…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาจางๆก่อนที่จะพูดว่า

“นายเองก็ใช่ย่อยหนิ ฉันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายนู้นเองก็แข็งแกร่งแต่ไม่สามารถตอบโต้นายได้ด้วยซ้ำ เตรียมการไว้ ! เก็บพวกอาวุธปืนไปให้หมดและเตรียมตอบโต้พวกด้านนอก”

หลังเถาเองก็ได้ลังเลอยู่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“บอสผมคิดว่าเราอย่าเอาแต่ตั้งรับและโจมตีมันกลับไปบ้าง”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาซ่งไทกุยทันที

“ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กัน ? ”

“อย่างมากก็สิบนาทีครับ”

“ดี !”

ถังซิ่วได้วางสายก่อนที่สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

“อย่างมากก็ต้องใช้เวลาอีกสิบนาที เราปกป้องที่นี่เอาไว้ก่อนและหากว่ามันโจมตีเรามาตรงๆเราก็จะตอบโต้กลับไปทันที ฉันไม่ชอบให้ศัตรูเข้ามาในพื้นที่ของฉันและฆ่าคนของเราดังนั้นเราจะต้องฆ่าพวกมันให้หมด”

หลันเถาเองก็ได้พูดออกมาว่า

“บอส กองกำลังเคียวเทพแห่งความตายนั้นมีคนอยู่กว่า40คนและพวกมันเองก็ยังมีคนอยู่เท่านี้มาหลายปีแล้ว เราได้ฆ่าพวกมันไปกว่า20คนแล้วคุณบอกว่ายังมีอีกกว่า40คน ผมสงสัยว่าพวกเขาน่าจะไม่ใช่คนของกองกำลังนั้น”

ชาหยูเองก็ได้พูดออกมาว่า

“กองกำลังเคียวเทพแห่งความตายน่าจะถูกฆ่าไปหมดแล้วเพราะก่อนที่เราจะมาที่นี่ก็ได้ฆ่าพวกเขาไปกว่า20คนแล้ว ฉันคิดว่ากองกำลังที่มาสมทบน่าจะเป็นพวกอื่น”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ไม่ว่ามันเป็นใครก็ช่างแต่หากว่ามันกล้าเปิดฉากโจมตีใส่เรามันก็ต้องตาย จำคำพูดของฉันเอาไว้ว่าหากว่ามันไม่มาล่วงเกินเรา เราก็จะไม่ล่วงเกินมันแต่ใครที่กล้าสร้างปัญหาให้กับฉัน ฉันก็จะตอบแทนมันกลับไปร้อยเท่า”

หลันเถาเองก็ได้เลียริมฝีปากของเขาทันที เขารู้สึกว่าช่วงที่ได้อยู่กับถังซิ่วนั้นเป็นช่วงที่ชีวิตของเขาเบิกบานมากๆ เขาเป็นคนที่ผ่านสนามรบและอาบเลือดมามากมายรวมถึงห่ากระสุนแต่กลับต้องมาเป็นคนธรรมดากว่าครึ่งปีมันทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก วันนี้เขาได้ชีวิตที่เขาใฝ่ฝันกลับมาอีกครั้ง

รอบๆนอกของโรงงานร้าง

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะกำลังส่องกล้องส่องทางไกลเพื่อประเมินสถานการณ์ภายในโรงงานอยู่ ข้างๆเขาได้มีผู้หญิงที่รูปร่างสง่างามสวมหน้ากากเอาไว้พร้อมปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมา ข้างหลังพวกเขาทั้งสองนั้นก็ได้มีชายสวมหน้ากากพร้อมกับดาบรูปแบบตะวันตกอยู่

“คุวาโกะ เป้าหมายของเธอคือไทเกอร์เพราะฉะนั้นเธอห้ามตายเด็ดขาด ”

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะเองก็ได้วางกล้องส่องทางไกลลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

เสียงเย็นชาของผู้หญิงสวมหน้ากากเองก็ได้ตอบกลับมาว่า

“หากว่าไม่สามารถทำงานสำเร็จได้ฉันจะฆ่าตัวตาย”

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างงั้น จำไว้ว่าเธอคือสายเลือดตรงคนสุดท้ายของตระกูลยามาโมโต๊ะและเป็นผู้นำสำนักดาบดาวเหนือคนต่อไป ใครจะตายก็ช่างแต่เธอห้ามตายเด็ดขาด”

หญิงสาวที่สวมหน้ากากเองก็เงียบไปครู่หนึ่งแต่ความแน่วแน่ในสายตาของเธอก็ได้มีเพิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ทันทีทันใดนั้น

ท่ามกลางความมืดมิดก็ได้มีกลุ่มคนแอบย่องเข้าไปทางโรงงาน หนึ่งกลุ่มมีสามคนซึ่งพวกเขาได้เข้าไปที่ลึกสุดของโรงงานอย่างรวดเร็ว

“หยุดก่อน !”

ยามาโมโต๊ะอิชาโร๊ะเองที่อยู่ห่างจากโรงงานไปไม่กี่เมตรนั้นได้สั่งการออกมาทางหูฟังไร้สายทันที ด้านหน้าของเขานั้นมีซากศพของกองกำลังเคียวเทพแห่งความตายอยู่สองคน

“เพิ่งตายได้ไม่นาน มีบาดแผลอยู่ที่ลำคอและถูกแทงที่หัวใจ มีใครบางคนได้ฆ่าพวกเขาด้วยมีดของกองทัพซึ่งที่พื้นเองก็ได้มีรอยเท้าหลงเหลือไว้ กลุ่มของพวกเขาเองก็น่าจะมี2-3คน ฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งอย่างมากอย่างน้อยก็คงเป็นมือสังหารที่มีฝีมือเพราะพวกเขาที่ตายอยู่นี้น่าจะเป็นยามเฝ้าประตู ”

เสียงของหญิงสาวที่สวมหน้ากากก็ได้ดังขึ้น

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ไปดูพื้นที่โดยรอบสิว่ามีศพของกองกำลังเคียวเทพแห่งความตายอีกไหม ”

“รายงาน พบศพ !”

“รายงาน พบสองศพ !”

“รายงาน พบศพ !”

เสียงรายงานได้ถูกส่งผ่านมาทางหูฟังไร้สายของยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะ

ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีเขาได้ส่งคนไปติดตามการเคลื่อนไหวของกองกำลังนี้เอาไว้แล้วละพบว่าคนที่เหลือรอดกลับมาได้ก็มีประมาณ20คน เขาคิดว่าหยวนเจิ้งซวนได้ถูกจับกุมตัวเอาไว้แล้วจากนั้นก็จะตลบหลังกกองกำลังเคียวเทพแห่งความตายทีหลังแล้วชัยชนะก็จะตกเป็นของเขา

แต่ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะเองก็ได้คิดอยู่30วินาทีก่อนที่จะแอบอยู่หลังต้นไม้ก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า

“ไทเกอร์ นายยังมีชีวิตอยู่ไหม ? ฉันยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะ”

ในโรงงาน

ถังซิ่วได้ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีหลังจากที่ยินเสียงที่กำลังดังไปทั่วอยู่นั้น เขาหันหลังไปมองที่คนอื่นๆแล้วพูดขึ้นว่า

“ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะ ? คนแคระญี่ปุ่น ? ”

หลันเถาเองก็ได้มีประกายแห่งความเย็นชาออกมาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของตระกูลยามาโมโต๊ะที่ญี่ปุ่น สถานะของเขาสูงและยังมีอีกสถานะหนึ่งคือผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนของสำนักดาบดาวเหนือ”

ถังซิ่วเองก็ไม่ได้สบอารมณ์กับพวกคนแคระญี่ปุ่นนักเพราะคนจากประเทศนี้มักจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดีนัก ดูจากประวัติศาสตร์ของพวกเขาแล้วก็รู้ได้เลยว่าเป็นประเทศที่ข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้เองพวกเขาก็ได้มาบุกรุกประเทศจีนและทิ้งความหวาดกลัวเอาไว้บนที่แห่งนี้

ถังซิ่วได้หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนที่จะโทรไปหาหยวนเจิ้งซวนและรู้มาว่าพวกคนแคระญี่ปุ่นเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่วางแผนจะปล้นผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขา

“เตรียมตัวที่จะทำให้พวกมันอยู่ที่นี่ตลอดไป!”

ถังซิ่วได้ออกคำสั่งออกมาทันที

ยามาโมโต๊ะอิชิโร๊ะที่อยู่ด้านนอกเองก็ได้ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะไม่มีเสียงตอบรับจากภายในแม้แต่น้อย มันทำให้เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามเขามีนิสัยที่หยิ่งผยองและผู้ติดตามของเขาเองก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญของสำนักดาบดาวเหนือดังนั้นหลังจากที่รออยู่สองนาทีเขาก็ได้ออกคำสั่งทันที

ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว

กระกายแสงสว่างวาบได้เกิดขึ้นทันทีพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ล้มตายจากการถูกปืนไรเฟิลยิงทันที

“ไอโง่ ระวังหน่อยสิ !”

ยามาโมโต๊ะเองก็ได้สาปแช่งออกมาพร้อมกับหยิบปืนพกออกมาจากเอวของเขาแล้วเดินไปทางโรงงานทันที

การปะทะกันของปืนได้เริ่มขึ้น

ทั้งสองฝ่ายเองก็เปิดฉากยิงใส่กันและตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนในโรงงานเองก็ไม่ได้ออกมาส่วนคนของยามาโมโต๊ะเองก็บุกเข้าไปไม่ได้ ซึ่งทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมากจากนั้นคนทั้งสองที่อยู่ข้างกายของเขาก็ล้มลงทันทีหลังจากที่กระสุนได้เจาะกะโหลกของพวกเขาจากด้านหลังทำให้ตายทันที

“อะไรกัน ? ”

ยามาโมโต๊ะไม่เคยคิดว่าด้านหลังของเขาจะยังมีศัตรูอยู่ด้วย ความกลัวได้ก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของเขา พร้อมกับกำลังออกคำสั่งให้ถอนตัวแต่การปะทะกันก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆส่วนร่างที่แอบซ่อนอยู่ในโรงงานนั้นก็ยังไม่ได้เผยตัวออกมา

“ไอโง่ ฆ่ามันเร็วๆสิ !”

ยามาโมโต๊ะรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก เขานึกถึงคำพูดหนึ่งของจีนขึ้นมาทันที : เหมือนเต่าในขวดโหล เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น

ฟิ้ว

ร่างๆหนึ่งได้ปรากฏขึ้นข้างๆยามาโมโต๊ะซึ่งก็คือผู้หญิงที่สวมหน้ากากพร้อมกับที่เธอพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ท่านหนีไปกับข้าเถอะ”

ยามาโมโต๊ะเองก็ได้ผลักเธอออกไปก่อนที่จะด่าออกมาว่า

“ยัยโง่ ผู้หญิงอะไรกลัวปัญหาแค่นี้ ต่อให้ศัตรูล้อมเราอยู่เราก็จะต้องเปิดเส้นทางนี้ด้วยเลือด ทุกคนมาล้อมฉันไว้ มาล้อมฉันไว้ !”

“ไอ้โง่ !”

หญิงที่สวมหน้ากากเองก็ได้ด่าออกมาเบาๆก่อนที่จะหายตัวไปทันที

ณ ตอนนี้

ถังซิ่วได้วิ่งออกมาจากโรงงานก่อนที่จะยิงใส่คนญี่ปุ่นไปสามคนพร้อมกับทำให้พวกเขาตายโดยทันที เขากำลังหาผู้บัญชาการของอีกฝ่ายโดยใช้จิตสัมผัสของเขา เขาได้ค้นพบว่ามีคนๆหนึ่งกำลังพุ่งตัวมาทางเขาด้วยความเร็วสูง นอกจากผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนที่เขารู้จักแล้วก็ไม่เคยเห็นใครที่เร็วเท่านี้มาก่อน

“คิดจะหนีงั้นหรอ ? ”

ร่างกายของถังซิ่วเองก็เคลื่อนไหวทันทีก่อนที่จะพุ่งเข้าปะทะกับหญิงสาวที่สวมหน้ากากคนนั้น

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีถังซิ่วก็ได้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับจ่อปากกระบอกปืนไปทางเธอแล้วลั่นไกทันที

“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง…”

กระสุนทั้งสามนัดถูกป้องกันไว้ได้โดยมีดรูปเสี้ยวพระจันทร์ในขณะที่กระกายแสงได้ส่องสว่างไปทั่วทิศทางเธอเองก็ได้พุ่งออกไป7-8เมตร

ท่าทางของถังซิ่วกลายเป็นจริงจังทันทีเพราะฝ่ายตรงข้ามสามารถป้องกันวิถีกระสุนได้และสามารถหนีไปได้นั้นแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือเขา

“แกไม่สามารถหนีไปไหนได้ หากไม่อยากตายก็จงหยุดแล้วทำตัวดีๆ ”

ถังซิ่วได้เก็บปืนของเขาก่อนที่จะหยิบมีดกองทัพออกมาแล้วกระโจนเข้าใส่เธอทันที เขานั้นรวดเร็วกว่าเธอมากและภายในไม่กี่ลมหายใจนั้นก็ได้ไปขวางทางเธอไว้อีกครั้ง

“ฮิหย้า !!!……”

หญิงที่สวมหน้ากากเองก็ได้ใช้มีดรูปเสี้ยวพระจันทร์สับมาที่ถังซิ่วทันที ท่วงท่าของเธอนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เธอฟาดฟันนั้นก็ได้เล็งไปที่จุดตายของถังซิ่ว

“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง…”

ถังซิ่วได้หลบหลีกพร้อมกับใช้มีดป้องกันเอาไว้พร้อมกับเข้าปะทะกับเธอ

“ปึ้กกก……”

ถังซิ่วได้ขับเคลื่อนพลังแห่งดวงดาราในร่างกายทันทีพร้อมกับหยุดดาบของเธอเอาไว้แล้วเข้าใกล้เธอก่อนที่จะใช้มีดแทงไปออกไปทว่าเธอเองก็หลบจุดตายได้ส่งผลให้มีดแทงทะลุไหล่ซ้ายของเธอก่อนที่ถังซิ่วจะส่งหมัดไปที่หน้าอกของเธอซ้ำอีกครั้ง

“โคร๊ม…..”

ร่างกายของเธอได้ลอยเคว้งไปบนอากาศก่อนที่จะสำลักเลือดออกมาก้อนโต ถังซิ่วเองก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธออีกครั้งพร้อมสกัดจุดพลังของเธอไว้แล้วอุ้มเธอไปทันที

“ฉันบอกแล้วว่าเธอหนีไม่รอดหรอก ”

ถังซิ่วได้ยื่นมือไปดึงหน้ากากของเธอออกและสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงนั้นคือเธอเป็นคนที่มีหน้าตาสวยงามมากๆและตรงหน้าผากของเธอเองก็มีสัญลักษณ์รูปผีเสื้อขนาดเท่านิ้วก้อยอยู่ซึ่งมันได้เพิ่มเสน่ห์ให้เธออย่างมาก

“ฆ่าฉันซะ !”

หญิงสาวคนนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าเธอจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตกตะลึงจากการขยับไม่ได้ก็ตามแต่เธอรู้แล้วว่าชะตากรรมของเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายตรงข้าม เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่พ่อของเธอนำยาพิษที่ฝังอยู่ที่ฟันของเธอออกไปเมื่อปีที่แล้ว

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า

“จะตายงั้นหรอ ? มันยากตั้งแต่ที่เธอตกมาอยู่ในเงื้อมมือของฉันแล้ว ! อ่อลืมบอกไปว่าฉันเองก็ยังมีอีกสถานะนั่นคือฉันเป็นหมอ ต่อให้คนบางคนฆ่าตัวตายโดยการกัดลิ้น ปาดคอตัวเอง หรือว่าจะแทงหัวใจตัวเองก็ตามแต่ฉันก็ยังมีวิธีทำให้พวกมันมีชีวิตรอดอยู่ได้อีกหลายชั่วโมง ดังนั้นเธอล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายไปได้เลยไม่อย่างงั้นฉันจะให้เธอได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่โหดร้ายและทารุณที่สุดในชีวิตที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เธอทำอย่างนั้น”