…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ในห้อง ,กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ถอดรองเท้าของเธอออกพร้อมกับนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังของถังซิ่วก่อนที่จะยื่นมือออกไปที่กลางหลังของเขาแล้วส่งพลังหยวนเข้าไปอย่างช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยที่ได้ส่งพลังหยวนเข้าไปกว่า30วินาทีนั้นก็ได้ถอนมือของเธอออกมา สิ่งที่เธอไม่อยากจะเชื่อก็คือร่างกายของถังซิ่วนั้นต่อต้านพลังหยวนของเธอ การที่เธอใส่พลังหยวนเข้าไปนั้นเป็นเหมือนการราดน้ำมันลงไปบนกองไฟและทำให้ร่างกายของเขายิ่งแย่ลง
“อย่าบอกนะว่าท่านอาจารย์ปู่ไม่ได้บ่มเพาะด้วยพลังหยวน ? ”
“แต่หากว่าไม่ใช่พลังหยวนแล้วจะช่วยเขาอย่างไร ? ”
“ด้วยการสังเวยเลือด ? ”
ท่าทางของกู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็เปลี่ยนไปทันทีเพราหากว่าเธอใช้เทคนิคนั้นจะสามารถช่วยชีวิตถังซิ่วไว้ได้ก็จริงแต่มันก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเธออย่างมากไม่ใช่แค่อายุขัยจะลดลงแต่ความเร็วในการบ่มเพาะเองก็จะช้าลงเช่นกัน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตัดสินใจที่จะช่วยถังซิ่วด้วยเทคนิคนี้เพราะอย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงอาจารย์ปู่ที่อาจารย์ของเธอห่วงใยที่สุด
“สวรรค์และโลกจงกลืนกินเลือดนี้เพื่อคืนชีวิต”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้กัดไปที่ปลายนิ้วของตัวเองพร้อมกับบีบเอาแก่นวิญญาณจากหัวใจของเธอออกมาแล้วหยดลงไปบนหน้าผากของถังซิ่ว มันได้รวมตัวเข้ากับหน้าผากของเขาทีนที
ทันใดนั้น
ร่างกายของเธอก็ได้ลอยขึ้นพร้อมกับพลิกตัวกลับแล้วเอามือไปวางไว้ที่หน้าผากของถังซิ่วก่อนที่จะส่งพลังเข้าไปในตัวของเขา
เมื่อเสร็จสิ้นสิ่งเหล่านี้
ผิวของเธอนั้นซีดลงเป็นอย่างมากพร้อมกับนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกันข้ามกับถังซิ่ว เธอกำลังควบคุมลมหายใจของตัวเอง ตอนนี้เธอได้ก้าวข้ามเส้นทางของระดับดั่นทองคำแล้วและยังไม่มียาที่ช่วยทำให้มันตัดผ่านไปได้ อย่างไรก็ตามการที่เธอใช้เทคนิคนี้นั้นทำให้เธอสูญเสียอย่างมาก อายุขัยหลายปีของเธอได้ถูกบั่นทอนลงโดยทันที
ณ ตอนนี้
ถังซิ่วที่ไม่เหลือพลังชีวิตนั้นได้มีพลังสายหนึ่งประทุขึ้นในกึ่งกลางหัวใจของเขา หยดเลือดที่กู่เสี่ยวเสวี่ยเค้นออกมานั้นบรรจุไปด้วยพลังงานมากมายมหาศาลและมันมากกว่าระดับพลังของถังซิ่วในตอนนี้ด้วยซ้ำ
ตุ้บ !
ตุ้บ ตุ้บ !
ขณะที่เสียงหัวใจของเขาเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ พลังแห่งดวงดาราและดวงอาทิตย์จากสรวงสรรค์นั้นได้พุ่งเข้าหาเขาจากทั่วทุกทิศทาง มันค่อยๆฟื้นฟูร่างกายของเขาที่ละน้อย
ทว่ากลิ่นอายที่แปลกประหลาดจากแก่นวิญญาณนั้นได้หลอมรวมกับจิตสำนึกของเขาทำให้ถังซิ่วที่กำลังตกอยู่ในมิติที่มืดมิดนั้นได้ตื่นขึ้น หลังจากที่เขารู้สึกตัวแล้วก็สัมผัสได้ถึงต้นตอของแก่นวิญญาณมันทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันที
เขาเข้าใจสภาพร่างกายของเขาดี
เขารู้ว่าได้มีคนใช้เทคนิคสังเวยเลือดเพื่อช่วยชีวิตเขาและขณะที่เขายังไม่ทันได้คิดว่าใครที่เป็นคนช่วยก็เริ่มที่จะบังคับใช้เทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์
เวลาผ่านไป
เพียงครู่หนึ่งก็ผ่านไปถึงสามวัน
เมื่อตาของถังซิ่วกระตุกพร้อมกับเปิดตาขึ้นมาอย่างช้าๆก็พบกู่เสี่ยวๆที่กำลังนั่งท้าวคางอยู่ตรงกันข้ามขณะที่เธอจ้องมองมาที่เขา
อย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนช่วยฉันไว้ ?
ท่าทางของถังซิ่วเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยหน้าตาที่ซีดเซียว เขาพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า
“เจ้าเป็นคนใช้เทคนิคสังเวยเลือดเพื่อช่วยข้า ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยที่เห็นถังซิ่วลืมตาขึ้นนั้นก็ได้ชะงักไปครู่หนึ่งและเมื่อเห็นว่าเขากำลังกระพริบตาแล้วถามออกมานั้นเธอก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านฟื้นแล้ว ? ศิษย์เองก็คิดว่าท่านจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกสักระยะ ! เป็นศิษย์เองที่ได้ใช้เทคนิคสังเวยเลือดเพราะพบว่าร่างกายของท่านต่อต้านพลังหยวนที่ศิษย์ส่งเข้าไป”
เป็นเธอจริงๆด้วย
ถังซิ่วเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เทคนิคการบ่มเพาะของข้าในตอนนี้นั้นค่อนข้างพิเศษดังนั้นนึงได้ต่อต้านพลังหยวน มันเป็นเรื่องปกติแล้วที่ไม่สามารถใช้พลังหยวนรักษาข้าได้ เสี่ยวเสวี่ย ครั้งนี้ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าจริงๆหากว่าเจ้าไม่ได้ใช้เทคนิคนี้ข้าก็คงจะต้องตายจริงๆ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยก็ได้เงยหน้าของเธอขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ นี่เป็นสิ่งที่ศิษย์สมควรทำ !”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะมองไปรอบๆและพบว่าก่อนหน้านี้เขาได้อยู่ที่ห้องที่ถังเกาเชิงจัดไว้ให้แต่ตอนนี้กลับไม่พบวี่แววของเขาเลย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้จางหายไปพร้อมกับถามออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“บ้านหลักตระกูลถัง เมืองหลวง”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับอย่างประหลาดใจว่า
“แล้วเจ้ามาที่นี่ได้ไง ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เป็นเพราะตระกูลถังนั้นได้ปล่อยข่าวออกไปว่าหากใครสามารถรักษาท่านได้ก็จะยอมจ่ายด้วยทุกอย่างแต่หัวหน้าตระกูลถังก็ได้ติดต่อไปหาอาจารย์ลุง ดังนั้นเขาจึงได้โทรไปหาลูลู่และตอนนั้นเธอเองก็ได้อยู่ที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองศิษย์ถึงได้รู้เรื่องนี้”
ตระกูลถัง……
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันเป็นเวลานาน
จ่ายด้วยทุกอย่าง ?
คำสัญญานี้มันช่างหนักแน่นจริงๆ !
ถังซิ่วเองก็ยังรู้สึกต่อต้านตระกูลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าการกระทำนี้แสดงให้เห็นว่าสำหรับพวกเขาแล้วนับว่าเขาเป็นครอบครัวคนสำคัญของตัวเอง ตอนนี้เขาได้เชื่อสิ่งที่ถังเกาเชิงเคยได้พูดไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องออกตามหาเขาสองแม่ลูกจริงๆ
“ต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ ”
“ในเมื่อคนในตระกูลถังเห็นฉันและแม่เป็นเหมือนญาติพี่น้องควรจะทำเช่นเดียวกับพวกเขา”
“เวลาน้อยเกินไป ต้องขอสังเกตการกระทำของพวกเขาดูก่อน”
“สิ่งพวกนี้มันไม่สำคัญหรอกแต่หัวใจหลักคือการกระทำของพวกเขาหลังจากนี้ !”
“เราจะทำให้แม่เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด !”
“…….”
ความคิดเหล่านี้ได้หมุนวนอยู่ในหัวสมองของถังซิ่ว หลังจากที่เขาลุกออกมาจากเตียงแล้วก็ได้มองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“แล้วเจ้ากับลูลู่มาที่นี่ได้อย่างไร ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เครื่องบินส่วนตัวของลูลู่ค่ะ”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามต่อว่า
“ลูลู่ล่ะ ? เธอไปอยู่ไหนแล้ว ? ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ศิษย์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะสามวันมานี้ยังไม่ได้ออกจากห้องนี้เลย อย่างไรก็ตามเธอเป็นห่วงท่านมากและน่าจะยังอยู่ที่บ้าหลักนี้”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะเปิดประตูออกไปพร้อมๆกับกู่เสี่ยวเสวี่ย เมื่อวินาทีที่ประตูเปิดนั้นผู้คนในตระกูลมากมายก็ได้แสดงออกถึงความรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที ซูหลิงหยุนเองก็ได้โยนตัวเข้าใส่หน้าอกของถังซิ่วพร้อมกับร้องไห้ออกมา
“คุณแม่ ผมสบายดี ”
ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอามือไปลูบหลังของเธอ
ใกล้ๆกันนี้
ถังหยุนดี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้นก็ได้มีสีหน้าที่ตื่นเต้นกว่าเก่าพร้อมกับจ้องมองไปที่ถังซิ่ว ไม่มีใครในที่นี้มีความรู้สึกซับซ้อนไปมากกว่าเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามความรู้ที่เอ่อล้นออกมามากที่สุดในใจของเขานั้นคือความรู้สึกผิด
ลูกต้องเติบโตมาโดยขาดพ่อ !
นี่ยังไม่เท่าไหร่แต่เพื่อช่วยชีวิตของเขาลูกชายกลับเกือบจะต้องสละชีวิตของตัวเอง เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ถังเกาเชิงที่ยืนอยู่ข้างๆถังหยุนดี่นั้นได้บีบไหล่ของเขาเบาๆก่อนที่จะมองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยด้วยความรู้สึกขอบคุณพร้อมพูดว่า
“คุณหนูกู่ เราต้องขอขอบคุณจากใจจริงที่ช่วยชีวิตหลานชายของฉันเอาไว้ ไม่ว่าเธอต้องการอะไรตราบใดที่ตระกูลของเราทำได้ก็จะทำมันให้สำเร็จ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“การช่วยชีวิตอาจารย์ปู่นั้นเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วดังนั้นฉันไม่มีความต้องการอะไรแม้แต่น้อยดังนั้นตระกูลถังเองก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทน”
ถังซิ่วเองก็ได้ปลดตัวออกจากอ้อมกอดของซูหลิงหยุนอย่างนุ่มนวลพร้อมกับปาดน้ำตาของเธอแล้วมองไปที่ถังเกาเชิงและถังหยุนดี่ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่ชินฉางเย่ที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื่นเต้นแล้วพูดว่า
“คุณย่า ผมหิวมากๆ ให้คนไปหาอะไรมาให้ผมทานหน่อยสิ ”
คุณย่า ?
ชินฉางเย่นั้นถึงกับตกตะลึงทันทีพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาได้เปล่งประกายความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างมากเหมือนกับเธออยู่ในความฝันเพราะถังซิ่วที่ต่อต้านและไม่ยอมรับว่าเป็นหลานของเธอนั้นถึงกับเอ่ยปากเรียกเธอว่าคุณย่าออกมาด้วยตัวเอง
“ดี ดี ดี ยะ……ย่าจะไปทำอาหารด้วยตัวเองเลย”
คนในตระกูลถังคนอื่นๆเองก็ได้แสดงใบหน้าที่รู้สึกประหลาดใจเพราะจากชื่อที่ถังซิ่วเรียกนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขายอมรับว่าตัวเองเป็นคนตระกูลถังแล้ว
ขณะที่ชินฉางเย่นั้นได้รีบเดินออกไปถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ถังหยุนดี่แล้วพูดออกมาว่า
“คุณพ่อ ในเมื่อฟื้นมาแล้วเรารีบทานอาหารแล้วกลับไปที่เมืองสตาร์ซิตี้กัน ! แม่ของผมได้รอคุณมากว่า20ปีและผมหวังว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอีก”
เมื่อได้ยินสรรพนามที่ถังซิ่วใช้เรียกตัวเองนั้นถังหยุนดี่ก็รู้สึกอบอุ่นจนน้ำตาไหลออกมาอาบใบหน้าของเขาขณะที่พยักหน้าซ้ำๆแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“วางใจได้ พ่อจะชดใช้ให้เธอสองแม่ลูกด้วยชีวิตที่เหลือของพ่อ”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้ทานอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญ
ชินฉางเย่ที่ได้นั่งอยู่ข้างๆถังซิ่วและเห็นว่าเขากำลังทานอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อยนั้นทำให้เธอรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าถังซิ่ววางตะเกียบลงแล้วเธอก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“หลานทานอิ่มแล้ว ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“อิ่มแล้วครับ !”
ชิงฉางเย่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หากว่าหลานชอบอาหารที่ย่าทำให้งั้นย่าก็จะทำให้หลานทานทุกวันเลยดีไหม ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“คุณย่า ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการที่เกาะจิงเหมินและหลังจากนั้นเองก็ยังต้องออกไปนอกพื้นที่ หากว่ากลับมาแล้วมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดผมจะกลับมาหาย่าอย่างแน่นอน”
ชิงฉางเย่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“หลานจะออกไปนอกพื้นที่ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกไปพร้อมกับหันหน้าไปมองที่ถังเกาเชิงแล้วพูดว่า
“คุณปู่ พวกเราต้องขอตัวก่อน”
“รอก่อนได้ไหม ? ”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามออกมา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอครับ ? ”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ในเมื่อหลานได้กลับมาแล้วปู่ก็เลยเตรียมการเคารพหลุมศพบรรพชนเอาไว้พรุ่งนี้เพื่อจาลึกชื่อของพวกเธอสองแม่ลูกลงในการลำดับวงศ์ตระกูล หากว่าเธอมีเรื่องที่ต้องจัดการก็ค่อยกลับไปหลังการเคารพบรรพชนในวันพรุ่งนี้ ”
ถังซิ่วเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“เอางั้นก็ได้ ! งั้นก็ต้องฝากปู่จัดที่พักให้ลูลู่และเสี่ยวเสวี่ยด้วยแล้วกัน ! ”
“ไม่มีปัญหา !”
ถังเกาเชิงได้แสดงรอยยิ้มออกมาพร้อมกับตอบกลับโดยทันที
ในตอนเย็น
ถังซิ่ว กู่เสี่ยวเสวี่ยและโอหยางลูลู่รวมไปถึงเฉินซีซ่งและหลงเจิ้งหยูเองก็ได้พักที่บ้านหลักตระกูลถังแต่ถังหยุนเป็งได้จัดห้องอาหารใหญ่เพื่อฉลองที่ถังหยุนดี่และถังซิ่วได้สติคืนกลับมาที่ห้องอาหารหรูใกล้ๆนั้น