…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ท่าทางของถังเกาเชิงเองก็ได้เปลี่ยนไปมากมายพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่ประตูก่อนที่จะถามออกมาว่า
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
ชูยี่เองก็ได้ชี้ไปข้างในพร้อมกับพูดอย่างลนลานว่า
“ดูเหมือนว่าการรักษาจะจบลงแล้วแต่ถังซิ่ว……..”
ถังเกาเชิงได้มองตามนิ้วของชูยี่ไปพร้อมกับเห็นว่าถังหยุนดี่กำลังนอนหมดสติอยู่กับถังซิ่ว หัวใจของเขาบิดเบี้ยวพร้อมกับพุ่งเข้าไปในห้องทันที ในขณะนี้ซูหลิงหยุนเองก็ได้รู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาติดอยู่ที่คอหอยของเธอ ผู้คนตระกูลถังคนอื่นๆเองก็ตื่นขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปรวมตัวกันอยู่ข้างในห้องทันที
“หมดสติ ? ”
ถังเกาเชิงที่ได้เห็นสภาพของถังซิ่วนั้นถึงกับน้ำตาไหลออกมา สภาพที่น่าเวทนานี้ทำให้เขารักเอ็นดูอย่างสุดหัวใจ
“ซิ่วน้อย ซิ่วน้อยเป็นอย่างไร ? ”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ทิ้งตัวลงไปข้างเตียงทันทีพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ออกมา
ผู้คนตระกูลถังเองก็ได้มองไปที่สภาพของถังซิ่วที่กำลังหมดสติด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถทนได้ถึง30ชั่วโมงนั้นก็ทำให้พวกเขายอมรับในตัวถังซิ่วเป็นอย่างมาก
ถังเกาเชิงได้หันหน้าไปแล้วตะโกนออกมาทันทีว่า
“ไปเชิญปรมาจารย์เฉินมาเดี๋ยวนี้! ”
ในทันทีทันใดนั้นผู้คนตระกูลถังทั้งสองคนก็ได้รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
ถังเกาเชิงได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามชูยี่ว่า
“หลานมีเบอร์ติดต่อเฉินซีซ่งไหม ? ”
ชูยี่เองก็ได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า
“มีครับ !”
ถังเกาเชิงได้พูดออกมาว่า
“โทรหาเขาซะแล้วปู่จะเป็นคนคุยกับเขาเอง”
เมืองสตาร์ซิตี้
เฉินซีซ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับคู่ค้าของเขา ธุรกิจของเขาในช่วงนี้ค่อนข้างเฟื่องฟูและทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากๆและสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดนั้นคือความก้าวหน้าด้านการบ่มเพาะของเขา
“ริ้งงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงง”
เสียงเรียกเข้าได้ดังขึ้นพร้อมกับเฉินซีซ่งได้หยิบมันออกมาแล้วเห็นว่าเป็นสายของชูยี่จึงได้ยิ้มไปทานคู่ค้าของเขาแล้วพูดว่า
“พวกคุณดื่มกันไปก่อน ฉันขอตัวไปรับสายนี้”
เมื่อพูดจบเขาก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับกดปุ่มตอบรับก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ชูยี่ เธอมีเรื่องอะไรงั้นหรอถึงโทรมาหาฉัน ? ”
“ฉันถังเกาเชิง ตระกูลถังจากเมืองหลวง ”
ตระกูลถัง ?
ถังเกาเชิง ?
เฉินซีซ่งเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไปทันที เขาได้เดินออกไปนอกห้องพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า
“สวัสดีครับผู้อาวุโสถัง ผมเฉินซีซ่ง คุณมีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ ?”
เสียงที่ทุ้มต่ำของถังเกาเชิงเองก็ได้ดังขึ้นว่า
“ได้ยินมาว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของถังซิ่ว ? ”
“ครับ !”
เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับด้วยความคารพ
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดต่อว่า
“ฉันหวังว่าเธอจะรีบมาที่เมืองหลวงเดี๋ยวนี้เพราะตอนนี้หลานชายของฉันได้ช่วยรักษาอาการป่วยและหมดสติไป ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขาจะไม่สู้ดีนักส่วนเธอที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรนั้นก็น่าจะช่วยในเรื่องนี้ได้”
“หลานชายของคุณ ? ”
เฉินซีซ่งเองก็ได้รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก หลานชายถังเกาเชิงมันไปเกี่ยวอะไรกับอาจารย์ของเขา ? หรือว่าอาจารย์ได้พวกให้ผู้อาวุโสโทรมาหาเขา ?
ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ถังซิ่วเป็นหลานชายแท้ๆของฉัน”
“อะไรนะ ?”
นัยน์ตาของเฉินซีซ่งเองก็ได้หดลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโห่ร้องออกมาอย่างสุดเสียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อและหัวใจของเขาเองก็เต้นเร็วขึ้นทันที
ถังซิ่วเป็นหลายชายแท้ๆของถังเกาเชิง ?
สวรรค์ !
อย่างงั้นก็แสดงว่าถังซิ่วเป็นคนของตระกูลถังจากเมืองหลวง ?
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดต่อว่า
“มีปัญหา ? ”
เฉินซีซ่งเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ผมจะรีบไปที่เมืองหลวงทันที เรื่องของท่านอาจารย์ย่อมสำคัญกว่าเรื่องของผม”
เมื่อวางสายแล้วเฉินซีซ่งจึงได้รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะเพราะฉันมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปจัดการที่เมืองหลวงซึ่งมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย พวกคุณดื่มกันไปก่อนและหลังจากที่ฉันเสร็จเรื่องแล้วจะมาเลี้ยงไถ่โทษอีกครั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้คนในห้องเองก็ได้พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปที่สนามบินนั้นเฉินซีซ่งเองก็ได้โทรไปหาหลงเจิ้งหยูและโอหยางลูลู่เพราะพวกเขาสนิทกับถังซิ่วที่สุดส่วนคังเซี่ยนนั้นเขาไม่ได้โทรไปเพราะคิดว่าเธออาจจะรู้เรื่องนี้แล้ว
บ้านตระกูลหลง เมืองสตาร์ซิตี้
หลงเจิ้งหยูกำลังทานอาหารกับครอบครัวแต่เมื่อได้รับสายของเฉินซีซ่งแล้วเขาก็ได้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากก่อนที่จะบอกพ่อแม่ของเขาแล้วรีบไปที่สนามบินโดยทันที
เกาะจิงเหมิน
โอหยางลูลู่กำลังอยู่ในห้องอาหารร้อยงานฉลอง เธอกำลังนั่งทานเค้กและขนมอบอื่นๆพร้อมกับฟังเสียงขิมที่กู่เสี่ยวเสวี่ยเป็นคนเล่นด้วยท่าทางพึงพอใจ
“ริ้งงงงง ริ้งงงงงงง ริ้งงงงง”
เสียงเรียกเข้าได้ดังขึ้นขัดจังหวะการเล่นขิมของกู่เสี่ยวเสวี่ย
คิ้วของโอหยางลูลู่ขมวดเข้าหาด้วยอารมณ์หงุดหงิดกันก่อนที่จะมองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยด้วยความรู้สึกขอโทษ เธอได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพบว่ามันเป็นเฉินซีซ่งซึ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเธอจางหายไปทันทีพร้อมกับกดปุ่มตอบรับแล้วพูดว่า
“คุณลุงเฉิน มีอะไรงั้นหรอค่ะ ? ”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
โอหยางลูลู่เองก็วางสายด้วยท่าทางแข็งค้าง
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เป็นไง ? ทำไมหลังจากรับสายแล้วถึงได้ทำหน้าเหมือนกับว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว ? ”
โอหยางลูลู่เองก็กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ทันทีพร้อมกับพูดว่า
“ถังซิ่ว ! ถังซิ่วได้รับบาดเจ็บและกำลังหมดสติ ไปเมืองหลวง ฉันต้องรีบไปที่เมืองหลวงเดี๋ยวนี้”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้นิ่งค้างไปเหมือนกันก่อนที่เธอจะยืนขึ้นแล้วพุ่งไปขวางโอหยางลูลู่เอาไว้ก่อนที่จะถามออกมาว่า
“เธอพูดว่าอะไรนะ ? อาจารย์ปู่ได้รับบาดเจ็บ ? หมดสติ ? เขาอยู่ที่ไหนกัน ? ”
โอหยางลูลู่เองก็ตระหนักได้ทันทีว่าถังซิ่วคืออาจารย์ปู่ของกู่เสี่ยวเสวี่ยเธอจึงได้รีบพูดออกมาว่า
“อยู่ที่เมืองหลวง ก่อนหน้านี้เฉินซีซ่งเองได้บอกมาว่าเขาได้หมดสติไปหลังจากที่รักษาคนป่วย อ่อใช่ เขาเป็นหลานชายแท้ๆของถังเกาเชิงจากตระกูลถังของเมืองหลวง ”
ถังเกาเชิง
กู่เสี่ยวเสวี่ยรู้สึกว่าชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆแต่ก็ไม่ได้สนใจนักเพราะสิ่งที่เธอเป็นกังวลคือความปลอดภัยของอาจารย์ปู่ของเธอ
“ลูลู่ เราไปที่เมืองหลวงกัน”
เมืองหลวง
เรื่องที่ถังซิ่วหมดสติไปนั้นได้ทำให้ตระกูลถังทั้งหมดนั้นแตกตื่นทันที
ทุกคนในตระกูลเองก็ได้ใช้เส้นสายทั้งหมดเพื่อเชิญหมอมาตรวจอาการของเขาแต่หลังจากที่ได้ตรวจแล้วทุกคนเองก็ได้ส่ายศีรษะไปตามๆกัน หมอที่มากด้วยความสามารถอย่างเฉินเทียนเหอเองก็รู้ได้ลางๆว่าพลังชีวิตทั้งหมดของถังซิ่วได้ถูกใช้ไปจนเกลี้ยง
“ปรมาจารย์เฉิน คุณต้องช่วยหลานชายของผมนะ เราไม่เกี่ยงว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
ถังเกาเชิงได้ระงับความรู้สึกเสียใจเอาไว้พร้อมกับพูดกับชายชราที่สวมชุดคลุมสีเทา
เฉินเทียนเหอเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“คุณถัง ฉันเองก็เข้าใจความคิดของคุณดีแต่สถานการณ์ของเขานั้นฉันเองก็หมดหนทางเช่นกัน ร่ายกายของเขานั้นอ่อนแอเกินไปยิ่งไปกว่านั้นคือพลังชีวิตก็เหลือน้อยลงทุกที หากว่ายังเป็นแบบนี้อย่างมาก…….อย่างมากก็จะมีชีวิตอยู่ได้แค่วันนี้”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ไม่มีวิธีอื่นเลยงั้นหรอ ? ”
เฉินเทียนเหอเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า
“ฉันสามารถฝังเข็มเพื่อปิดจุดพลังของเขาไม่ให้พลังชีวิตไหลออกได้แต่วิธีนี้มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น อย่างมากเขาก็จะสามารถอยู่ต่อได้อีกสามวันและหากว่ายังไม่มีวิธีรักษาก็คง……….”
ถังเกาเชิงที่กำลังจะพูดนั้นก็ได้ยินเสียงวิ่งอย่างดังมาจากประตูพร้อมกับถังหยุนเป็งที่พุ่งเข้ามาก่อนที่จะโห่ร้องออกมาว่า
“คุณพ่อ หยุนดี่ฟื้นแล้ว”
“อะไรนะ ? ”
ร่างกายของถังเกาเชิงได้สั่นสะท้านแต่ก็ยังไม่สามารถรู้สึกดีใจได้เพราะแม้ว่าลูกชายของเขาจะฟื้นขึ้นมาแต่กลับต้องจ่ายด้วยชีวิตหลานชายของเขา มันเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ เขาได้มองไปที่ซูหลิงหยุนที่เป็นลมไปและคิดว่าตังเองนั้นติดค้างสองแม่ลูกคู่นี้จนมิอาจชดใช้ได้อีกแล้ว
“ปรมาจารย์เฉิน สามารถยืดเวลาออกไปได้อีกสองวันก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรตระกูลถังของเราก็จะต้องหาวิธีมารักษาเขาให้ได้ ต้องรบกวนคุณด้วย”
เฉินเทียนเหอได้พยักหน้าก่อนที่จะฝังเข็มเงินไปที่ถังซิ่วอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นหลังจากที่เขาได้ฝังเข็มลงไปแล้วพลังชีวิตที่กำลังไหลออกไปก็ค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ
ในอีกห้องหนึ่ง
ผู้คนตระกูลถังมากมายกำลังตื่นเต้นกับการที่ถังหยุนดี่ได้ฟื้นขึ้นมา ชินฉางเย่เองก็ได้ร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดไปที่เขาแบบไม่ยอมปล่อยมือ
“คุณแม่ ผมไม่เป็นไรอย่าได้ร้องไห้อีกเลย แม่ดูสิว่าผมตื่นขึ้นมาแล้ว !”
ถังหยุนดี่เองก็ได้บีบเอารอยยิ้มออกมาก่อนที่จะขยับร่ายกายของเขาและพบว่ามันดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
ดวงตาของถังหมินเองก็แดงก่ำก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“พี่สอง ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว ดีจริงๆ”
ถังหยุนดี่เองได้รู้แล้วว่าเขาหลับไปถึง20ปี เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาสามารถฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของทุกคนแล้วเขาก็รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องเด็กหนุ่มที่ช่วยเขาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้วถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“อ่อใช่ ตอนที่ผมตื่นขึ้นก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังสำลักเลือดและหมดสติไป เขาเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ทันใดนั้นผู้คนของตระกูลถังเองก็ได้มองไปที่กันและกันอย่างว่างเปล่าและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
ชินฉางเย่เองก็ได้ร้องไห้ออกมาต่อก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ลูก! ลูกไม่รู้หรอกว่าคนที่ช่วยลูกคือลูกชายแท้ๆของลูกน่ะ เขา….ตอนนี้เขาสภาพเลวร้ายมากๆ ”
“อะไรนะ ? ผะ ผะ…..ลูกผม ? ”
ถังหยุนดี่เองก็จำได้ถึงเรื่องตั้งครรภ์ของภรรยาก่อนที่เขาจะหมดสติไปแต่เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเด็กหนุ่มที่เขาพบขณะที่ลืมตาขึ้นมานั้นจะเป็นลูกชายแท้ๆของเขาเอง
“คุณแม่……ขะ…..เขา – สถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ถังหยุนดี่เองก็ได้รู้สึกสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก
ถังหมินเองก็ได้ตอบแทนแม่ของเธอว่า
“ตอนนี้ตระกูลเองก็ได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงมามากมายแต่พวกเขาก็บอกว่า…………สูญเสียพลังชีวิตไปมากและกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“พาฉันไปพบเขาหน่อย”
ถังหยุนดี่เองก็ได้ตะเกียกตะกายเพื่อยืนขึ้นมา
หลังจากผ่านไปสองนาที
ถังหยุนดี่ที่อาศัยการพยุงจากผู้คนในตระกูลนั้นก็ได้มาถึงห้องของถังซิ่วที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวจากปากของพ่อเขาเกี่ยวกับสถานการณของถังซิ่วและซูหลิงหยุนที่นอนเป็นลมอยู่นั้น เขาก็ได้ไปพยุงตัวเธอขึ้นมาในอ้อมอกก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
เมืองหลวง
ทุกๆตระกูลใหญ่ผู้มีอำนาจและร่ำรวยที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารนั้นได้รู้ข่าวเรื่องที่พบตัวหลานของผู้นำตระกูลถังที่หายตัวไปกว่า20ปีแล้วและสิ่งที่กระแทกจิตใจของพวกเขาที่สุดคือเด็กหนุ่มคนนั้นคือหมอเทวดาของโรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้ที่สามารถฟื้นคืนสติให้พ่อของเขาที่เป็นเจ้าชายนิทราไปกว่า20ปีแต่ก็ต้องแลกด้วยการที่ตัวเองหมดสติไปเสียเองและตอนนี้ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย
ทันใดนั้นหลายๆฝ่ายเองก็ได้ติดต่อไปหาถังเกาเชิงเพื่อถามถึงสถานการณ์ของถังซิ่วและเพื่อปลอบใจเขา หมอระดับสูงอีกหลายๆคนเองก็ได้มาที่เมืองหลวงหลังจากที่ได้รับคำเชิญจากคนตระกูลถัง