…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เทียนหลี่เองก็ได้แสดงท่าทางกดขี่เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เธอมักจะแสดงรอยยิ้มต้อนรับแขกเสมอเพราะพวกเขาไปที่ห้องอาหารเพื่อจะเสียเงินทว่าตอนนี้พวกเขากลับกล้าที่จะล่วงเกินบอสของเธอ

เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่กู่หยานเอ๋อฝึกมาเองกับมือและถูกส่งไปยังต่างประเทศเพื่อเข้ารับการฝึกนรก สามารถพูดได้ว่าคนที่ตายด้วยเงื้อมมือของเธอนั้นไม่ต่ำกว่า3หลัก รูปลักษณ์ใสซื่อที่แสดงอยู่ภายนอกนั้นเป็นเพียงหน้ากากบังหน้าเท่านั้น

“ฉันจะให้โอกาสพวกแกไสหัวออกไปซะแล้วให้ผู้อาสุโวในตระกูลมาขอโทษห้องอาหารของเราไม่เช่นนั้นชาตากรรมของพวกแกก็จะไม่ต่างไปจากมันเลยแม้แต่น้อย”

ใบหน้าของดูหยางเองก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยความหวดกลัวพร้อมกับพยายามกลืนน้ำลายกลับลงไป เขามองไปที่ชายกำยำกว่า20คนที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นพร้อมกับหันกลับไปที่ผู้คุ้มกัน6คนแล้วพูดว่า

“ในเมื่อฉันได้สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นก็คงต้องให้ผู้อาวุโสยื่นมือมาช่วยเท่านั้นส่วนเรื่องที่จะไปขอโทษนั้นยังรับปากไม่ได้ ต้องขอตัวลา!”

ฉีชางซิงที่อยู่บนตึกใกล้ๆนั้นถึงกับหงายเงิบทันทีเมื่อเห็นชายกว่า20คนถูกทุบตีอย่างทารุณพร้อมกับเพื่อนๆของเขาที่ถูกตบไปอีกครั้ง เขาเองก็รู้จักกับเทียนหลี่แต่ไม่เคยได้พบเจอด้านมืดของเธอเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นคือเขาจำชายทั้ง6คนได้เพราะพวกเราเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ห้องอาหารร้อยงานฉลอง

แค่ว่า เขาไม่คิดเลยว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะมีความสามารถได้มากขนาดนั้น

เมื่อกี้พวกเขาใช้เวลาเท่าไหร่กัน ?

30วิ ! อย่างมากสุดก็ 1 นาที !

ในไม่ถึงนาทีชายทั้ง6คนได้ทุบตีคนกว่า20คนจนนอนหมอบอยู่กับพื้น พวกเขาเป็นพวกทหารหน่วยพิเศษที่ปลดประจำการมางั้นหรอ ?

ฉีชางซิงเองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงมีสภาพไม่ต่างไปจากคนเหล่านั้น

“แต่เทียนหลี่กล้าที่จะทุบตีเจียงหยูและเฉินเฟย์จริงๆงั้นหรอ เธอไม่กลัวว่าห้องอาหารของเธอจะมีปัญหากับเจียงกรุ๊ปและบริษัทอสังหาฯหวางหยวน ?ต้องรู้ไว้ก่อนเลยว่า2อำนาจนี้แข็งแกร่งกว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองเป็นอย่างมาก ”

ฉีชางซิงเองก็รู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ

ที่ข้างถนน

เทียนหลี่ได้พูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“เอาพวกมันไปหากว่าพวกแกยังคลานขึ้นมาได้ก็กลับไปหาเจ้านายแกซะแล้วส่งคนมาที่ห้องอาหารของฉัน บอกพวกเขาว่าหากไม่มาถึงที่นั่นภายในสองชั่วโมงฉันก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของไอ้สองตัวนี่หรอกนะ ”

เมื่อพูดจบเธอก็ได้มองไปที่ตำรวจจราจรก่อนที่จะกวักมือเรียกพวกเขามา

“สวัสดี !”

ตำรวจพวกนั้นเองก็ได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ

เทียนหลี่เองก็ได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

“ฉันหวังว่าพวกนายก็น่าจะสืบเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างจริงจัง จำไว้ว่าอย่าได้เล่นลูกไม้กับฉันและอย่าได้คำนึงถึงสถานะของสองคนนี้แล้วไม่กล้าเอาเรื่องพวกเขา พวกนายไปหารถมาลากไปแล้วจะมีคนติดต่อไปที่สถานีตำรวจเอง”

“ได้ครับ !”

ตำรวจทั้งสองคนได้มองไปที่ผู้คุ้มกันทั้ง6คนก่อนที่จะพยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว

ในช่วง6โมงเย็น

ห้องประมูลสายรุ้งเองก็ได้มีแขกเข้ามากว่าหลายร้อยคนพร้อมกับแสงที่สว่างไสวทั่วห้องแห่งนี้ได้หรี่ลงและโฟกัสไปที่กลางเวที

“สวัสดีค่ะท่านแขกผู้มีเกียรติ”

หญิงสาวที่ได้สวมชุดกี้เพ้าพร้อมกับแต่งหน้าอ่อนๆได้เดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“ทุกคนคงประหลาดใจใช่ไหมที่ฉันจะเป็นผู้ประกาศของงานประมูลครั้งนี้ ? จริงๆแล้วฉันเองก็ได้เข้าร่วมเป็นผู้ประกาศงานประมูลบางแห่งในช่วงครึ่งปีมาด้วย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า……”

“ไม่คิดเลยว่าดาราจะมาปรากฏที่งานประมูลแห่งนี้ ดูเหมือนว่าผู้จัดงานเองก็คงจะจ่ายเงินไปไม่ใช่น้อยนะ !”

“ลองมองไปดูสิ ! ผู้หญิงคนนั้นยิ่งอยู่ยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ”

“ที่แท้เธอก็เป็นผู้ประกาศนี่เอง”

“……”

ในที่นั่งผู้ประมูลเหล่านั้นถังซิ่วเองก็ได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะเขาไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จักที่งานประมูลแห่งนี้

เธอเป็นคนรู้จักที่เคยขอยืมโทรศัพท์ของเขาและติดเงินเขาอยู่ ซางซินหยาในตอนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าโอหยางลูลู่ คังเซี่ยนหรือว่ามู่หวางหยิงเลยแม้แต่น้อย

ซางซินหยาเองก็ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมกับยกมือที่สวมถุงมือสีขาวขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันรู้ว่าทุกคนมาที่นี่เพื่อแย่งสมบัติกันและจะไม่พูดมากแล้ว ฉันจอประกาศว่าการประมูลครั้งนี่ได้เริ่มขึ้นแล้ว สิ่งของประมูลชิ้นแรกคือชุดถ้วยชาเซรามิคจากยุคราชวงศ์หมิง มันเหมาะมากแก่การสะสมและคนที่ชอบดื่มชานั้นไม่ควรจะพลาดอย่างแน่นอน ”

“ราคาตั้งต้นอยู่ที่5ล้านหยวนและแต่ละครั้งต้องเพิ่มไม่ต่ำกว่า1แสน การประมูลเริ่มได้”

ทันใดนั้น

ผู้คนที่นั่งอยู่ก็เริ่มประมูลทันที

“5.1ล้าน!”

“5.5ล้าน!”

“……”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีราคาของชุดถ้วยชานี้ก็เพิ่มเป็น8.8ล้านและชุดท้ายมันก็ถูกซื้อไปโดยชายชราคนหนึ่ง

ซางซินหยาเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ต้องขอขอบคุณเพื่อนหมายเลข0246 คุณสามารถไปที่หลังเวทีเพื่อจัดการทำธุรกรรมได้ทันทีหรืออาจจะรอจนถึงช่วงที่งานประมูลจบลงก็ได้ สิ่งสองประมูลชิ้นที่สองคือ……”

การประมูลก็ได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด

ทักษะการพูดของเธอนั้นดีมากและสามารถจูงใจผู้ซื้อได้หลายคนซึ่งทำให้ราคาของสินค้าแต่ระชิ้นนั้นสูงมาก

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง

ซางซินหยาเองก็ได้จบการประมูลภาพวาดทิวทัศน์รูปหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“สิ่งของชิ้นต่อไปนั้นคือแร่หินที่ลึกลับ แม้กระทั่งปรมาจารย์ด้านแร่หินเองก็ไม่สามารถหาที่มาของทันได้แต่สิ่งที่สามารถบอกทุกคนได้นั้นคือมันมีผลที่ดีอย่างมาก หากว่าใครนำมันมาแขวนไว้ที่คอก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วนายใหญ่ของงานประมูลเองก็ต้องการที่จะเก็บหินชิ้นนี้ไว้แต่เขาได้ถูกไหว้วานให้นำมันมาลงประมูลจากคนอื่นดังนั้นเราจึงทำได้แค่นำมันมาออกประมูลและหากว่าเขาต้องการมันจริงๆก็ต้องเข้าร่วมประมูลด้วย”

“ราคาตั้งต้นของมันอยู่ที่1ล้านและไม่สามารถเพิ่มได้ต่ำกว่าครั้งละ 1แสน เริ่มการประมูลได้”

ณ ตอนนี้

จิตสัมผัสของถังซิ่วได้แผ่ไปที่หินในถาดที่อยู่ข้างๆกับซางซินหยาและพบว่ามันเป็นหินยับยั้งวิญญาณคุณภาพสูง

“โลกจะต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรกับดินแดนแห่งนิรันด์แน่นอนไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะมีสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ได้”

ถังซิ่วได้คิดสิ่งเหล่านี้อยู่ภายในใจและยังไม่ได้เสนอราคาออกไปทันที เขารู้ว่าว่าเริ่มเสนอไปก็ยังไม่ได้อะไร

“1.1ล้าน!”

“1.2 ล้าน !”

ขณะนี้ได้มีแขกบางคนได้เริ่มเสนอราคาออกมาแล้วก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ

เมื่อซางซินหยาเห็นสถานการณ์แบบนี้จึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันรู้ว่าพวกคุณเองก็น่าจะรู้ว่าราคาของมันต้องไม่ใช่แค่นี้อย่างแน่นอนดังนั้นฉันอยากให้ทุกๆคนกระตือรือร้นเพราะว่าสิ่งที่สามารถให้ประโยชน์ตัวคุณได้นั้นเป็นของที่หายากมากๆ”

“2ล้าน !”

ขณะที่เสียงของเธอจบลงนั้นก็ได้มีแขกคนหนึ่งเสนอราคาออกมาทันที

“2.5ล้าน !”

“2.8ล้าน !”

“……..”

“8ล้าน !”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีราคาก็ได้พุ่งขึ้นไปถึง8ล้าน มันมากกว่าราคาตั้งต้นถึง8เท่าและตอนนี้เองคนที่เข้าร่วมเสนอราคานั้นก็มีน้อยลงทุกที มีแค่2-3คนเท่านั้นที่กำลังเพิ่มราคา

ถังซิ่วได้หันหน้าไปมองที่จี่ฉีเหม่ยก่อนที่จะพยักหน้าให้กับเธอ ทันใดนั้นเธอก็ได้ชูป้ายในมือขึ้นพร้อมกับพูดออกมาว่า

“10ล้าน !”

“11ล้าน !”

เสียงเพิ่มราคาเองก็ได้ดังขึ้นทันที

“20ล้าน !”

จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้ชูป้ายขึ้นอีกครั้ง

“50ล้าน !”

ฝ่ายตรงข้ามเองก็ได้เพิ่มราคาขึ้นก่อนที่ชายชราคนนั้นจะจ้องมองไปทางจี่ฉีเหม่ย

จี่ฉีเหม่ยเองก็ยังทำท่าทางไม่แยแสก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“100ล้าน !”

ท่าทางของชายคนนั้นเองก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะรู้สึกหงุดหงิดแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง เขาได้ชูป้ายขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า

“200ล้าน !”

จี่ฉีเหม่ยเองก็ได้เพิ่มราคาต่อไปว่า

“500ล้าน !”

ทันใดนั้นทุกๆคนในห้องเองได้มองไปที่จี่ฉีเหม่ยด้วยสายตาเดียวกัน พวกเขาไม่ได้สนใจแร่หินนั้นแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่เขาสนใจคือราคาตั้งต้น1ล้านแต่กลับเพิ่มขึ้นเป็น500ล้านได้นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้เห็น สิ่งที่คำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อคือราคาไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นหน่วย แสนหรือล้านแต่เพิ่มครั้งละ100ล้าน

“อย่าบอกนะว่าแร่หินก้อนนั้นเป็นสมบัติจริงๆ ? ”

ใครหลายคนเองก็เริ่มมีความคิดเหล่านี้ขึ้น

ชายชราคนนั้นเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมา ใครหลายคนเองก็รู้ว่าเขาเป็นนายใหญ่ที่ร่ำรวยของฮ่องกง เขาคือกู่เหว่ยดงนายใหญ่ของบริษัทบังเทิงกู่และเขาเองก็เป็นผู้จัดงานประมูลครั้งนี้ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาแย่งหินประหลาดก้อนนั้นกับเขาด้วยราคาที่สูงขนาดนี้

500ล้าน !

สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อยแต่เขาเองก็เห็นท่าทางที่ฝ่ายตรงข้ามแสดงออกมาถึงความไม่แยแสแล้วว่าต่อให้เขาเพิ่มราคาอีกเท่าไหร่ฝ่ายนู้นเองก็คงจะสู้ราคาของเขาและมันอาจจะสร้างเรื่องบาดหมางกันได้

ช่างมันเถอะ !

ดูเหมือนว่าฉันจะอดได้แร่หินก้อนนี้ !

กู่เหว่ยดงเองก็ได้ยอมแพ้พร้อมกับโยนความคิดทิ้งไป

ณ ตอนนี้

สายตาของซางซินหยานั้นไม่ได้มองไปที่จี่ฉีเหม่ยแม้แต่น้อยทว่ากลับหยุดอยู่ที่ถังซิ่ว เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่

เมื่อเธอเห็นว่าถังซิ่วเองก็ได้มองมาทางเธอนั้นก็ทำให้รอยยิ้มของเธอเจิดจ้าขึ้นพร้อมกับพยักหน้าไปให้เขา

“ดูเหมือนว่าจะมีคนที่รู้ถึงคุณค่าของมันนะ ! หมายเลข0125ได้เสนอราคา500ล้าน มีใครให้สูงกว่านี้ไหม ? หากว่าไม่แร่หินก้อนนี้ก็จะเป็นของเพื่อนหมายเลข0125”