…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ฉีเฉินชางเองก็รู้จักกับดูชางซี่มานานหลายสิบปีแต่พวกเขาเป็นพ่อค้าซึ่งเขาสามารถเข้าใจได้ถึงเรื่องที่ดูชางซี่เรียกเงินกับเขา

เพียงแค่ !

ข่าวอะไรกันที่มีค่าถึง1พันล้าน ?

หลังจากที่ฉีเฉินชางนั้นได้ส่งเงินไปให้ดูชางซี่ด้วยบัญชีลับแล้วก็ได้มีเรียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับฉีเฉินชางที่อยู่ตรงทางระเบียงเองก็กดปุ่มตอบรับ

“เพื่อนฉี หากว่าเป็นไปได้ก็ให้มาหาฉัน เรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถพูดทางโทรศัพท์ได้อย่างไรก็ตามฉันหวังว่านายจะรีบๆมาที่นี่นะเพราะตัวนายเองกำลังแข่งกับเวลาอยู่”

เสียงของดูลางซี่เองก็ได้ถูกส่งผ่านมาทางโทรศัพท์ทันที

“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ !”

ฉีเฉินชางเองก็ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“อย่างแรกคือเราอย่าเพิ่งโทรหากันเลยและนายควรจะพาลูกชายของนายมาด้วยเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา”

“หมายความว่าอย่างไร ? ”

“อย่าได้ตั้งคำถาม มาแล้วเดี๋ยวฉันจะอธิบายเอง”

การสนทนาของพวกเขาก็ได้จบลง

ฉีเฉินชางเองก็ตกอยู่ในภวังค์ เขาได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโทรไปหาฉีชางซิงพร้อมกับให้เขามาที่นี่ทันที

หน้าประตูทางเข้าโรงแรม

รถ Bentley ก็ได้จอดอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับฉีเฉินชางที่ได้ยืนอยู่ข้างๆมันขณะที่มองไปยังรถสปอร์ต Porsche ที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก เขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องใหญ่ที่ดูชางซี่พูดถึงนั้นต้องเกิดมาจากลูกชายของเขาแน่นอน

“คุณพ่อ บอกให้ผมรีบมาที่นี่ทำไมงั้นหรอครับ ? ”

ฉีชางซินเองก็เพิ่งดื่มไวน์มาเพราะหลังจากที่เขาประสบเหตุการณ์ในวันนี้แล้วก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีนักจึงได้ชวนเพื่อนๆไปดื่มกันเพื่อลืมความรู้สึกนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับสายของพ่อเขาแล้วก็ทำให้หัวใจเขารู้สึกไม่ดีอีกครั้ง

ฉีเฉินชางเองก็ได้เข้าไปนั่งพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ขึ้นมา เราจะไปที่ที่หนึ่งกัน”

ฉีชางซิงเองก็ได้ให้กุญแจรถPorsche ของเขากับพนักงานรักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถแล้วถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“คุณพ่อต้องการพาผมไปที่ไหนงั้นหรอ ?”

ฉีเฉินชางเองก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เมื่อกี้ดูชางซี่ได้โทรมาหาฉันเพื่อต้องการจะขายข่าว แกรู้ไหมว่าเขาขายมันในราคาเท่าไหร่ ? ”

ดูชางซี่ ?

พ่อของดูหยาง ?

ความรู้สึกกังวลได้เพิ่มขึ้นในจิตใจของเขาก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ผมไม่รู้เหมือนกัน”

ฉีเฉินชางเองก็ได้พูดออกมาว่า

“1 พันล้าน ! ”

ฉีชางซิงเองก็ถึงกับจ้องมองด้วยดวงตากลมโตที่กำลังเบิกกว้างพร้อมกับโห่ร้องออกมาว่า

“แล้วพ่อตอบตกลงหรือเปล่า ? ”

ฉีเฉินชางเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันรู้จักนิสัยของเขาดีว่าหากไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเขาคงไม่เอาเงิน1พันล้านมาล้อกับฉันเล่นอย่างแน่นอน ก่อนที่จะไปเจอเขาฉันอยากจะถามแกหน่อยว่าได้ไปสร้างเรื่องอะไรขึ้น ? ”

ใจของฉีชางซิงเองก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก่อนที่ท่าทางของเขาจะกลายเป็นน่าเกลียด เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถปกปิดมันได้อีกแล้วดังนั้นจึงได้แต่อธิบายออกไปอย่างขมขื่นว่า

“คุณพ่อ ผมได้สร้างปัญหาก็จริง วันนี้………….”

ฉีชางซิงเองก็ได้อธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมกับพูดว่า

“ฝ่ายตรงข้ามเองก็ได้บอกว่าให้ผมมาหาพ่อเพื่อให้ไปขอโทษเขาแต่ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นเพราะผมไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นและผมเองก็ได้ถอยมาหลายก้าวแล้ว”

แววตาของฉีเฉินชางเองก็ได้เย็นยะเยือกพร้อมกับพูดออกมาว่า

“แกเห็นว่าเจียงหยูและเฉินเฟย์ได้ถูกผู้จัดการของห้องอาหารร้อยงานฉลองจริงๆงั้นหรอ ? ”

ฉีชางซิงเองก็ได้พยักหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพูดว่า

“แน่นอนอย่างถึงที่สุด ตอนนั้นผมเห็นว่าพวกเขาไม่ได้นำตัวดูหยางไป ผมเองก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ”

ฉีเฉินชางเองก็ได้ปิดตาลงช้าๆพร้อมกับครุ่นคิด เขารู้จักห้องอาหารร้อยงานฉลองดีเพราะเขาได้นำเพื่อนๆไปสังสรรค์ที่นั่นอยู่บ่อยๆส่วนเรื่องของเทียนหลี่เองนั้นเขาไม่ค่อยจะรู้มากนักแต่ก็ได้พบกันบ้างและรับรู้ว่าเธอเป็นพวกที่ใจดีและน่ารัก

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเทียนหลี่ถึงได้เปลี่ยนบุคลิกไปแบบนี้ กล้าที่จะลักพาตัวเจียงหยูและเฉินเฟย์ ต้องรู่ก่อนว่าเด็กทั้งสองคนนั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

อย่าบอกนะว่า…….

เทียนหลี่ไม่กลัวว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองจะไม่มีที่อยู่ในเกาะฮ่องกงนี้ ?

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

ฉีเฉินชางเองก็ได้ตัดสินใจว่าจะโทรไปหาเจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่เพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากที่เขาโทรไปหาเจียงเทียนป้าแล้วนั้นต้องใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่งกว่าเขาจะรับสาย

“เพื่อนเจียง ฉันตาเฒ่าฉีเอง โทรไปดึกดื่นแบบนี้ก็หวังว่าจะไม่รบกวนนายใช่ไหม ? ”

“มีเรื่องอะไรก็พูดมา !”

เสียงดุดันได้ถูกส่งผ่านไปทางปลายสาย เสียงเหล่านั้นปะปนไปด้วยความโกรธเล็กน้อย

ฉีเฉินชางเองก็ชะงักไปด้วยความสับสนก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เพื่อนเจียง ฉันได้ยินมาจากลูกชายว่าลูกชายของนายได้มีปัญหากับห้องอาหารร้อยงานฉลอง นี่มันเรื่องอะไรกันงั้นหรอ ? ”

“ไปหาเอาเองสิ !”

ทันใดนั้นเจียงเทียนป้าเองก็ได้ตัดสายไปทันที

ฉีเฉินชางที่กำลังได้ยินเสียงสัญญาณขาดหายอยู่นั่นถึงกับรู้สึกว่ามีหมอกหนาเกิดขึ้นกลางหัวใจของเขาเพราะเจียงเทียนป้าและเขานั้นเป็นเพื่อนกันมานานแล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ? เขาทำตัวเหมือนกันว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมา

ฉัน………

ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไปไม่ใช่หรอ ?

หลังจากที่เขาตั้งสติได้แล้วนั้นเขาก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะโทรไปหาเฉินเจียนเย่

“มีอะไร ? ”

เสียงต่ำและลึกของเฉินเจียนเย่ได้ถูกส่งมาทางปลายสาย

ฉีเฉินชางเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เฒ่าเฉิน ฟังจากน้ำเสียงนายแล้วดูเหมือนว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นงั้นหรอ ? ”

เฉินเจียนเย่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“หากว่าเป็นนายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้เวลาสั่งสมมาอย่างยากเย็นและขมขื่นนั้นได้หายไปในพริบตานายจะยังคงมีความสุขไหมล่ะ ? ”

ฉีเฉินชางเองถึงกับตกตะลึงเพราะหลังจากที่เฉินเจียนเย่ได้พูดจบแล้วก็ได้ตัดสายไปทันที

นี่มันหมายความว่าไง ?

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้เวลาสั่งสมมาอย่างยากเย็นและขมขื่นนั้นได้หายไปในพริบตา ?

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งหัวใจพร้อมกับความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา อย่าบอกนะว่าเจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการปะทะกับห้องอาหารร้อยงานฉลอง ?

ความคิดนี้ได้หยุดทันทีเพราะเขาคิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าห้องอาหารร้องงานฉลองจะพอมีฝีมืออยู่บ้างแต่ก็ไม่มีทางที่จะสามารถจัดการเจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่ได้อย่างแน่นอน

ย่านจิมซาจุ่ย

ฉีเฉินชางเองก็ได้พาลูกชายของเขามาที่บ้านของตระกูลดู หลังจากที่เขาพบกับดูชางซี่แล้วก็ได้ถามออกมาทันทีว่า

“เพื่อนดู บอกมาเลยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีข่าวอะไรจะขาย ? ”

ดูชางซี่เองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับมองไปที่ฉีชางซิงก่อนที่จะพูดว่า

“ไปคุยกันข้างในเถอะ ! ข้างนอกมันไม่เหมาะ”

ในห้องทำงาน

หลังจากที่ฉีเฉินชางในนั่งลงบนเก้าอี้แล้วดูชางซี่เองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“เพื่นอฉี หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ฉันจะไม่เก็บเงินนายอย่างแน่นอนทว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในช่วงยากลำบากฉันหวังว่านายจะไม่โทษฉันเพราะพวกเราให้กำเนิดลูกที่ดีจริงๆ พวกเขาสามารถชักนำหายนะมาสู่พวกเราได้”

“นายว่ามาสิ !”

ฉีเฉาชางเองก็ได้พูดออกมาด้วยคิ้วที่กำลังขมวดอยู่

ดูชางซี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“ในเมื่อนายพาลูกของนายมาด้วยก็น่าจะรู้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนได้ไปมีปัญหากับบอสของห้องอาหารร้อยงานฉลองสินะ ? ”

ฉีเฉินชางเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“รู้แล้ว”

ดูชางซี่เองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ลูกชายของเจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่นั้นถูกจับตัวไว้ที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองโดยเทียนหลี่ เขาติดต่อฉันมาทันทีพร้อมกับนำกำลังคนไปกว่า200คนเพื่อสั่งสอนห้องอาหารนั่น ท้ายที่สุดแล้วคนที่เจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่นำไปนั้นได้ถูกฆ่าทั้งหมด หุ้นของพวกเขาถูกยึดไป49%แต่ฉันได้จ่ายเงินจำนวน3พันล้านเพื่อรักษาชีวิตลูกชายและลูกน้องเอาไว้”

“อะไรนะ ? ”

ฉีเฉินชางเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งเครียดทันที

ตกตะลึง !

เขารู้สึกตกตะลึงกับข่าวที่ได้ยิน !

เขารู้ดีถึงพลังอำนาจของทั้งสามคนนี้ หากว่ารวมเงินของพวกเขาทั้งหมดแล้วต้องไม่แพ้หลี่จูเหลินอย่างแน่นอน ห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นเป็นอะไรกัน ? พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกันแล้วก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้งั้นหรอ ?

“เพื่อนดู นายกำลังล้อฉันเล่นหรือเปล่า ? ”

ริมฝีปากของฉีเฉินชางเองก็ได้ขดทันทีพร้อมถามออกมา

ดูชางซี่เองก็ได้ทำหน้าตาจริงจังพร้อมกับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“นายดูสิว่าหน้าฉันเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่ไหม ? ลูกน้องของเจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่ที่ฟูมฟักกันมาอย่างยากเย็นได้ตายไปทั้งหมดพร้อมกับทรัพย์สิน2/3ได้ถูกยึดไปหมด หากว่าไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามพวกเขาดูสิ ”

ทันใดนั้น

ฉีเฉินชางเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเฉินเจียนเย่และเจียงเทียนป้าถึงได้พูดกับเขาด้วยท่าทางแบบนั้น

พวกเขาสูญเสียอย่างน่าอนาถ !

เมื่อคิดถึงตรงนี้ได้ท่าทางของเขาก็ซีดเผือดทันทีพร้อมกับนึกอะไรบางอย่างได้แล้วถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ความหมายของนายคือ………ฝ่ายตรงข้ามจะมาคิดบัญชีกับฉันด้วย ? ”

ดูชางซี่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“เพื่อนฉี นายยังไม่ได้เห็นอย่างที่ฉันได้เห็น ซากศพกว่าร้อยคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ฝ่ายตรงข้ามนั้นโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีอย่างมากโดยเฉพาะบอสของพวกเขาที่อายุราวๆ20ปีแต่กลับฆ่าคนไปมากว่า20คน นายคิดว่าพวกเราต้องจ่ายขนาดนี้แล้วเขาจะไม่มาคิดบัญชีกับนายงั้นหรอ ? ”

ริมฝีปากของฉีเฉินชางเองก็กระตุกอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะเหวี่ยงฝ่ามือไปตบลูกชายของเขาจนแทบจะทรุดลงกับพื้นทันที

“เพื่อนดู อีก500ล้านนั้นฉันจะรีบโอนไปให้นายทันที ขอตัว !”

เมื่อพูดจบฉีเฉินชางเองก็ได้พาตัวฉีชางซี่ออกไปทันที

ห้องอาหารร้อยงานฉลองฝั่งเหนือ

ศพกว่าร้อยพร้อมกับคราบเลือดนั้นได้ถูกเก็บกวาดไปทั้งหมดแต่ภายในห้องเองก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดอยู่จางๆ

“เราจะกลับไปเกาะจิงเหมินเลยไหมค่ะ ?”

เฮาเหล่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขนั้นได้ถามออกมาทันทีขณะที่เธอกำลังมองดูห้องอาหารที่สะอาดพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ได้เดินออกไป

เทียนหลี่เองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ยังมีบางเรื่องที่ยังไม่จัดการ”

เฮาเหล่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”

ริมฝีปากของเทียนหลี่เองก็ได้ยกขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ยังมีใครบางคนที่ยังไม่มาที่นี่ หากว่ามันนี้พวกเขาไม่มาฉันก็คิดว่าจะไปเยี่ยมพวกเขาเสียหน่อย ”

“ใครกัน ? ”

เฮาเหล่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

เทียนหลี่ได้ตอบกลับไปว่า

“ฉีเฉินชาง”

เฮาเหล่ได้ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า

“เรื่องในวันนี้เองก็เกี่ยวกับเขาด้วย ? ”

เทียนหลี่เองก็ได้ยักไหล่พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็เขาดันให้กำเนิดลูกที่นำความหายนะมาให้หนิจะให้ทำไง ยังไงเขาก็เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว”

เฮาเหล่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“เทียนหลี่ เธอรู้สึกเหมือนฉันไหมว่าบอสนั้นเป็นเหมือนเครื่องผลิตเงินเดินได้เลยนะ มาแค่วันเดียวก็สามารถสร้างรายได้เท่ากับกำไรทั้งปีของบริษัทเรารวมกัน”