…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ซางซินหยาเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วอย่างโง่งมโดยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินพร้อมหัวใจของเธอที่เต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ใต้บังคับบัญชาจองเขา ?

แขกที่สร้างความตกตะลึงที่ไม่ไว้หน้าหลีจูเหลินนั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ? หรือจะพูดให้ง่ายๆคือคนที่ซื้อโสมหาและแร่หินนั้นคือถังซิ่ว ?

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่เธอด้วยความรู้สึกตลกๆหลังจากที่เห็นเธอทำหน้าแบบนั้น มันดูเหมือนแมวน้อยที่แสดงความน่าหลงใหลออกมา

ทันใดนั้นแววตาของถังซิ่วก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“หลังจากนี้ยังมีอะไรต้องทำอีกไหม ? ”

ซางซินหยาเองก็ได้กลืนน้ำลายกลับลงไปก่อนที่จะส่ายศีรษะของเธอแล้วพูดว่า

“ตอนนี้การประมูลก็ได้จบลงแล้ว ฉันว่างแล้วล่ะ ”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามขึ้นมาว่า

“เธอรู้จักฮ่องกงดีไหม ? ”

ซางซินหยาได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบว่า

“แน่นอนว่ารู้จักดีเพราะฉันเป็นคนที่นี่ !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ในเมื่อตอนนี้เธอว่างใช่ไหม ? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่และจะกลับไปวันพรุ่งนี้ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปที่ต่างๆ เราไปหาอะไรทานกันไหม ?”

ซางซินหยาเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“กลับพรุ่งนี้ ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ใช่แล้ว ฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการที่ต่างประเทศ ”

ซางซินหยาเองก็ได้พูดออกมาว่า

“นายรอสักครู่ ฉันกลับไปเอากระเป๋าที่หลังเวทีก่อน ! ที่นี่นั้นมีอาหารอร่อยมากมายฉันจะพานายไปทานพวกมันเอง”

ถังซิ่วเองก็ได้หรี่ตาลงพร้อมกับมองไปที่ชายที่กำลังเดินมาข้างหลังเธอ

แม้ว่าหลี่จูเหลินนั้นจะแก่แต่ก็ยังมีร่างกายที่แข็งแรง เขาไม่ต้องให้คนคอยพยุงแม้แต่น้อยพร้อมกับการก้าวเดินที่มั่นคง ข้างๆของเขาเองก็มีผู้คุ้มกันถึงสองคน

“หนุ่มน้อย เธอมีชื่อว่าอะไรงั้นหรอ ? ”

“สกุลถัง ถังซิ่ว”

หลี่จูเหลินเองก็พยักหน้าช้าๆพร้อมกับถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หากว่าฉันเดาไม่ผิดเธอต้องรู้จักกับหญิงชราที่แย่งโสมป่ากับฉันใช่ไหม ? หรือว่าเธอมีความสัมพันธ์กับหญิงคนนั้น ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างไม่แยแสว่า

“เดาแม่นหนิ เธอเป็นลูกน้องของฉัน”

หลี่จูเหลินเองไม่เคยคาดคิดว่าหญิงชราคนนั้นจะเป็นลูกน้องของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทันทีว่า

“น้องชายถัง เด็กหนุ่มอย่างเธอช่างน่าสนใจจริงๆเพราะมันหาได้ยากนัก หากว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงเธอก็ต้องดูแลหญิงคนนั้นดีๆนะเพราะอย่างไรก็ตามเธอก็แก่ชราแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะต้องเกษียณแล้วไปอยู่อย่างสงบๆได้แล้ว”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“แล้วคุณไม่สนใจที่จะไปอยู่สงบๆตอนอายุเยอะเหมือนกันงั้นหรอ ? ”

“…….”

หลี่จูเหลินเองก็ได้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“น้องชายนี่น่าสนใจจริงๆ มีเวลาว่างไหม ? เราไปทานอาหารด้วยกันไหม ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดออกมาว่า

“ต้องขอโทษด้วยเพราะฉันมีนัดกับเธอแล้ว”

หลี่จูเหลินเองก็ได้จ้องมองอย่างโง่งม เขาไม่เคยว่าถังซิ่วจะปฏิเสธเขา

หลายปีมานี้น้องจากสาวสวยสกุลคังแล้วก็ไม่มีใครปฏิเสธคำเชิญของเขาอีกเลย

ซางซินหยาเองก็ถึงกับตกตะลึง เธอไม่คิดว่าหลี่จูเหลินจะมาหาถังซิ่วพร้อมเชิญเขาด้วยตัวเอง สิ่งที่ทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อนั้นคือการที่ถังซิ่วตอบปฏิเสธไป เมื่อคิดถึงอำนาจของหลี่จูเหลินแล้วเธอก็ได้รีบพูดออกไปอย่างรวดเร็วว่า

“คุณถัง ฉันไม่ได้เป็นคนใจแคบแบบนั้น”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“ในเมื่อเธอไม่ว่าอะไรงั้นเราก็ไปทานที่เดียวกันเลย ! คุณเป็นถึงเจ้าถิ่นดังนั้นคุณจัดการแล้วกัน”

ซางซินหยาเองก็ได้มองไปที่หลี่จูเหลินพร้อมกับนิ่งเงียบไป

หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“อ่อที่แท้น้องชายถังก็ไม่ใช่คนที่นี่นี่เอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปที่ของฉันไหม ? ก่อนหน้านี้เพื่อของฉันจากเมืองหลวงได้ส่งใบชาชั้นดีมาให้ เราไปดื่มมันไหม ? ”

“โปรดนำทาง !”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างสงบ

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงลอยมาจากที่ไกลพร้อมกับเกอเจิ้งเต่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ลุงหลี ผมไปด้วยได้ไหม ?”

หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เจิ้งเต่า เธอต้องการู้เบื้องหลังของผู้ซื้อโสมป่างั้นหรอ ? ”

เจิ้งเต่าเองก็ได้แสดงท่าทางอึดอัดออกมาแต่ในพริบตานั้นท่าทางของเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยิ้มว่า

“ฮ่า ฮ่า เพื่อโสมป่าแล้วถึงกับโปรยเงินไปกว่า2พันล้านดังนั้นจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆดังนั้นผมจึงสงสัยถึงสถานะของผู้ซื้อคนนั้น น้องชายมีชื่อว่าอะไร ?”

“ถังซิ่ว ”

ถังซิ่วไม่ค่อยจะสบอารมกับพวกเขาเท่าไหร่นักเพราะมันทำให้เขาต้องจ่ายเงินประมูลในราคาที่สูงขึ้น

เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้ยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า

“ฉันชื่อว่าเกอเจิ้งเต่า”

ถังซิ่วได้จับมือกับเขาแล้วพูดว่า

“เราไปกันเถอะ !”

เมื่อออกไปจากห้องประมูลแล้วรถก็ได้จอดรอเหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลาย ด้านนอกนั้นมีผู้คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่มากมายและเมื่อเห็นเจิ้งเต่ากับหลี่จูเหลินนั้นพวกเขาก็ได้เข้ามาทักทายโดยทันที หลี่จูเหลินนั้นเป็นคนที่อัธยาศัยดีดีมากดังนั้นเขาได้ยิ้มไปให้ทุกคนและหลังจากที่พวกเขาได้จากไปแล้วฝูงคนก็ได้พูดกันว่า

“เด็กหนุ่มที่อยู่กับหลี่จูเหลินและเกอเจิ้งเต่านั้นเป็นใครกัน ? จำได้ว่าเขานั่งอยู่ข้างๆกับหญิงชราที่ประมูลโสมป่านั่นหนิ ? ”

“เด็กคนนั้นมีสถานะอะไรกัน ? ทำไมเขาถึงได้เดินไปกับหลี่จูเหลินได้ ? ”

“ดูเหมือนว่าซางซินหยาและเด็กหนุ่มคนนั้นเองก็รู้จักกันนะ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาขึ้นรถคันเดียวกัน ?”

“ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นมาก่อน เขามาจากตระกูลไหนกัน ? ”

“……”

อ่าวน้ำลึก ที่พักของหลี่จูเหลิน

เมื่อรถทั้งห้าคันได้มาถึงที่พักแห่งนี้ หลังจากที่พวกเขาไปจอดแล้วถังซิ่วและซางซินหยาเองก็ได้เดินมาคู่กับพร้อมกับมองไปที่บ้านพักของหลี่จูเหลินด้วยความสงสัยเพราะจลอดมานี้นักข่าวและปาปารัสซี่มากมายเองก็ไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพบ้านของเขาเลยแม้แต่น้อย

“เป็นไงบ้างน้องชายถัง ที่นี่ดีไหม ? ”

หลีจูเหลินได้เชิญพวกเขาทั้งหมดเข้าไปภายในบ้านพร้อมกับนั่งที่ห้องรับแขกตรงชั้นหนึ่งแล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขามจากถังซิ่ว มันเป็นอะไรที่ผู้คนระดับแนวหน้าเท่านั้นที่สามารถมีได้ดังนั้นเขาถึงได้สงสัยเป็นอย่างมาก

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างสงบว่า

“ก็ดี การตกแต่งภายในเรียบร้อยพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ที่ดูดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮวงจุ้ยดีมากๆ คงจะไปหาคนมาดูที่ให้สินะ ? ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“น้องชายถังเข้าใจฮวงจุ้ยด้วยงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เข้าใจ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้แสดงท่าทางเคารพออกมาทันทีเพราะเขาเชื่อในเรื่องพวกนี้มากๆ คนที่มีความสามารถระดับปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยนั้นมีสถานะที่สูงมากๆภายในโลกนี้

“น้องชายถังบอกได้ไหมว่ามาจากตระกูลไหน ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ต้องขอโทษด้วยแต่บอกไม่ได้จริงๆ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้แสดงท่าทางเสียใจเล็กน้อย เหตุผลที่เขาเชิญถังซิ่วมาที่นี่ก็เพื่อที่จะรู้ว่าเขาต้องการซื้อโสมป่าไปทำอะไรทำไมถึงได้ยอมจ่ายด้วยเงินถึง2พันล้าน

“น้องชายถังมาจากที่ไหนงั้นหรอ ? ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่นะ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“จังหวัดชวนฉิง”

เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พูดออกมาว่า

“การพัฒนาเองก็เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ฉันเองก็เคยไปที่นั่นและพบว่ามีตระกูลร่ำรวยอยู่มากมายแต่ฉันยังไม่เคยได้ยินถึงตระกูลถังที่นั่นเลยแม้แต่น้อย จากการที่น้องชายสามารถใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อโสมแล้วก็แสดงว่าจะต้องมีเบื้อหลังที่ใหญ่โตมากเลยใช่ไหม ? ”

“ริ้งงงงงงง ริ้งงงงง ริ้งงงงงง…….”

ทันใดนั้นเสียงเรียกข้าวของถังซิ่วก็ได้ดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา เขาได้หยิบมันออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเจ้าของหมายเลขเหล่านั้น หลังจากที่กดปุ่มตอบรับแล้วเขาก็พูดออกมาว่า

“ฉันถังซิ่ว”

“บอส ฉันเทียนหลี่ ตอนนี้รอบๆของห้องอาหารเราถูกล้อมไปด้วยอันธพาลมากมาย หากว่าฉันเดาไม่ผิดต้องเป็นคนของเจียงกรุ๊ป บริษัทอสังหาฯหวางหยวนและโรงบ่มไวน์ดูกังอย่างแน่นอน เฮาเหล่ได้นำหน่วยรักษาความปลอดภัยจากร้านอัญมณีแกรนด์ฟอร์จูนมาแล้ว คุณต้องการให้จัดการอย่างไร ? ”

ท่าทางของถังซิ่วเปลี่ยนไปเป็นเยือกเย็นก่อนที่แววตาของเขาจะปรากฏจิตสังหารออกมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำว่า

“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ หากว่ามันกล้าเหิมเกริมก่อนที่ฉันจะไปถึงก็ตอบโต้ได้ทันที”

“รับทราบค่ะ !”

เทียนหลี่เองก็ได้ตอบกลับด้วยความเคารพ

ถังซิ่วได้วางสายไปพร้อมกับมองไปที่หลี่จูเหลินและเกอเจิ้งเต่าที่กำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจอยู่ เขาได้พูดออกมาไปว่า

“ทั้งสอง พอดีว่าผมมีเรื่องที่ต้องจัดการนิดหน่อยและหากว่ามีโอกาสหลังจากนี้เราจะมาดื่มด้วยกันอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นคือผมจะตอบคำถามเมื่อครู่นี้ของของคุณเกอ ผมได้สร้างทุกอย่างด้วยมือของตัวเองหากว่าคุณมีเวลาก็สามารถมาอุดหนุนห้องอาหารร้อยงานฉลองของเราได้ หากว่านับเรื่องธุรกิจแล้วที่นั่นก็คือธุรกิจของผม”

เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้มองไปที่ซางซินหยาพร้อมพูดว่า

“ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะไม่สามารถไปเที่ยวกับเธอได้แล้ว รอให้ฉันมาที่นี่อีกครั้งแล้วจะติดต่อไปหาเธอ !”

ซางซินหยาเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ฉันจะไปกับคุณ”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ

หลี่จูเหลินเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความรู้สึกประหลาดใจพร้อมกับพูดว่า

“น้องชายถัง ฉันรู้ว่าศูนย์ใหญ่ของห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นอยู่ที่เกาะจิงเหมินแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็นเจ้าของที่นั่น จากที่ฟังดูเมื่อครู่แล้วดูเหมือนว่าที่ร้านกำลังมีปัญหา ? ฉันพอมีเส้นสายอยู่ในฮ่องกงบ้างจะให้ฉันช่วยอะไรไหม ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไม่เป็นไร ผมจะไปจัดการด้วยตัวเอง”

หลี่จูเหลินและเกอเจิ้งเต่าได้มองไปที่หลังของถังซิ่วและซางซินหยาที่กำลังเดินจากไปพร้อมกับหันไปที่เลขาฯของเขาแล้วพูดว่า

“ส่งคนไปสืบพื้นหลังทั้งหมดของถังซิ่วและยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น”

“ได้ค่ะ !”

เลขาฯเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมเดินจากไปทันที

เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณลุงหลี่ ดูเหมือนว่าคุณจะให้ความสำคัญกับถังซิ่วคนนี้มากๆเลย ? นี่มันไม่เหมือนคุณเลยนะ ”

หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ฉันรู้สึกได้ถึงท่าทางที่น่าเกรงขามได้จากเขาคนนี้และไม่อยากจะเชื่อว่าจะสามารถปลูกฝังความรู้สึกน่าเกรงขามนี้ให้กับเด็กหนุ่มอายุ20กว่าๆได้ยกเว้นว่าเขาจะอยู่กับผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจมากมาตั้งแต่ทารกดังนั้นฉันถึงได้สงสัยในตัวเขา ”