดส่งไวน์ของเราให้นายหน้าทั่วประเทศครับ”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“จำไว้ว่าไวน์ชั้นเลิศของเรานั้นห้ามมีล้นตลาดโดยเด็ดขาด ฉันได้อ่านหนังสือการตลาดมาบ้างและการที่ทำให้อุปสงค์มีมากขึ้นก็จะทำให้เกิดเรื่องที่น่าสนใจ”

“อะไรคืออุปสงค์หรอครับ ? ”

เขวียนหน้าบากเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสน

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ความต้องการสินค้าไงล่ะ !”

คังเซี่ยนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้พูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“บอส ความหมายของคุณคือการที่เราจะขายแบบจำนวนจำกัดงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ใช่แล้ว จำนวนไวน์ที่เราจะปล่อยสู่ตลาดในแต่จะปีต้องไม่เกิน1แสนขวด แต่ละขวดเองก็มีราคา1หมื่นและหากว่าขายได้ทั้งหมดเราก็จะได้เงิน1พันล้าน”

คังเซี่ยนเองก็ได้ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“บอส ฉันรู้ว่าเงิน1พันล้านมันมากมายแต่……”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันเข้าใจดี เงินแค่1พันล้านมันไม่พอสำหรับพวกเราแต่เราต้องหวังผลกำไรระยะยาวเข้าไว้และฉันรู้ว่าเธอน่าจะเข้าใจ เราขายในราคาที่ถูกและจำนวนจำกัด เมื่อถึงเวลาที่มันขาดตลาดและอุปสงค์ล้นตลาดแล้วเราก็ค่อยเพิ่มราคาของมัน เมื่อถึงเวลาแล้วโรงบ่มของเราจะต้องทำกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน”

ดวงตาของคังเซี่ยนเองก็สว่างขึ้นพร้อมกับพูดว่า

“ฉันเข้าใจแล้ว”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับมองไปที่เขวียนหน้าบากก่อนที่จะพูดว่า

“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม ? ”

เขวียนหน้าบากเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“ไม่มีอะไรแล้วครับ”

เมื่อพูดจบเขาก็ตระหนักได้ว่าถังซิ่วกำลังเชิญให้เขาออกไปแบบสุภาพ ทันใดนั้นเขาเองก็ได้ทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วเดินออกไปทันที

ถังซิ่วได้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถามคังเซี่ยนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามว่า

“ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทเราเป็นอย่างไรบ้าง ? แล้วเรื่องผลิตภัณฑ์เสริมความงามและสุขภาพล่ะ ? ”

คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า

“กำลังเก็บรวบรวมไว้ในโกดังค่ะแต่ตอนนี้เงินหมุนสภาพคล่องของบริษัทเองก็เหลือไม่เยอะแล้ว”

ถังซิ่วได้หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับโอนเงินไปยังกองทุนบริษัทแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เรื่องเงินนี่ขอให้บอก ฉันได้โอนเงินไปกองกลางของบริษัทแล้ว1พันล้านแล้ว ส่วนเรื่องจะใช้จ่ายอย่างไรก็แล้วแต่เธอ ”

1พันล้าน ?

ดวงตาของคังเซี่ยนเองก็เป็นประกายพร้อมกับพูดว่า

“หากว่ามีเงิน1พันล้านนี้ฉันรับประกันเลยว่าก่อนวันที่ 1 ตุลาคมสินค้าทั้งหมดของเราจะออกจากโกดังและแจกจ่ายไปยังร้านค้าต่างๆอย่างแน่นอน ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เรื่องนี้เธอจัดการแล้วกัน อ่อใช่ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินเธอพูดถึงซูเขวียน เขาเป็นไงบ้าง ? ”

คังเซี่ยนเองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า

“เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดมากๆและดูอารมณ์ของคนได้ดี เขารู้วิธีปฏิบัติงาน ก่อนหน้านี้ฉันได้ให้เขาเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยและสามารถจัดการกับปัญหาได้ถึง2ครั้ง ตอนนี้ฉันให้เขาเป็นรองผู้จัดการของโรงบ่มแล้ว ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถบดบังความสามารถของเขาได้ ตอนนี้ทุกอย่างได้ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและหากว่าเราฝึกเขาดีๆก็จะสามารถขึ้นเป็นผู้จัดการระดับอาวุโสของบริษัทเราได้อย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เขาเป็นเด็กที่ฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ”

คัวเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คนบางคนเองก็มีความสามารถในการทำธุรกิจตั้งแต่ยังเด็ก เขาโดดเด่นเป็นอย่างมากแต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีต้นทุน หากว่าเขาสามารถเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ฉันก็เชื่อว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ดูเหมือนว่าเธอจะชื่นชมเขาจังเลยนะ ! ในเมื่อเขาเก่งขนาดนี้ก็มอบหมายงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบสูงๆให้เขาดูแล้วกัน ฉันเชื่อใจเขา”