ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด หมาป่าที่ดุร้ายปกคลุมไปด้วยอักขระสีทองตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนที่นุ่มสลวยเงางาม ดวงตาที่ส่องประกายชั่วร้ายและทั่วทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับราวกับอัญมณี อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันกำลังหวาดกลัว

กิ่งก้านสีเขียวอันสวยงามยืดเข้ามาประชิดและทำให้มันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ดวงตาของหมาป่าเฒ่าเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว ปีกทั้งสองข้างกระพือด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าราวจะพุ่งขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์โดยมีเจตนาที่จะหลบหนีอยู่ฝ่ายเดียว

หมาป่าที่โหดร้ายไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้มันเพียงต้องการที่จะหนีออกไปจากตรงนี้เท่านั้น ขนที่นุ่มสลวยทุกเส้นของมันตั้งชันด้วยความหวาดกลัว ดูไม่ต่างจากหมาจรจัด

หมาป่าเฒ่าพุ่งผ่านท้องฟ้าไปไกลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามในขณะที่มันแทบจะกลืนหายไปในความมืดมิด พลันปรากฏกิ่งไม้ที่ส่องแสงอันอ่อนโยนราวกับโซ่ตรวนเทพเจ้า พุ่งตามขึ้นมาไล่กวดหมาป่าเฒ่า
บรู้วววว..

หมาป่าเฒ่าร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก ขนทุกเส้นลุกชัน มันพยายามใช้ปีกทั้งคู่กระพือให้เร็วที่สุด อักขระสีทองถูกโคจรหมุนเวียนไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อจะไปให้สูงกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไร้ประโยชน์

กิ่งไม้ที่อ่อนไหว อาบไปด้วยแสงสดใสและหนาแน่นไปด้วยละอองแสงแตกกิ่งก้านออกมาเข้าล้อมหน้าล้อมหลัง จากนั้นพลันเกิดดอกไม้สีเลือดระเบิดออกมา

บรู้ววว.. หมาป่าเฒ่าพยายามดิ้นรน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว เสียงร้องของดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขาและเหวลึก
ทุกๆคนในหมู่บ้านศิลาต่างก็ตกตะลึง พวกเขารู้อยู่แล้วว่าต้นโอ๊คเก่าแก่ต้นนั้นลี้ลับอย่างมากและไม่คิดว่าจะเหมือนวิญญาณพิทักษ์ทั่วไป แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถาม หัวใจของฉีหยุ่นเฟิงสั่นสะท้าน ยามเขาเป็นเด็กเคยเห็นภาพที่ต้นโอ๊คเก่าแก่ถูกอาบไปด้วยสายฟ้าและแสงสว่างจำนวนมาก มันเป็นภาพที่เขาไม่เคยลืม
นี่เป็นภาพที่พวกเขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน วิญญาณพิทักษ์ที่น่าเกรงขามแห่งหมู่บ้านหมาป่ากำลังถูกทะลวงร่างแบบที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ช่างเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้
กิ่งต้นโอ๊คมากจากไหน พวกเขาพากันตั้งคำถามขึ้นมาอย่างสับสนระคนมึนงง
กิ่งต้นโอ๊คสีเขียวสดใสสั่นเทา ก่อนจะเกิดแสงสีแดง แล้ววิญญาณพิทักษ์แห่งหมู่บ้านหมาป่าเปล่งเสียงร้อยโหยหวนก่อจะพยายามหดตัวเพื่อให้ตัวเองหลุดออกไปให้ได้ เพราะกระดูกของมันมีเสียงแตกหักราวกิ่งต้นไม้แห้ง จนในที่สุดก็ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ของเหลวที่มีแสงสีทองถูกควบแน่นแล้วดูดซึมโดยกิ่งต้นโอ๊คปริศนานั้น หลังจากนั้นกิ่งต้นโอ๊คเปล่งแสงสีเขียวราวกับรู้สึกสดชื่นก่อนจะถอยกลับไปที่หมู่บ้านศิลา
ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน บนต้นไม้ที่ร่องรอยโดนฟ้าผ่า กิ่งก้านของมันเปล่งแสงอันนุ่มนวลปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านด้วยแสงสีขาวนวลที่แสนสงบและร่มเย็นราวกับภาพวาด

ทุกคนในหมู่บ้านศิลาเซื่องซึมราวกับคนโง่ไร้คำพูดใดๆทั้งสิ้นเป็นเวลาพักใหญ่ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นพลังของต้นโอ๊คเก่าแก่ที่พวกเขาศรัทธา ใช้เพียงแค่กิ่งไม้กิ่งเดียวก็สังหารหมาป่าเฒ่าได้
เดิมทีแล้ว ต้นไม้ต้นนี่ทำเพียงแค่เปล่งแสงยามค่ำคืนเพื่อปกปักษ์ที่อยู่อาศัยของพวกเขา แต่ไม่เคยมีทีท่าจะจู่โจมอะไรก็ตามที่อยู่นอกหมู่บ้าน ยกเว้นวันนี้วันเดียว
“เจ้าหมาแก่ตายง่ายๆแค่เนี่ยะ!!”
มันทำให้พวกเขารู้สึกไปไม่เป็นเลยทีเดียว พวกเขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อต่อสู้กับเจ้าหมาป่าตัวร้ายจนแทบจะแนบชิดกับความตายอยู่แล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องมาตายเพราะกิ่งไม้กิ่งเดียว

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด มันเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่โตและเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการอย่างมากมาย

“กลับหมู่บ้านกัน!!”

กลุ่มชาวบ้านสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้นเพราะพวกเขาพ้นจากวิกฤตการณ์มาได้ พวกเขาเริ่มแบกร่างของซุนหนี่และของล้ำค่าอย่างอื่นมุ่งตรงสู่หมู่บ้าน

“ปฐมพยาบาลเร็วเข้า!!” ฉีหยุ่นเฟิงตะโกนอย่างเคร่งเครียด

ในเวลานี้ หมู่บ้านศิลาได้รับความเสียหายไม่น้อย หลายคนบาดเจ็บสาหัสและมีสองสามที่เสียแขนขาไปจนกลายเป็นคนพิการ และมีอีกหลายคนเสียชีวิต
การอาศัยอยู่ตรงใจกลางที่รกร้างแห่งนี้มันอันตรายเกินไป ทุกๆวันพวกเขาต้องต่อสู้กับสัตว์ร้าย ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกันมากมาย แต่การฆ่าฟันด้วยกันเองระหว่างมนุษย์แทบไม่เคยมี

“หลิงหู่ เฟยเฉียว จงใช้อาร์ติแฟกแล้วไปฆ่าพวกหมู่บ้านหมาป่าให้หมด อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว”

ฉีหยุ่นเฟิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ชายแก่นั่งลงด้วยความเศร้าหมองหลังจากออกคำสั่งให้ไปเข่นฆ่าพวกหมู่บ้านหมาป่าอย่างเลือดเย็น เพราะพวกมันรู้ความลับเกี่ยวกับอาร์ติแฟกทั้งสองชิ้นประจำหมู่บ้านแล้ว ซึ่งอาจหายนะมาสู่พวกเขา เพราะฉะนั้นพวกมันจำเป็นต้องตาย

เด็กน้อยในวันนี้ผ่านการผจญภัยมามากมาย เขาต้องต่อกรกับเหล่าสัตว์ร้ายเพื่อแย่งชิงร่างของซุนหนี่ มาต่อสู้กับอย่างต่อเนื่องกับผู้คนของหมู่บ้านหมาป่าจนได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง หลังจากนั้นก็ปะทะกับหมาป่าเฒ่า มันทำส่งผลให้เด็กเหนื่อยล้านัก

อย่างไรก็เขาก็ยังตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจนี้ ฉีหยุ่นเฟิงออกอาการลังเลใจแล้วสุดท้ายก็พยักหน้าอนุญาต มีบางอย่างที่อย่างไรก็หนีไม่พ้น หลังจากนั้นประสบการณ์ด้วยเลือดและชีวิตจะทำให้เด็กน้อยเติบโตขึ้น

ค่ำคืนแห่งการชี้ชะตา ฉีหลิงหู่และฉีเฟยเฉียวพกพาอาร์ติแฟ็กโบราณและนำทีมเข้าถอนรากถอนโคนพวกหมู่บ้านหมาป่า

เลือดซ่านกระเซ็น ชีวิตที่ถูกพรากและค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ทั้งภูเขาอาบไปด้วยเลือดและซากของสัตว์ร้ายทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยหดหู่และสิ้นหวัง

ในที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ ชีวิตก็ไม่ต่างจากหญ้าธรรมดาต้นหนึ่ง ชายฉกรรจ์มากมายกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายทำให้มีอัตราการตายสูงมาก อย่างไรก็ตามวันนี้ทั้งสองฝั่งต้องมีฝั่งหนึ่งโดนสังหารหมู่

กำลังพลที่ถูกส่งออกมาจากมหมู่บ้านหมาป่ามี123คน มีครึ่งหนึ่งตายเพราะคลื่นของฝูงสัตว์ร้ายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากมาย เมื่อพวกเขารับรู้ว่าวิญญาณพิทักษ์ตายแล้ว กำลังใจของพวกตกต่ำลงจนแทบจะทำให้พวกเขาแตกสลาย

หลังจากนั้น เป็นธรรมดาที่อีกฝั่งหนึ่งจะออกมาค้นหาและไล่ฆ่า ทุกคนจากหมู่บ้านศิลานับจากจำนวนหัวแล้วออกตามไล่เข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้ใครเหลือดรอดแม้แต่คนเดียว

หมาป่าเฒ่าได้รับความตายทำให้ฝูงหมาป่าละทิ้งพวกชาวบ้านแล้วมุ่งกลับเข้าป่า อย่างไรพวกมันก็เป็นสัตว์เดรัจฉาน พวกมันจึงกลับเข้าป่าไปทั้งๆที่มีคนหลายคนติดปากไปด้วย(?)

“ไอ้พวกชิบหาxxเอ้ย!! พวกแกจะไปไหน”

ฉีหลิงหู่ตะโกนเสียงดังแล้วน้าวคันศรขึ้นเล็ง ลูกธนูที่ทำมาจากเหล็กกล้าพุ่งทะยานผ่านทะลุดวงป่าไม้ ฉึก! ลูกธนูปักเข้ากลางหลังของเป่ยหลี่ชิง หัวลูกศรพุ่งทะลุร่างเกิดเป็นดอกไม้โลหิต

“บ้าเอ้ย!!” หัวหน้าหมู่บ้านหมาป่าตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ไอ้แก่!! ทำชั่วมาเยอะ ถึงเวลาตายของแกแล้ว” ฉีเฟยเฉียวตามเข้ามาใช้ดาบบั่นที่คอของเป่ยหลี่ชิง จนส่วนหัวกระเด็นไปหลายเมตร เกิดเป็นน้ำพุโลหิตหลั่งมาไม่ขาดสาย

เป่ยหลี่ชิงตายแล้ว ผู้รอดชีวิตทั้งหมดจากหมู่บ้านหมาป่าตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขากำลังจะตามไปในไม่ช้า

ซู่ม!!

ลูกธนูอันเย็นเยียบพุ่งไปด้านหลังของเด็กน้อย หากโดนเป้าหมายแล้วล่ะก็ จะต้องพุ่งจนทะลุแน่นอน

ฉีเฮ่าได้ยินเสียงแหวกอากาศของลมก็พุ่งตัวหลบในทันที แล้วหันไปจ้องเขม็งอีกด้านหนึ่งของป่า ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วตะโกน “เจ้าอีกแล้ว”

ณ บริเวณพุ่มมีคนๆหนึ่งซ่อนตัวอยู่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาโดนเปิดโปงแล้ว ความสูงของเขาราวๆ2.34เมตร กล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งสะท้อนกับแสงออกมาเป็นสีทองแดงราวกับเหล็กกล้า มันคือหัวหน้าหน่วยนักล่าแห่งหมู่บ้านหมาป่า เป่ยฉานผู้นี้นี่เอง

เมื่อตอนที่ฉีเฮ่ากำลังต่อสู้ติดพันกับผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่า ลูกธนูดอกแรกที่สร้างบาดแผลให้เขามาจากเป่ยฉาน เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดแล้วยิงธนูออกไปพุ่งทะลุแขนของเด็กน้อยจนเลือดสาดและตอนนี้เขาพยายามจะทำอีกครั้งหนึ่ง

วิ้ง…

ฉีเฮ่ายกแขนขึ้นและเขี้ยวอสูรก็เปล่งแสงพุ่งบินออกไปเป็นสายราวโซ่เทพเจ้า เกิดเป็นเสียง แคร่ก! คันธนูของเขาหักออกเป็นสองส่วน

หลังจากหมาป่าเฒ่าตายไปทำให้อาร์ติแฟ็กหลุดการเชื่อมต่อกับมันไป เด็กน้อยจึงสามารถที่จะควบคุมอาร์ติแฟ็กชิ้นนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เขี้ยวที่สวยงามราวกับอัญมณีพุ่งทำลายสิ่งกีดขวางด้วยพลังอันน่าสะพรึง

เป่ยฉานชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเด็กน้อย มีแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชายหนุ่ม เขากำลังแขนหกพันจินจับดาบฟันไปแสงนั้นอย่างรุนแรง

นิ้วของฉีเฮ่าเปล่งเป็นแสงของอักขระ เขี้ยวสัตว์ร้ายที่กำลังเปล่งแสงพุ่งเข้าพัวพันกับดาบ เคร้ง! เขี้ยวอสูรพลันทำลายดาบจนกลายเป็นเศษเหล็กอย่างง่ายดายด้วยพลังของอาร์ติแฟก

ฉึก ฉึก..

เขี้ยวทั้งสี่สิบสองชิ้นกระจายตัวออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นลูกธนูแสงมากมายพุ่งเข้าหาร่างของเป่ยฉาน จนเลือดทะลักออกมาข้างนอก ทั้งกระดูกแขนและขาแตกละเอียดในทันที จากนั้นก็กระเด็นไปกับพื้นราวๆสองเมตร

ลำแสงกลับมาร้อยรวมกันเป็นกำไลเขี้ยวอสูรหิมะ แล้วกลับมาสวมที่ข้อมือของเด็กน้อยดังเดิม

“เจ้าหนู ฆ่ามันซะ!!”

ฉีเฟยเฉียวยื่นดาบที่อาบเลือดให้ในขณะที่เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ไม่มีใครในที่รกร้างแห่งนี้อยู่ได้โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น แม้เจ้ายังเยาว์แต่ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือกว่าพวกเรา หากเจ้าไม่ฆ่าใครเลย วันหนึ่งเจ้าจะพบกับความสูญเสีย”

“ข้ารู้..” ดวงตาเฮ่าน้อยสั่นไหวและสีหน้าของเด็กน้อยแสดงความซับซ้อนทั้งกังวล เจ็บปวด สั่นไหว มั่นคงรวมอยู่บนใบหน้าของเขา

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเสียท่าให้แก โชคร้ายจริงๆที่ธนูดอกนั้นทะลุแขนของแกไม่ใช่คอหอย” เป่ยฉานยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมาอย่างน่ากลัว

เด็กน้อยหลับตาลงแล้วนึกถึงท่านลุงที่โดนลูกธนูปักทะลุอก จากนั้นพลันลืมตาขึ้นมาแล้วฟันดาบที่อยู่ในมือ ฉับ!หัวกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นโดยมีน้ำพุโลหิตเป็นพื้นหลัง

“ท่านลุงหลิงหู่ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน” เด็กน้อยทิ้งดาบในมือลงแล้วกล่าวอย่างเหนื่อยล้า

เด็กน้อยพึ่งข้ามผ่านค่ำคืนแห่งการต่อสู้ เขาใช้กงจักรจันทราอย่างต่อเนื่อง เผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดร้ายคนแล้วคนเล่า ทั้งหมาป่ายักษ์ดุร้าย คนหยาบช้าและหมาป่าในตำนานผู้เจ้าเล่ห์ ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนู เด็กน้อยสะสมความเหนื่อยล้าเป็นเวลานาน พอสิ้นคำพูดเขาก็เข้าสูห้วงนิทราในทันที

“เพียงแค่หลับไปก็พอ” ฉีหลิงหูแบกเด็กน้อยไว้บนหลัง

เมื่อเด็กน้อยตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ค่ำคืนก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว บาดแผลของเขาได้รับการรักษาจนดีขึ้นเยอะแล้ว ในส่วนของการตามไล่ล่าสังหารกลุ่มของหมู่บ้านหมาป่าอันเคร่งเครียดได้จบลงไปแล้ว ในตอนนี้อาวุธของทุกคนอาบไปด้วยเลือดของมนุษย์ด้วยกัน พวกเขากลายเป็นคนโหดเหี้ยมเพราะไม่ปล่อยให้ศัตรูรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว หัวมากกว่าร้อยถูกวางซ้อนกันเพื่อเป็นอาหารให้แก่พวกสัตว์

ฮู่ม…

ที่ใจกลางพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เปลวเพลิงที่รุนแรงราวจะลามขึ้นสู่สวรรค์ระเบิดขึ้น เปลวเพลิงงดงามนี้ไม่มีใครเสมอเหมือน ทั้งโลกสั่นสะเทือนเพียงเพราะเสียงร้องของนก

เปลวเพลิงสีแดงเข้มดูงดงามน่าดึงดูด มันเผาไหม้อย่างหนักกับจะลามขึ้นสู่ท้องฟ้า วิหคตัวน้อยสีแดงบินลัดท้องฟ้าด้วยพลังที่น่าเกรงขาม

ทันใดนั้นเองท้องฟ้าและก้อนเมฆถูกแยกออกจากกันด้วยกรงเล็บสีทอง(ไม่ใช่พลังนะครับ)ขนาดมหึมาโดยมีเจตนาที่จับตัวของวิหคน้อยที่มีความเอกลักษณ์

ฟิ้ว!

วิหคตัวน้อยพลันเบี่ยงตัวขนานไปกับพื้นเพื่อหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว กรงเล็บที่ปกคลุมด้วยขนสีทองจึงบดสันเขาด้วยการโจมตีครั้งเดียว ช่างทรงพลังเหนือจินตนาการยิ่งนัก

“นกน้อยตัวนั้น ข้าเคยเห็นมาก่อน” เด็กน้อยตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง เขาได้เห็นที่น่าตกตะลึงทันทีที่ตื่นขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น การต่อสู้นั้นมันจบไปตั้งแต่สองปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่ายังมีทายาทอสูรเก่าแก่ที่ปกป้องสมบัติอยู่แล้วพวกมันก็กำลังแย่งชิงกัน” ฉีหยุ่นเฟิงก็ยังไม่รู้อะไรเลย

ฮู่ม!

กรงเล็บสีทองวาดลงมาอีกครั้งหนึ่ง พลังปีศาจอันไร้เทียมทานและมีเปลวเพลิงสีแดงเข้มสาดแสงไปทุกที่ ไม่สามารถจินตนาการว่าทั้งร่างของมันว่าจะใหญ่โตเพียงไหน หากพิจารณาจากกรงเล็บที่กำลังแหวกท้องฟ้าลงมา